จุดเริ่มสู่ครั้งที่ 56 : ย้อนระลึกแฮตทริกหนเดียวของ CR7 ในสีเสื้อปีศาจแดง

 

การที่เขามีความกระหายในการยิงประตูและไม่เคยพอใจกับการส่งบอลเข้าก้นตาข่ายแค่ลูกเดียวในหนึ่งแกม ไม่แปลกที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะเป็นที่จดจำในฐานะหนึ่งในดาวยิงระดับโลกที่ดีที่สุดตลอดกาล

 

หลังเกมที่ยูเวนตุส เอาชนะ กายารี่ 3-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา ยอดแข้งทีมชาติโปรตุเกส เหมาคนเดียว 3 ในเกมนั้น และกลายเป็นแฮตทริกครั้งที่ 56 ในอาชีพค้าแข้งของเขา ซึ่งมากที่สุดเหนือนักเตะคนไหนในยุคปัจจุบัน และเป็นรองแค่ เปเล่ ตำนานแข้งทีมชาติบราซิลที่ทำไว้ถึง 92 ครั้งเท่านั้น

 

แม้จะคว้าลูกบอลกลับไปเก็บไว้เป็นที่ระลึกเกินกว่า 50 ลูกแล้ว แต่รู้หรือไม่ในช่วงที่ โรนัลโด้ พัฒนาฝีเท้าจนกลายเป็นแข้งระดับโลกกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาทำแฮตทริกได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ตลอด 6 ปีที่ค้าแข้งในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

 

UFA ARENA จึงพาทุกท่านไปย้อนความหลังถึง แฮตทริกครั้งเแรกและครั้งเดียวของ CR7 ในสีเสื้อ ‘ปีศาจแดง’ ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ก่อนจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของแฮตทริกอีก 55 ครั้งของเขาในเวลาต่อมา

 

 

ดาวรุ่งจอมสับสู่ปีกจอมถล่มประตู

 

Cristiano Ronaldo 2003 Manchester United

 

โรนัลโด้ ย้ายจาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน มาสู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 12.24 ล้านปอนด์ในปี 2003 ซึ่งในตอนนั้นเขาเป็นดาวรุ่งที่มีแววดี แต่ก็มีลีลาการเล่นที่ชวนหงุดหงิด ทั้งการฉายเดี่ยว หรือสับขาหลอกพร่ำเพรื่่อ แถมไม่ได้ถล่มประตูเป็นกอบเป็นกำเหมือนที่เห็นในปัจจุบันด้วย

 

ตลอด 3 ปีแรกในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เขายิงไปเพียง 27 ประตูจาก 137 นัดในทุกรายการ และดูเป็นการลงทุนที่ดูไม่คุ้มค่าเท่าไหร่ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ตั้งความหวังกับเด็กคนนี้ไว้สูงเหลือเกิน 

 

แต่สิ่งที่ เฟอร์กี้ เชื่อมั่นก็เริ่มออกดอกออกผล ในปี 2006 เมื่อ โรนัลโด้ ค้นพบว่าประตูต่างหากที่ทำให้ทีมของเขาคว้าชนะมาได้ ไม่ใช่การตะบี้ตะบันสับขาหลอกไปมาอย่างเคย ซึ่งในฤดูกาล 2006-07 เขากดไปแล้ว 23 ประตูในทุกรายการ พร้อมพา ‘ปีศาจแดง’ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกในรอบ 3 ปี

 

นอกจากนี้ปีกแดนฝอยทอง ยังคว้ารางวัลแข้งยอดเยี่ยมและดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำปีนั้นจาก PFA ด้วย และที่สำคัญกว่านั้น เขาได้เงิน 400 ปอนด์ จากเฟอร์กี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ หลังชนะการเดิมพันกับกุนซือชาวสก็อตว่าเขาไม่มีทางยิงประตูได้ถึง 15 ลูกในลีก แต่ก็ยิงถึงจำนวนดังกล่าวตั้งแต่นัดที่ 26 และจบฤดูกาลนั้นด้วย 17 ประตูในลีก

 

 

สังหารโหดสาลิกา

 

Goal on Twitter: "ON THIS DAY - 2008 Cristiano Ronaldo scores his first and  only Man Utd hat-trick in a 6-0 victory over Newcastle! ⚽⚽⚽…  https://t.co/CzMnoePfIH"

 

ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตกองหลังทีมชาติอังกฤษ ก็เป็นอีกคนที่เห็นพัฒนาการของ โรนัลโด้ ตั้งแต่เป็นแค่ดาวรุ่งหัวทองจอมสับ จนก้าวขึ้นมาเป็นปีกจอมถล่มประตูในเวลาต่อมา

 

“ตอนที่เขามา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาพยายามกลายเป็นจุดสนใจ เขาอยากโชว์ทักษะ เขาต้องการแสดงให้เห็นว่าเขาดีแค่ไหน แต่จากนั้น เขาก็เข้าใจว่ามันเกี่ยวกับจบสกอร์” เฟอร์ดินานด์ กล่าวกับ บีที สปอร์ต สื่อโทรทัศน์จากอังกฤษในปี 2015

 

“การกลายเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลก มันเกี่ยวข้องกับการทำประตู หรือ สร้างสรรค์โอกาสให้คนอื่น และ มีผลกระทบต่อการแข่งขัน”

 

แม้ทำการเหมา 2 ประตูมาทั้งหมด 12 ครั้ง จาก 4 ปีครึ่งในยูไนเต็ด แต่สิ่งหนึ่งที่ โรนัลโด้ ยังไม่เคยทำได้เลยกับทีม หรือแม้กระทั่งตอนเล่นกับ ลิสบอน ในบ้านเกิด ก็คือ การยิงได้ 3 ประตูภายในเวลา 90 นาที

 

แต่ช่วงเวลาปลดล็อคที่ โรนัลโด้ รอคอยก็มาถึงกับเกมที่ ยูไนเต็ด เปิดรังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด พบกับ นิวคาสเซิล ในเดือนมกราคมปี 2008 แม้ในตอนแรกดูไม่มีทีว่าจะเป็นแบบนั้นเลย เนื่องจากเกมครึ่งแรกจบลงด้วยผลเสมอแบบไร้สกอร์

 

แต่เมื่อเริ่มต้นครึ่ แข้งปีศาจแดงก็เริ่มทำการสังหารหมู่เหล่าแข้งสาลิกาแบบไม่ปราณี ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากลูกฟรีคิกของ โรนัลโด้ ที่เลียดรอดใต้กำแพง แม้เชย์ กิฟเว่น จะล้มตัวปัดได้ทัน แต่ความแรงของลูกยิงก็ทำให้บอลทะลักเข้าประตูไปในนาทีที่ 48

 

แนวรับทีมเยือนเริ่มหลุด เมื่อแสดงความผิดพลาดจนโดน คาร์ลอส เตเบซ ยิงทิ้งห่างเป็น 2-0 ในนาทีที่ 55 ขณะที่ประตูที่ 3 มาจากการประสานงานที่ยอดเยี่ยมของ 3 ตัวรุกในแดนหน้า อย่าง โรนัลโด้, เตบเซ และ เวย์น รูนี่ย์ ที่ฉีกเกมรับของ ‘เดอะ แม็กพายส์’ เป็นชิ้นก่อนที่ ปีกเลือดโปรตุกีส ก็ซัดประตูที่ 2 ของเขาในเกมนั้น

 

 

แฮตทริกแรกที่ตามหา

 

 

ริโอ เฟอร์ดินานด์ วอลเลย์ประตูสุดสวยจากการเปิดของ รูนี่ย์ ในนาที่ 85 ให้ทีมนำโด่งไปถึง 4-0 และด้วยสกอร์ที่ขาดขนาดนี้คงไม่มีใครคิดว่าเกิดประตูขึ้น และคงเป็นอีกครั้งที่ โรนัลโด้ ทำได้เพียง 2 ประตู แม้ชัยชนะครั้งนี้จะทำให้ทีมกลับขึ้นรั้งจ่าฝูงก็ตาม

 

อย่างไรก็ตาม อีก 3 นาทีต่อมา เขาก็ทำแฮตทริกแรกในอาชีพค้าแข้งได้สำเร็จ หลังล็อกหลบแนวรับ นิวคาสเซิล ก่อนยิงด้วยซ้ายสุดแรง แม้บอลแฉลบแแข้งทีมเยือน แต่ก็ดีพอทำให้บอลเปลี่ยนทางข้ามตัว กิฟเว่น เข้าไปตุงตาข่าย และกลายเป็นประตูที่ 22 ของ โรนัลโด้ ในฤดูกาลนั้นด้วย

 

เตเบซ จัดการปิดกล่องประตูสุดท้ายให้ทีมถล่ม นิวคาสเซิล ไปแบบหมดสภาพ และมีไฮไลท์เล็ก ๆ หลัง อลัน สมิธ อดีตแข้งปีศาจแดง ถูกไล่ออกไป ในช่วงทดเวลา หลังจากเกิดประตูที่ 6 ได้เพียงไม่นาน

 

หลังจากชัยชนะเหนือ นิวคาสเซิล โรนัลโด้ ก็ยังรักษามาตรฐานการทำประตูได้เรื่อยมา พร้อมทำไป 48 ประตูจากการลงเล่นในทุกรายการของฤดูกาล 2007-08 พร้อมเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ ปีศาจแดง คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก และ ถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาครอง

 

เมื่อถูกถามในหลังเกมวันนั้นว่าทำไมเขาถึงใช้เวลานานนักว่าจะทำแฮตทริกได้ โรนัลโด้ ตอบกลับเพียงว่า “ถ้าผมยิงได้ 2 ประตูในทุก ๆ เกม ผมก็มีความสุขมาก ๆ แล้ว”

 

ทว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของ โรนัลโด้ ในการทำแฮตทริกอีก 55 ครั้งในอีก 13 ปีต่อมา และกลายเป็นสถิติสุดเหลือเชื่อที่ยากจะทำลายในประวัติศาสตร์ลูกหนังยุคใหม่เลยก็ว่าได้