แฟนบอลเชลซีได้หน้าบานเป็นกระด้ง หลังทีมรักของพวกเขาคว้าตัว ฮาคิม ซีเยค เพลย์เมคเกอร์ มากพรสวรรค์ จาก อาแจ็กซ์ มาร่วมทีมได้เรียบร้อย และจะย้ายมาร่วมทีมอย่างเป็นทางการในซัมเมอร์นี้
นี่ถือเป็นนักเตะรายแรกที่ แฟรงค์ แลมพาร์ด คว้ามาร่วมทีมในฐานะผู้จัดการทีม ซึ่งจริงๆสื่อบางเจ้าในอังกฤษได้เผยว่า สิงห์บลูต้องการคว้า ซีเยค มาตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมาแล้ว เพียงแต่ว่า ยอดทีมแดนกังหันลมต้องการปล่อยแข้งตัวเก่งไปหลังจบฤดูกาลนี้เท่านั้น
คาดว่าดีลนี้มีค่าตัวอยู่ที่ 36.6 ล้านปอนด์ และจะเป็นก้าวสำคัญครั้งใหญ่ของนักเตะวัย 26 ปีแน่นอน เพราะฉะนั้น UFA ARENA จึงขอพาทุกท่านไปรู้จักกับ พ่อมดคนใหม่ในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นค้าแข้งจนกระทั่งกลายเป็นดาวดังแบบในปัจจุบัน
เรื่องเศร้าในวัยเด็ก
ซีเยค เกิดและเติบโตที่เมือง ดรอนเตน ใจกลางประฮอลแลนด์ และก็เริ่มต้นชีวิตค้าแข้งได้อย่างลำบาก เมื่อพ่อบังเกิดเกล้าลาโลกนี้ในขณะที่เขามีอายุเพียง 10 ปีเท่านั้น
“ผมจำได้ดีเลย มันเป็นหน้าหนาว หลังจากช่วงคริสมาสต์” ซีเยค ย้อนความหลังผ่าน AD “พ่อของผมอยู่บนเตียงในห้องนั่งเล่น เขาป่วยเป็นบางครั้ง และมันยิ่งแย่ลงไปทุกที ผมต้องไปนอนในคืนนั้น แต่ผมอยากจะอยู่กับเขา ท้ายที่สุดแล้วผมก็หลับไปขอบเตียงของพ่อ”
“ราวๆเที่ยงคืน ผมตื่นขึ้นและกลับไปที่ห้องของผม แต่อีก 2-3 ชั่วโมงต่อมา ซักช่วงตี 3 ผมได้ยินคนในบ้านร้องไห้ข้างล่าง ผมลงไปที่ห้องนั่งเล่น และพ่อของผมก็จากไปแล้ว”
นับตั้งแต่นั้น ซีเยคก็ถูกพี่ๆเลี้ยงดูขึ้นในฐานะที่เขาเป็นน้องคนสุดท้องจากพี่น้องทั้งหมด 9 คน และมี แม่ ที่คอยอยู่ข้างๆเขาตลอด
“แม่ต้องภูมิใจในตัวผมมากแน่นอน แต่เธอไม่เคยพูดมันออกมาเท่านั้น แม่ไม่ได้เดินทางมาดูเกมในสนามแล้ว เพราะเธออายุ 70 ปี, เดินไม่ได้ และ ไม่สามารถทนความตึงเครียดได้ในสนามได้ แต่เมื่อเธอได้ดูผมผ่านโทรทัศน์ แม่มักจะบอกผมว่าเธอรู้สึกอย่างไรเมื่อผมถูกคู่แข่งแทคเคิ้ล”
เกือบเสียคน
ในวัย 14 ปี ซีเยค ได้ลา ดรอนเตน บ้านเกิดเพื่อย้ายอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ หลังเซ็นสัญญากับ ฮีเรนวีน เรียบร้อย
แต่เมื่อพี่ชายทั้ง 2 คนของเขา ต้องปิดฉากเส้นทางฟุตบอลอาชีพลง เมื่อติดคุกด้วยคดีลักทรัพย์ ก็มีความกลัวไม่น้อยที่ ซีเยค จะเดินไปยังเส้นทางเดียวกับพี่ๆของตน หลังมีปัญหาทางด้านทัศนคติ, สูบบุหรี่, ดื่มเหล้า, โดดโรงเรียน และโดดฝึกซ้อมในบางครั้ง
เดือดร้อนถึงแม่ของเขา ที่ต้องให้ อาซิซ ดูฟิการ์ นักเตะชาวโมร็อคโกคนแรกที่ค้าแข้งในฮอลแลนด์ เข้ามาช่วยเหลือจนกลายเป็นเหมือนอาจารย์ของ ซีเยค ในเวลาต่อมา และกลับมาอยู่ในเส้นทางที่ควรอีกครั้ง
หลังจากตั้งตัวในทีมชุดเยาวชนของ ฮีเรนวีน เป็นเวลา 5 ปี แข้งเชื้อสายโมร็อคโกก็ได้ประเดิมเกมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในเกมยูโรป้า ลีก รอบคัดเลือกกับ ราปิด บูคาเรสต์ เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2012 และได้ลงเล่นเกมลีกครั้งแรกในเดือนเดียวกัน ก่อนจะลงเล่นทั้งหมด 6 นัดจากทุกรายการตลอดฤดูกาลนั้น
จากนั้นในปีต่อมา ซีเยค ได้แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในทีม หลังซัดไป 11 ประตูจากการลงเล่น 36 นัดในทุกรายการ แถมยังมีความสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมด้วยการทำไป 9 แอสซิสต์ในเอเรดิวิซี่ด้วย
ฉายแสงเกินใคร
จากฟอร์มการเล่นที่กล่าวไปข้างต้น ทำให้ ทเวนเต้ เข้ามาสู่ขอดาวรุ่งอนาคตไกลจาก ฮีเรนวีน ด้วยค่าตัว 3.4 ล้านปอนด์ ในซัมเมอร์ปี 2014 โดยที่ ซีเยค ได้ปฏิเสธโอกาสย้ายไปร่วมทีม เฟเยนูร์ดทีมดังอีกทีมในลีก
เพลย์เมกเกอร์ชาวโมร็อคโก ยกระดับการเล่นตนเองไปอีกขั้นกับ ทเวนเต้ เมื่อเขามีส่วนร่วมกับประตูถึง 27 ลูก ในเอเรดิวิซี่ และคงมาตรฐานนี้ได้ถึง 2 ปีกับสโมสร จนทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่แอสซิสต์มากสุด 4 ครั้งจาก 5 ปีหลังสุด
อย่างไรก็ตาม จุดแตกหักของเขากับทีมก็มาถึง หลังได้เป็นกัปตันทีมในฤดูกาลที่ 2 ของซีเยคกับ ทเวนเต้ แต่ก็ถูกริบปลอกแขนคืนกลางฤดูกาล หลังให้สัมภาษณ์วิพากษ์วิจารณ์สโมสรถึงกรณีที่ไล่ อัลเฟรด ชเรเดอร์ กุนซือคนก่อนออกไป พร้อมกับเผยว่าต้องการย้ายออกจากทีมด้วย
เส้นทางในทีมชาติ
ด้วยความที่ ซีเยค เกิดและเติบโตในฮอลแลนด์ ทำให้เขาสามารถเล่นกับอัศวินสีส้มตั้งแต่ชุดเยาวชน ก่อนจะถูกเรียกติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกในปี 2015 แต่ก็พลาดโอกาสลงเล่นในเกมอุ่นเครื่องกับ ลัตเวีย และ สหรัฐอเมริกา หลังได้รับบาดเจ็บไปก่อน
ทว่า 4 เดือนต่อมา เขาก็ตัดสินใจประกาศเปลี่ยนไปเล่นให้ โมร็อคโก แม้ แดนนี่ บลิน กุนซือทีมชาติฮอลแลนด์ จะขอร้องให้เล่นกับทีมต่อไปก็ตาม และได้ประเดิมเกมแรกในนัดที่พ่าย ไอวอรี่ โคสต์ 1-0 ในเดือนตุลาคมปี 2015
นอกจากนี้ในช่วงเดียวกัน วงการลูกหนังดัตช์ยังมีแนวโน้มที่จะเสียแข้งพรสวรรค์ให้ชาติอื่นเพิ่มขึ้นนอกเหนือจาก ซีเยค ซึ่งก็คือ อันวาร์ เอล กาซี่ และ อุสซามา แทนนาน
แต่ท้ายที่สุดก็มีแค่ แทนนาน ที่ย้ายมาเล่นกับ โมร็อคโก ตามซีเยค ขณะที่ เอล กาซี่ ยังเลือกฮอลแลนด์ต่อไป แต่ก็ลงสนามไปแค่ 2 นัด เท่านั้นนับตั้งแต่ปี 2015
สุดลำบากในช่วงแรกกับ อาแจ็กซ์
ในเวลาต่อมา ซีเยคได้ย้ายไปทีมที่ใหญ่ขึ้นอย่าง อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ด้วยค่าตัว 9.2 ล้านปอนด์ และกลายเป็นแนวรุกดาวเด่นประจำทีมด้วยการทำไป 89 ประตู กับอีก 109 แอสซิสต์ในลีกกับสโมสรจากเมืองอัมสเตอร์ดัมแห่งนี้
แต่ทว่าช่วงแรกของเขากับ อาแจ็กซ์ ไม่ต่างอะไรจากฝันร้าย หลังโดนไล่ออกจากสนามในเกมที่พบกับ พานาธิไนกอส ศึกยูโรป้า ลีก ทั้งๆที่ลงเล่นเป็นนัดที่ 2 ให้ต้นสังกัดเท่านั้น
ทำให้มีข่าวว่า เขาอาจเก็บกระเป๋าลาทีม หลังเพิ่งย้ายมาแค่ฤดูกาลเดียว แถมเสียแชมป์ลีกให้กับ พีเอสวี ไอนด์โอเฟ่น ในวันสุดท้ายของฤดูกาล 2016-17
แถมในช่วงนั้น รถบัสของทีมต้องมาเจอกับแฟนบอลหัวร้อนต้อนรับเมื่อกลับมาถึง อัมสเตอร์ดัม และ ซีเยค ก็ดันไปมีปากเสียงกับแฟนบอล ก่อนจะลบรูปของอาแจ็กซ์ออกจากโซเชียล มีเดีย จนหมดเกลี้ยง ราวกับเป็นการยืนยันว่าไม่อยู่ทีมนี้ต่อไปแน่ๆ
ระเบิดฟอร์มในบอลยุโรป
แม้มีแนวโน้มย้ายทีม ซีเยค ก็ยังอยู่กับอาแจ็กซ์ต่อไป แต่ก็เป็นอีกปีที่ไร้ถ้วยแชมป์ใดๆในฤดูกาล 2017-18
อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาล 2018-19 เป็นปีที่เขาสร้างชื่อให้แฟนบอลทั่วโลกได้รู้จักอย่างแท้จริง หลังพาต้นสังกัดทะลุเข้าถึงรอบตัดเชือกได้อย่างเหนือความคาดหมาย
ขณะที่ มัธไธส์จ เดอ ลิกต์ กลายเป็นผู้นำของทีม, แฟรงกี้ เดอ ยอง เป็นมันสมอง และ ดูซาน ทาดิช เป็นผู้ทำประตู ซีเยค ก็ได้รับการยกย่องจาก ลอรี่ สมิธ นักข่าวจากนิวยอร์ค ไทม์ส ว่าเป็น ‘จินตนาการ’ ของทีม
อีกทั้งประตูและแอสซิสต์ของเขาในฤดูกาลนั้น ยังช่วยให้อาแจ็กซ์คว้าแชมป์ลีกและบอลถ้วยได้ในปีเดียวกันอีกด้วย พร้อมทั้งพัฒนามาตรฐานและผลงานขึ้นไปอีกขั้น
“ณ ทเวนเต้ ฮาคิม วิ่งราวๆ 7 กิโลเมตรต่อเกม กับที่นี่ เขาวิ่งไปเกือบ 12 กิโลเมตร ” ผู้อำนวยการฟุตบอลของอาแจ็กซ์ มาร์ค โอเวอร์มาร์ส กล่าวกับ เดอะ ไทม์ส “เขาปรับตัว เขากัดฟันสู้มากขึ้น ทำให้ตอนนี้เขามีทั้งความแข็งแกร่งและพลังด้วย”
แข้งเนื้อหอม
สื่อสำนักคาดกันว่า ซีเยค จะเป็นนักเตะอีกคนที่ลาทีมไปในซัมเมอร์ปี 2019 เหมือนกับ มัสไธจ์ส เดอ ลิกต์ กับ แฟรงกี้ เดอ ยอง อดีตเพื่อนร่วมทีม และถึงแม้ว่าจะมีข่าวกับ อาร์เซน่ลอ มากที่สุดในช่วงนั้น แต่ทีมที่มีโอกาสใกล้เคียงคว้าตัวเขาไปร่วมทีมมากที่สุดคือ เซบีย่า
“มันมีอยู่จริง” ซีเยคกล่าวกับ DW “เซบีย่าเป็นสโมสรที่ใหญ่มากด้วย แต่ปัญหาก็คือ มอนชี่ ผู้อำนวยการกีฬาของทีม เขาต้องการผมไปร่วมทีมที่โรมเมื่อปีก่อน ทุกอย่างลงตัวแล้ว แต่ผ่านพ้นข้ามคืนไป ก็ไม่มีข่าวอะไรเพิ่มขึ้นเลย และจะให้ผมไปที่ เซบีย่า หรอ? มันไม่เป็นแบบนั้นหรอก”
แข้งทีมชาติโมร็อคโก ยังอยู่กับทีมเมืองหลวงประเทศฮอลแลนด์ และจัดไป 12 แอสซิสต์ช่วยให้ทีมรั้งจ่าฝูงของเอเรดิวิซี่ ซึ่ง เชลซี เป็นทีมต่อมาที่หวังจะคว้าตัวไปร่วมทีมตั้งแต่เดือนมกราคม แต่ว่า อาแจ็กซ์ เลือกที่จะเก็บเพลย์เมกเกอร์คนเก่งไว้กับทีมจนถึงซัมเมอร์นี้
แต่ในตอนนี้ ดีลทุกอย่างลงตัวเรียบร้อย และทั้ง 2 ทีมยืนยันอย่างเป็นทางการว่า ซีเยค ย้ายทีมแน่นอน ซึ่งหลังมีข่าวได้ไม่นาน ดอนนี่ ฟาน เดอร์ บีก อีกหนึ่งดาวเตะเพื่อนร่วมทีมก็กล่าวอวยพรให้เพื่อนประสบความสำเร็จในแดนผู้ดี
“ผมคิดว่า ฮาคิม จะอยู่ในที่ที่เหมาะสม แน่่นอนว่าทุกคนย่อมมีความคิดเป็นของตัวเองเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ผมคิดว่านี่เป็นสโมสรที่ยอดเยี่ยมสำหรับเขาจริงๆ” แข้งชาวดัตช์กล่าวกับ VoetbalPrimeur
และแฟนบอลพรีเมียร์ลีกโดยเฉพาะแฟนเชลซี คงคาดหวังว่าจะได้เห็นฝีเท้าและฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมเหมือนที่เขาทำไว้ในช่วง 2-3 ปีก่อนในฤดูกาลหน้า