จากเคยแตกหัก : เอ็นดอมเบเล่ กลายเป็นแข้งที่ มูรินโญ่ เชื่อใจได้อย่างไร

 

คงไม่มีใครคาดคิดว่า ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่ จะกลายเป็นนักเตะที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ให้ความไว้วางในปัจจุบัน ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มีข่าวการไม่ลงรอยของทั้งคู่อย่างหนักในหน้าสื่อก็ตาม

 

ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ คว้า กองกลางชาวฝรั่งเศส  มาร่วมทีมจาก โอลิมปิก ลียง ด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติสโมสรถึง 55.45 ล้านปอนด์ ในซัมเมอร์ปี 2019 แต่ก็ทำผลงานได้ไม่คุ้มค่าตัวมากนัก ที่แย่ไปกว่านั้น เขาแทบไม่มีอนาคตในทีมเลย หลังจากการเข้ามา กุนซือชาวโปรตุเกส เข้ามากุมบังเหียนของไก่เดือยทอง

 

เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ เอ็นดอมเบเล่ มักจะไม่มีชื่ออยู่การแข่งขันแต่ละเกมบ่อยๆ อีกทั้งเมื่อได้ลงสนาม เขามักจะโดน ‘เดอะ สเปเชียล วัน’ สับออกสื่อแบบไม่ไว้หน้าหลายคน จนมีข่าวลือว่าความสัมพันธ์ทั้งคู่ติดลบแตกหัก โดยที่ อดีตแข้งลียงไม่ขอเล่นให้ทีมที่มีกุนซือชื่อ มูรินโญ่ อีกต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อฤดูกาลใหม่เริ่มต้นขึ้น เอ็นดอมเบเล่ ลงเล่นให้สเปอร์สครบทุกนัดในพรีเมียร์ลีก 6 เกมแรก รวมถึงรายการอื่นรวมเป็น 9 นัด นั่นกลายเป็นสัญญานบ่งบอกกลายๆว่าเขาสามารถซื้อใจ มูรินโญ่ ได้ระดับนึงแล้ว 

 

เพียงแต่ว่าเขาทำแบบนั้นได้อย่างไร UFA ARENA จะพาทุกท่านไปหาคำตอบผ่านบทความนี้กัน

 

 

แพะของมูรินโญ่

 

 

กองกลางชาวฝรั่งเศส ถูกเปลี่ยนตัวในเกมที่เอาชนะ เบิร์นลี่ย์ 1-0 ที่สนาม เทิร์ฟ มัวร์ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ในปี 2020 ที่เขาถูกเปลี่ยนตัวในเกมดวลกับ เดอะ คลาเร็ตส์ และมันแตกต่างจากครั้งแรกอย่างมาก

 

แต่อีก 7 เดือนต่อมา เอ็นดอมเบเล่ เขาทำผลงานได้ขึ้นมาก และถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วง 12 นาทีสุดท้าย ซึ่งเป็นช่วงที่ สเปอร์ส ได้ประตูขึ้นนำ และหลังเกมนั้น มูรินโญ่ ก็ออกปากชมลูกทีมของตัวเอง เช่น มุสซ่า ซิสโซโก้, เบน เดวิส เช่นเดียวกับ มิดฟิลด์เลือดน้ำหอม 

 

ย้อนกลับไปช่วงต้นเดือนมีนาคม เอ็นดอมเบเล่ ถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ 45 นาทีแรก โดยที่มีเสียงตำหนิของ มูรินโญ่ หลังเกมนั้นว่า “ในครึ่งแรก เราไม่มีกองกลางเลย” แม้จะเล่นได้ไม่ดีจริงๆ แต่หลายคนก็มองว่า เขาไม่ต่างจาก อาเดรียน มูตู, มาริโอ บาโลเตลลี่ หรือ พอล ป็อกบา ที่ถูก มูรินโญ่ มองว่าเป็นแพะสำหรับผลการแข่งขันอยู่เสมอๆ

 

นี่ถือเป็นปีที่น่าประหลาดใจที่เต็มไปด้วยความไม่น่ายินดีเป็นส่วนใหญ่ในมุมมองของ เอ็นดอมเบเล่ เมื่อช่วงที่ฟุตบอลไร้การแข่งขันจาก โควิด-19 มูรินโญ่ พยายามหาทางแก้ปัญหานี้ด้วยการเล่นบทโหดกับลูกทีมตัวเอง 

 

เรื่องเหล่านั้นเคยเกิดข้นแล้วกับ ป็อกบา, อองโทนี่ มาร์กซิยาล และ ลุค ชอว์ ที่โดนมูรินโญ่ ด่าออกสื่ออยู่บ่อยๆ ในสมัยที่เขาคุม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมถึง อเล็กซิส ซานเชซ ที่โดนจัดหนักไปเช่นกัน แต่ก็ไม่สามารถโชว์ฟอร์มการเล่นที่ดีออกมาได้เลย

 

 

จงใช้ผลงานตอบโต้

 

 

ทว่า โจ โคล อดีตแข้งเชลซีในยุคที่ มูรินโญ่ พาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัยติด และเคยโดนกุนซือแดนฝอยทองวิจารณ์หนักไม่แพ้กันในสมัยก่อน ไม่ได้มองว่าการทำแบบนี้เป็นเรื่องแย่ไปทั้งหมด และอยากให้ เอ็นดอมเบเล่ พิสูจน์ตัวเองด้วยผลงานในสนาม

 

“โชเซ่ รู้ดีว่าเขากำลังทำอะไร เขารู้ว่าคาแร็คเตอร์ของนักเตะเป็นอย่างไร เขาคาดหวังให้นักเตะตอบสนอง พลิกสถานการณ์ของตัวเองกับท็อตแน่ม พลิกฟื้นอาชีพค้าแข้ง หรืออาจคาดหวังให้นักเตะก้าวเดินต่อไป” โคล กล่าว

 

แต่ กองกลางชาวฝรั่งเศส ก็ไม่สามารถทำผลงานได้อย่างที่ มูรินโญ่ คาดหวังไว้ และในช่วงที่ลีกรีสตาร์ท อีเอสพีเอ็น สื่อดังของอเมริกา ตีข่าวว่า เอ็นดอมเบเล่ ไม่ขอญาติดีกับกุนซือชาวโปรตุกีสอีกต่อไป เนื่องจากโดนตำหนิอยู่ฝ่ายเดียว ทั้งๆที่ทำตามที่บอกทุกอย่าง

 

ขณะเดียวกัน มูรินโญ่ ก็มีข่าวเตรียมโละ กองกลางค่าตัวสถิติสโมสรออกจากทีมในซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้ เอ็นดอมเบเล่ ยังอยู่ในทีมของ เดอะ สเปเชียล วัน ต่อไป

 

มากไปกว่านั้น มูรินโญ่ ก็ไม่เคยบอกว่า อดีตแข้งลียง หมดอนาคตกับทีม และพร้อมให้โอกาสเขากลับมาคืนฟอร์มในสนามด้วยซ้ำ พร้อมยกเอากรณีของ ลูก้า โมดริช เป็นตัวอย่าง

 

“ฟุตบอลเต็มไปด้วยผู้เล่นที่ออกสตาร์ทอย่างยากลำบาก, ลูก้า โมดริช ที่ เรอัล มาดริด, หลังจาก 6 เดือนเขาถูกมองว่าเป็นการเซ็นสัญญาเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของ เรอัล มาดริด จากแฟนบอลและสื่อ” มูรินโญ่ กล่าว

 

“2-3 เดือนถัดมาเขาเป็นแชมป์ จากนั้นก็แชมป์ยุโรปและได้รับการโหวตให้ได้เป็นนักเตะดีที่สุดในโลก, เมื่อมีพรสวรรค์ หลายสิ่งเกิดขึ้นได้กับการปรับตัว แต่ถ้าพรสวรรค์ดีอะไรก็สามารถเป็นไปได้” 

 

 

ความเชื่อใจแบ่งบาน

 

 

เริ่มต้นฤดูกาลใหม่ เอ็นดอมเบเล่ ยังคงเป็นตัวเลือกสำรองของทีมอยู่ไม่ต่างจากฤดูกาลก่อน แต่จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ มูรินโญ่ เริ่มกลับมาเชื่อใจเขามากขึ้นคือเกม ยูโรป้า ลีก รอบคัดเลือก นัดที่ 2 ซึ่งเป็นคนยิงประตูชัยให้ทีมผ่านเข้าไปเล่นในรอบแบ่งกลุ่มได้สำเร็จ

 

“ในตอนนี้ ผมมั่นใจในตัว ต็องกีย์ ผมไม่เคยสงสัยในเรื่องศักยภาพของเขา ไม่เคยเลย ผมสงสัยเพียงแค่เรื่องแรงจูงใจของเขาในบางครั้งและในเรื่องของการมีส่วนร่วมและทัศนคติเรื่องของมืออาชีพ” เดอะ สเปเชียล วัน กล่าวหลังเกมนั้น

 

“ในตอนนี้ ผมเชื่อในตัวเขา วันนี้เราตัดสินใจพร้อมกันที่จะไม่ให้เขาลงสนามเป็นตัวจริงเพราะเขารู้สึกว่าเขาอยากได้มากกว่าเล็กน้อยแต่ในตอนนี้ผมคิดว่า ต็องกีย์ สามารถโชว์ผลงานที่ยอดเยี่ยมให้กับเราได้”

 

นับตั้งแต่นั้น เขาก็ได้ลงเล่นบ่อยขึ้น โดยเป็นตัวจริงถึง 6 นัด จาก 9 เกมทั้งหมดที่เขาลงเล่นในทุกรายการ

 

เกมในนัดที่เฉือนชนะ เบิร์นลี่ย์ เอ็นดอมเบเล่ ยังโชว์ความยอดเยี่ยมให้เห็นพอสมควร อีกทั้งยังมีความมั่นใจมากขึ้นในการเล่นหลาย ๆ จังหวะ เช่นตอนที่ ฝ่าวงล้อมบริเวณมุมธงโดยยกบอลผ่าน แอชลี่ย์ เวสต์วู้ด และ แม็ตต์ ลอว์ตัน พร้อมทั้งยังสามารถพาบอลเล่นต่อไปได้ด้วย

 

ด้วยความสามารถที่ครบเครื่อง ทั้งความเร็ว, ทักษะ หรือความว่องไวคล่องแคล่ว ทำให้ เอ็นดอมเบเล่ อาจเป็นกองกลางที่ มูรินโญ่ ไม่เคยมีมาก่อน และอาจเป็นกองกลางที่ทีมตามมานานพักใหญ่ หลัง มูซ่า เดมเบเล่ ได้ลาทีมไปเมื่อปีที่แล้ว

 

เมื่อย้อนนึกถึงคำวิพากษ์วิจารณ์ในหลายเดือนก่อน ด้านเอ็นดอมเบเล่ เผยว่าตนเองไม่เคยคิดแค้นกับคำพูดของ มูรินโญ่ เลย และพร้อมจะทำผลงานให้ดีขึ้นกว่าเดิมต่อไป

 

“คำพูดของเขาไม่เคยทำร้ายผม พวกเขาไม่จำเป็นต้องกระตุ้นผมด้วยซ้ำ แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่ผมน้อมรับ และนำมาปรับใช้ แน่นอนว่ามันไม่ใช่สิ่งที่คุณอยากได้ยินคำเหล่านั้น แต่นั่นมันฤดูกาลที่แล้ว และเรากำลังมองไปยังอนาคต” อดีตแข้งลียง กล่าว

 

ณ ตอนนี้ มูรินโญ่ ก็ยังใช้งานนักเตะและทีมต่อจากชุดของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เป็นหลัก  ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างในแดนกลางที่ไม่มี คริสเตียน อีริคเซ่น อีกต่อไป รวมถึง เดเล่ อัลลี่ ที่อยู่ม้านั่งสำรองหลังเสียตำแหน่งให้กับ โจวานี่ โล เซลโซ่ และการที่ เอ็นดอมเบเล่ ได้รับความไว้วางใจจากกุนซือ อาจทำให้ อัลลี่ ต้องรอโอกาสของตัวเองต่อไป

 

ไม่น่าเชื่อว่าจากคนที่กุนซือไม่ต้องการให้อยู่ในทีมเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ปัจจุบัน ทั้ง มูรินโญ่ และ เอ็นดอมเบเล่ กลับกลายคนที่ไว้ใจซึ่งกันและกัน จนกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น