จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้าย : 9 ดีลซื้อมาเพื่อคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก

 

ผู้เล่นแค่คนเดียวคงไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ได้ แต่ในพรีเมียร์ลีกช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นมาแล้วว่าการคว้าแข้งใหม่เข้ามาแค่คนเดียวก็สร้างความแตกต่างให้ทีมได้มากเพียงใด

 

ไม่ว่าผู้เล่นคนนั้นจะเป็นดาวยิงจอมถล่มประตู หรือ กองหลังจอมแกร่งที่หยุดคู่แข่งได้อยู่หมัด พวกเขาเหล่านั้นล้วนกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการพาทีมประสบความสำเร็จได้ในเวลาต่อมา

 

UFA ARENA  จะขอพาทุกท่านไปย้อนชม 9 ดีลสุดสำคัญที่ช่วยให้สโมสรดังคว้าแชมป์ลีกสูงสุดแดนผู้ดีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

 

 

โรบิน ฟาน เพอร์ซี่

 

 

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ต้องการทวงแชมป์ลีกคืนจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพื่อนบ้านที่ไม่ได้น่ารำคาญแค่ฝีปากอีกต่อไป ทำให้เขาดึง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ กองหน้าฟอร์มแรงที่ไม่เคยคว้าแชมป์เมเจอร์กับอาร์เซน่อลในช่วง 7 ปีหลังสุด มาร่วมทีมในซัมเมอร์ปี 2012 

 

ซิตี้ หวังจะคว้า ดาวเตะชาวดัตช์มาร่วมทีมเช่นกัน แต่เฟอร์กี้เป็นฝั่งที่เดินเกมเร็วกว่า และผลลัพธ์ที่ได้ก็เป็นไปตามคาด เมื่อ RVP กดไป 30 เม็ดในทุกรายการที่ลงเล่นให้ปีศาจแดงปีแรก พร้อมกับคว้าแชมป์ลีกสมัยแรกของเจ้าตัวไปครอง

 

บรมกุนซือชาวสก็อตถึงขนาดเปรียบ ฟาน เพอร์ซี ว่ามีอิมแพ็คคล้ายๆกับที่ เอริค คันโตน่า มี อีกทั้งยกให้ลูกวอลเลย์ใส่ แอสตัน วิลล่า คือประตูแห่งศตวรรษอีกด้วย

 

 

เซร์คิโอ้ อเกวโร่ 

 

 

ก่อนหน้า ฟาน เพอร์ซี่ จะระเบิดฟอร์มกับ ยูไนเต็ด ทางด้าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็คว้า อเกวโร่ ช่วยให้พวกเขาคว้าแชมป์ได้ในฤดูกาล 2011-12

 

ดาวยิงร่างเล็กชาวอาร์เจนไตน์ เป็นหนึ่งในนักเตะหลายคนที่เรือใบสีฟ้าเสริมทัพ ณ ซัมเมอร์ปี 2011 ก่อนจะยิงไป 30 ประตูกับฤดูกาลแรกที่ค้าแข้งในแดนผู้ดี

 

กุน ใช้เวลาเพียง 9 นาทีเท่านั้นหลังลงมาเป็นตัวสำรองเพื่อทำประตูแรกให้ ซิตี้ ได้ และเราคงไม่ต้องบอกว่าฤดูกาลนั้นจบลงด้วยผลสุดดราม่าอย่างไร

 

 

เอริค คันโตน่า

 

 

ในปี 1992 แมนยูไนเต็ด ชวดคว้าแชมป์ดิวิชั่นหนึ่งให้กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด และการจบสกอร์ที่ไม่เด็ดขาดในแนวรุกคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาต้องพลาดชูถ้วยแชมป์ในครั้งนั้น

 

คันโตน่า เป็นนักเตะคนสำคัญที่ช่วยให้ นกยูงทอง คว้าแชมป์ผู้ดี แต่อีกแค่เดือนเดียวหลังประสบความสำเร็จ เขาช็อคแฟนลีดส์ ด้วยการย้ายไปเล่นกับ ยูไนเต็ด หนึ่งในทีมอริตลอดกาล

 

“ถ้ามีผู้เล่นคนเดียวจากที่ไหนก็ได้บนโลกซึ่งถูกสร้างมาเพื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คนๆนั้้นคือ คันโตน่า” เฟอร์กูสัน เผยเรื่องนี้ลงในหนังสืออัตชีวประวัติ  Managing My Life

 

มากไปกว่านั้น ก็องโต้ ไม่ใช่แค่นักเตะที่พายูไนเต็ดคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 26 ปี ณ ฤดูกาล 1992-93 แต่เขายังเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ ปีศาจแดง ครองความยิ่งใหญ่ในเกาะอังกฤษอีก 2 ทศวรรษต่อมา

 

 

โซล แคมป์เบลล์

 

 

แม้จะเติบโตในฐานะเด็กปั้นของ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ แต่ด้วยแชมป์ลีกคัพแค่สมัยเดียวในปี 1999 ทำให้ แคมป์เบล ตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับทีมในปี 3 ปีต่อมา แต่ที่ทำให้แฟนไก่เดือยทองไม่พอใจสุดๆคือการย้ายซบ อาร์เซน่อล ทีมอริร่วมลอนดอนเหนือ ในปี 2001

 

ถึงจะถูกตราหน้าว่าเป็น จูดาส โดยแฟนสเปอร์ส แต่ บิ๊กโซล กลับกลายเป็นที่รักของเหล่า กูนเนอร์ส อย่างรวดเร็ว พร้อมประสานงานกับ โทนี่ อดัมส์ ในแผงหลังได้อย่างเหนี่ยวแน่น จนช่วยให้ปืนใหญ่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองในรอบ 3 ปีได้สำเร็จ รวมไปถึงแชมป์เอฟเอ คัพ เหนือ เชลซี ในปีเดียวกันด้วย

 

 

เอ็นโกโล่ ก็องเต้

 

 

ก็องเต้ ถือเป็นนักเตะที่แฟนบอลส่วนใหญ่ชื่นชอบและยกย่องในความสามารถ แม้จะเชียร์ทีมฝั่งตรงข้ามก็ตาม และเขาคือกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ 2 สโมสรในลีกผู้ดีคว้าแชมป์อีกต่างหาก

 

แฟนบอลเลสเตอร์ ต่างงุนงงไม่น้อยที่ทีมรักคว้า กองกลางโนเนมจากก็อง มาแทนที่ เอสเตบัน กัมบิอาสโซ่ ด้วยค่าตัว 5.6 ล้านปอนด์ แต่ผลที่ได้กลับเกินคุ้ม เมื่อเขาพาจิ้งจอกสีน้ำเงินเป็นม้ามืดคว้าแชมป์ลีกไปครองแบบไม่มีใครคาดคิดเมื่อปี 2016

 

ฟอร์มการเล่นของ ก็องเต้ ยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิม หรืออาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ เมื่อย้ายไปเล่นกับ เชลซี และคว้าแชมป์ลีกไปครอง อีกทั้งยังคว้ารางวัล ผู้เล่นยอดเยี่ยมจาก PFA และ สมาคมนักข่าวในฤดูกาล 2016-17 

 

 

ยาป สตัม 

 

 

แมนยูไนเต็ด เสียท่าให้กับ อาร์เซน่อล ที่คว้าดับเบิ้ลแชมป์ไปในปี 1997-98 อีกทั้งนี่ยังเป็นฤดูกาลสุดท้ายของ แกรี่ พัลลิสเตอร์ แข้งตัวรับหัวใจสำคัญในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อีก

 

ทว่าการเสีย พัลลี่ ให้กับ มิดเดิ้ลสโบรห์ ในซัมเมอร์นั้น กลับกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ปีศาจแดงมีเกมรับที่แกร่งขึ้นยิ่งกว่าเดิม เมื่อ คว้า ยาป สตัม จากพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 10.75 ล้านปอนด์

 

ท้ายที่สุด ปีศาจแดงล้างแค้น ปืนใหญ่ ได้อย่างสมศักดิ์ศรีกับการคว้าทริบเปิ้ลแชมป์ในปี 1999 โดยมี สตัม ลงเล่นให้ทีมไปมากถึง 51 นัดในทุกรายการ

 

 

คริส ซัตตัน

 

 

อลัน เชียเรอร์ ซัดไป 30 ประตูในปีแรกกับแบล็คเบิร์น เมื่อฤดูกาล 1993-94 แต่พวกเขาก็ยังตามหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แชมป์ลีกในปีนั้นถึง 8 แต้ม นั่นหมายความ ฮ็อตช็อต ต้องมีตัวช่วยในแดนหน้าเพื่อแบ่งเบาภาระบ้างแล้ว

 

ไมค์ นีเวลล์ (6 ประตู) และ เควิน กัลลาเชอร์ ( 7 ประตู) ช่วยเหลือ เชียเรอร์ ได้เพียงน้อยนิด ทำให้สโมสรตัดสินใจคว้า ซัตตัน ที่ยิงให้ นอริชถึง 25 ประตูในลีกมาร่วมทีมด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์

 

ซัตตัน และ เชียเรอร์ กลายเป็นคู่หูในแดนหน้าที่เข้าขารู้ใจ จนถล่มประตูรวมกันถึง 49 ตุง จนช่วยให้ทีมกุหลาบไฟคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรก และสมัยเดียวของพวกเขามาครองในปี 1995

 

 

เชส ฟาเบรกาส

 

 

ปีแรกที่ โชเซ่ มูรินโญ่ กลับมาคุมเชลซีเป็นคำรบที่สอง เขาจบฤดูกาลนั้นแบบไม่มีแชมป์ติดมือแม้แต่ใบเดียว เมื่อประกอบกับ แฟรงค์ แลมพาร์ด ลาทีมไปซัมเมอร์ปี 2014 ทำให้ทีมต้องคว้าห้องเครื่องคนใหม่มาแทน

 

ซึ่งคนๆนั้นก็คือ เชส ฟาเบรกาส กองกลางตัวเก่งจาก บาร์เซโลน่า และอดีตแข้งอาร์เซน่อลก็คือคนที่เข้ามาเพิ่มมิติการสร้างสรรค์เกมให้กับ สิงห์บลู ราวกับเป็นคนละทีมในฤดูกาลที่แล้ว

 

มูรินโญ่ จบฤดูกาลนั้นด้วยการคว้าแชมป์ลีก และการแอสซิสต์ 18 ลูกของ กองกลางชาวสแปนิช น่าจะบ่งบอกถึงความสำคัญของเขาในทีมได้เป็นอย่างดี

 

 

เอแดร์สัน

 

 

เคลาดิโอ บราโว่ เข้ามาเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อฤดูกาล 2016-17 แต่ฟอร์มการเล่นของเขานั่นเอาแน่เอานอนไม่ได้จนส่งผลต่อการแข่งขันสำคัญหลายต่อหลายครั้ง และเสียตำแหน่งให้กับ วิลลี่ กาบาเยโร่ ในบางนัดด้วย

 

นั่นทำให้ฤดูกาลต่อมา เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทำการคว้า เอแดร์สัน โมราเลส นายทวารหนุ่มดาวรุ่งจาก เบนฟิก้า มาร่วมทีม ซึ่งมีประสบการณ์น้อยกว่า บราโว่ แถมมีค่าตัวแพงกว่าถึง 2 เท่าตัว

 

อย่างไรก็ตาม นายด่านชาวบราซิลเลี่ยนกลับทำผลงานเซฟเป็นว่าเล่นจนทำให้ ซิตี้ เสียประตูเพียง 27 ประตู พร้อมเก็บคลีนชีทได้ 17 จาก 36 นัดที่ลงเล่น และที่สำคัญ ซิตี้ สามารถคว้าแชมป์ลีกมาครองได้อีกครั้ง