ชื่อของ ชาลเก้ 04 เป็นที่รู้จักกันมาในวงการฟุตบอลกันในฐานะแหล่งผลิตนักเตะชั้นยอดออกมาประดับวงการฟุตบอลมากมาย ยกตัวอย่างเช่น มานูเอล นอยเออร์ , เมซุต โอซิล หรือว่าจะเป็น เลรอย ซาเน่ เป็นต้นและยังเป็นทีมที่มักจะเกาะกลุ่มหัวตารางมาเสมอ แต่ในปัจจุบันพวกเขากำลังตกที่นั่งลำบาก และมีโอกาสสูงมากที่จะตกชั้นในปีนี้
วันนี้ UFA ARENA จะมาตีแผ่ว่ามันเกิดอะรขึ้นกับทีมที่เป็นแหล่งผลิตนักเตะชั้นยอด และโลดแล่นบนลีกสูงสุดเมืองเบียร์มาตลอด 30 ปี แต่ตอนนี้กลับต้องเสี่ยงตกชั้น กับ จุดจบราชันสีน้ำเงิน! เกิดอะไรขึ้นกับ ชาลเก้ 04
สถิติสุดย่ำแย่ในปีนี้
ผลงานของ ชาลเก้ ในปีนี้จัดได้ว่าย่ำแย่ จนมีโอกาสสูงที่จะตกชั้นซึ่งมันเกือบจะ 100 เปอร์เซ็นแล้วหากมองจากฟอร์มการเล่น และระยะเวลาที่เหลืออีกแค่ 10 นัดเท่านั้น พวกเขาเป็นทีมที่เสียประตูมากที่สุดในลีกที่ 66 ประตู แถมยิงได้แค่ 16 ประตูเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงในส่วนของคะแนนที่เก็บได้แค่ 10 แต้ม ห่างจากโซนปลอดภัยมากถึง 11 แต้ม
นอกจากนี้ในฤดูกาลปัจจุบัน พวกเขายังมีเกมที่แพ้คู่แข่งแบบเละเทะหลายเกมด้วยกัน ไล่มาตั้งแต่การแพ้ บาเยิร์น มิวนิค 8-0 ในเกมแรกของฤดูกาล และทำให้พวกเขาสร้างสถิติเป็นทีมที่ออกสตาร์ท 2 นัดแรกได้ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์บุนเดสลีกา หลังจากนั้นก็มีเกมแพ้ ไลป์ซิค 4-0 แพ้ สตุ๊ดการ์ด 5-1 แพ้ และล่าสุดกับการแพ้ โวล์ฟบวร์กไปถึง 5-0
ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขายังเกือบกลายเป็นทีมที่ไม่ชนะใครมากที่สุดในลีกติดต่อกัน หลังพวกเขาหา 3 แต้มไม่เจอเลย 30 นัดติดต่อกัน นับเป็น 358 วันก่อนที่จะมาเอาชนะ ฮอฟเฟ่นไฮม์ 4-0 แต่นั้นก็เป็นชัยชนะแค่นัดเดียวของพวกเขา ก็จะกลับมาวนเวียนที่การ แพ้ เสมอ และยังไม่มีวี่แววที่จะดีขึ้น แถมดูทรงแล้วจะแย่ลงไปอีกเรื่อยๆ
การเปลี่ยนกุนซือ 5 คน ในปีเดียว
อีกหนึ่งปัจจัยที่เห็นได้อย่างชัดเจนจากฟอร์มที่เละเทะของพวกเขา ส่วนหนึ่งมาจากการเปลี่ยนผู้จัดการทีม ซึ่งแน่นอนว่าการเปลี่ยนกุนซือเป็นปกติเมื่อทีมทำผลงานได้ไม่ดี แต่ตามปกติแล้วฤดูกาลนึง ก็คงมีการเปลี่ยนผู้จัดการทีมแค่ครั้งเดียว แต่ฤดูกาลนี้ ราชันสีน้ำเงินใช้งานผู้จัดการทีมไปแล้วรวมทั้งสิ้น 5 คน
ปีนี้พวกเขาเริ่มต้นซีซั่นด้วยการคุมทัพของ ดาวิด ว้ากเนอร์ แต่หลังจากผ่านไปแค่ 2 นัด พวกเขาก็ตัดสินใจปลดออกและตั้ง มานูเอล บอม เข้ามาแทนที่ แต่ก็คุมได้แค่ 10 นัดก็โดนปลดอีก พร้อมตั้ง ฮับ สตีเฟนส์ แต่ก็อยู่ได้แค่ 4 วันเท่านั้น ก่อนจะหันไปดึง บรูโน ลับบาเดีย โค้ช เยาวชนขึ้นมาคุมชั่วคราว และแต่งตั้ง คริสเตียน กรอสส์ เข้ามาคุมทีม
การมาของนายใหญ่ชาวสวิส ได้เข้ามาสร้างความหวังให้กับทีมจากการเปิดตัวเกมแรกด้วยชัยชนะนัดแรกของทีม แต่ก็เป็นชัยชนะนัดเดียวของพวกเขา หลังจากนั้นทีมก็กลับมาแพ้ และ เสมอ จนสุดท้าย กรอสส์ ก็โดนปลดไปเมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้เอง และได้แต่งตั้ง ดิมิเทรียส แกรมโมซิส เข้ามาคุมทีม แต่ก็เหมือนเดิม เริ่มด้วยการเสมอนัดแรก และแพ้ 5-0 ในเกมถัดมา
ขายนักเตะกินจนทีมพัง
“ชาลเก้สามารถเป็นแชมป์ลีกเยอรมันได้เลยถ้าพวกเขาสามารถเก็บนักเตะหลายรายที่พวกเขาปั้นขึ้นมาเอง” นี้คือคำกล่าวของ คาร์ล-ไฮนซ์ รุมเมนิกเก้ ประธานบาเยิร์น มิวนิค มหาอำนาจลูกหนังเมืองเบียร์ที่ได้กล่าวไว้ เห็นได้ชัดถึงความผิดพลาดของ ชาลเก้ ที่ขายนักเตะดาวรุ่งของตัวเองทิ้งไปอย่างต่อเนื่อง
เหล่านักเตะที่มาจากอคาเดมี่ของพวกเขาเรียกว่ามีแต่นักเตะชั้นยอดไล่มาตั้งแต่อดีตก็จะมีอย่าง มานูเอล นอยเออร์, ยูเลียน ดรักซ์เลอร์, โจเอล มาติป , เมซุต โอซิล , เลรอย ซาเน่ , เบเนดิกต์ เฮอเวเดส และยังมีอีกมากมายที่ไม่ได้กล่าวถึง แต่เพียงแค่นี้ก็แทบจะเป็นทีมที่ไร้เทียมทานได้แล้ว
พวกเขามักจะเสียนักเตะตัวหลักไปมากมายทั้งที่ปั้นเอง และซื้อมาปั้น แต่ก่อนหน้านี้มันก็แทบไม่มีปัญหาอะไรเพราะด้วยระบบอคาเดมี่ของพวกเขาสามารถปั้นนักเตะขึ้นมาทดแทนได้อย่างทันที ทำให้ผลงานของพวกเขาก่อนหน้านี้ยังคงเกาะกลุ่มหัวตารางบุนเดสลีกา รวมถึงได้ไปเล่นในฟุตบอลยุโรป แถมยังเคยจบรองจ่าฝูงเมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา
แต่ในปัจจุบันด้วยความที่พวกเขาขายนักเตะชั้นยอดออกไปทุกปี ทำอคาเดมี่ของพวกเขาผลิตนักเตะออกมาไม่ทัน และแม้จะทันพวกเขาก็เข้าสูตรขายนักเตะกินเหมือนเดิม อย่างในรายของ เวสตัน แมคเคนนี่ ที่ถูกดันสู่ทีมชุดใหญ่เมื่อปี 2017 ก็ถูกขายออกไปเฉิดฉายกับ ยูเวนตุส
ซื้อแพงขายถูก การตลาดที่ผิดพลาด
แม้จะมีระบบอคาเดมี่ที่ยอดเยี่ยม แต่ทางสโมสรเหมือนจะเห็นค่าแค่เป็นแหล่งผลิตนักเตะเพื่อขายต่อเท่านั้น และไปเน้นกับการซื้อนักเตะเข้ามาเสริมทัพเพื่อไล่ล่าความสำเร็จซะมากกว่า แน่นอนว่ามันก็มีนักเตะที่ย้ายเข้ามาแล้วทำผลงานได้ดีอย่างในรายของ คลาส ยาน ฮุนเตลล่าร์ ที่ซื้อมาด้วยราคา 14 ล้าน ยูโร แต่กลับปล่อยตัวออกไปแบบฟรีๆในปี 2018
นอกจากนี้ยังมีพวกนักเตะที่ไม่ได้มีฝีเท้าโดดเด่นมากมายแต่ก็ถูกนำเข้ามาด้วยราคาหลัก 10 ล้านยูโรขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็น เควิน พรินซ์ บัวเต็ง , โยฮันเนส ไกส์ , บรีล เอ็มโบโล่ , นาบิล เบนทาเล็บ, เยฟเฮน โคโนปลีอันกา , เซบาสเตียน รูดี, โอมาร์ มาสกาเรลล์ ที่ย้ายเข้ามาแต่ก็ทำผลงานได้ไม่คุ้มค่าตัว
ปัญหาที่เกิดขึ้นมันยังไม่หมดแค่นั้น ยังมีในกรณีที่พวกเขาซื้อนักเตะเข้ามาสู่ทีมด้วยราคาแพง แต่ปล่อยออกจากทีมไปด้วยราคาถูกอีก อย่างเช่นในรายของ บรีล เอ็มโบโล่ ที่ซื้อมา 26 ล้านยูโร ก็ถูกขายออกไปด้วยราคาแค่ 11 ล้านยูโรเท่านั้น หรือจะเป็น เยฟเฮน โคโนปลีอันกา ที่ย้ายมาในราคา 12 ล้านยูโร ก็โดนขายไปแค่ ล้านเดียวเท่านั้น ในขณะที่ เควิน ปรินซ์ บัวเต็ง ที่ซื้อมา 10 ล้านยูโร ก็ปล่อยไปแบบฟรีๆ
นี้ยังไม่รวมบรรดาดาวรุ่งของทีมที่นอกจากจะเป็นการขายนักเตะกินแล้ว ยังเป็นการขายออกไปแบบไม่คุ้มค่าฝีเท้านักเตะอีก แถมบางรายยังเป็นการปล่อยออกไปแบบฟรีอีกต่างหาก อย่างเช่น เลออน โกเร็ตซ์กา และ มักซ์ ไมเออร์ สโมสรก็ยื่นสัญญาใหม่ให้ในปีสุดท้ายของนักเตะ จนสุดท้ายต้องเสียฟรีไป หรือจะเป็น อเล็กซานเดอร์ นูเบิ้ล ก็โดนบาเยิร์น มิวนิค สอยไปแบบฟรีๆ รวมถึง โจเอล มาติป ที่ปล่อยไปแบบไร้ค่าตัว แทนที่จะได้เงินตอบแทนมาบ้าง
ปัญหาการเงินพร้อมหนี้สิน
ด้วยความผิดพลาดในการบริหารงานอันผิดพลาดในส่วนของการซื้อขายนักเตะ ทำให้สโมสรเจอกับการขาดทุนมาอย่างยาวนาน แน่นอว่าแม้จะมีนักเตะที่สามารถปล่อยออกไปแล้วทำเงินได้บ้างอย่าง เลรอย ซาเน่ และ ยูเลี่ยน แดร็กซ์เลอร์ แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้สโมสรไม่เจอกับปัญหาการเงิน
ตามรายงานเมื่อปี 2019 ระบุว่าทางราชันสีน้ำเงินมีหนี้สะสมอยู่ถึง 200 ล้านยูโร นอกจากนี้ ชาลเก้ ยังมีการสร้างศูนย์ฝึกซ้อมใหม่ ที่ต้องใช้งบประมาณมากถึง 100 ล้านยูโร ซึ่งเงินจำนวนนี้ทางสโมสรไปกู้ทางธนาคารมาด้วย ประกอบกับโควิด-19 ที่เกิดการระบาดยิ่งตอกย้ำการเงินของสโมสรเข้าไปอีก
ซึ่งบรรดาทีมใหญ่ๆยังเจอกับปัญหาจากการระบาดครั้งนี้ นับประสาอะไรกับพวกเขา และมันก็บีบให้พวกเขาต้องใช้งบอย่างจำกัดจำเขี่ยในการเสริมทัพฤดูกาลนี้ นั่นเป็นเหตุที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถใช้จ่ายไปกับนักเตะ หรือโค้ชดีๆเข้ามาเสริมทีม แถมระบบอคาเดมี่ของทีมก็เริ่มมาฝืดในช่วงนี้ด้วย นั่นส่งผลไปถึงฟอร์มการเล่นของพวกเขาอย่างชัดเจน
ระยะเวลาที่เหลือเพียง 10 นัดคงเป็นการยากมากแล้วที่จะทำให้พวกเขากู้ฟอร์มกลับมาอยู่รอดบนเวทีลีกสูงสุดของเมืองเบียร์ได้ต่อไป และต้องจำใจร่วงไปเริ่มต้นใหม่ในลีกรอง ปิดฉาก 30 ปีในบุนเดสลีกา นับเป็นบทเรียนสำคัญของการบริหารทีมฟุตบอลได้เป็นอย่างดี