ท่ามกลางสงครามทีมชาติที่ขับเคี่ยวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อยู่ดีๆ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ก็ขโมยซีนแย่งพื้นที่ข่าวไปแบบหน้าตาเฉย
สถานการณ์ของ เมาริซิโอ โปเข็ตติโน่ สั่นคลอนมาสักพักใหญ่ หลังพา “ไก่เดือยทอง” เริ่มต้นฤดูกาลได้อย่างย่ำแย่ ชนะเพียง 3 จาก 12 เกม จนทีมหล่นมาอยู่อันดับ 14 ของตารางคะแนน
แม้จะได้รับการสนับสนุนจากผู้เล่นในทีมและอดีตแข้งดัง แต่ฟางเส้นสุดท้ายก็ขาดจนได้ แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมาช่วงพ้กเบรคแบบนี้
ทุกอย่างเหมือนมีการคิด วิเคราะห์ มาอย่างดีแล้ว เพราะให้หลังไม่ถึง 24 ชั่วโมง ทีมดังจากนอร์ทลอนดอน ก็แต่งตั้ง โชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามาเสียบแทนทันที ซึ่งต้องดูว่า “ไก่” โฉมใหม่จะเป็นอย่างไร
เช่นเดียวกับกุนซือชาวอาร์เจนไตน์ หลังเป็นอิสระแล้วงานนี้คงหัวกระไดไม่แห้งแน่ บาเยิร์น มิวนิค เก้าอี้โค้ชก็ยังว่างอยู่ หรือจะเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด กับ เรอัล มาดริด ที่ตกเป็นข่าวอยากได้มาอย่างยาวนาน
ในฐานะสาวก “เดอะ กันเนอร์ส” ที่เอือมระอากับผลงานของ อูไน เอเมรี่ พูดกันตรงๆ ก็อยากได้ โปเช็ตติโน่ มาปลุกผี อาร์เซนอล อยู่เหมือนกัน
โดยไล่เรียงหาเหตุผลดูแล้ว ก็มีความเหมาะสมในหลายๆ ปัจจัย แยกเป็นข้อๆ ให้เข้าใจง่าย ก็มี 5 เรื่องดังต่อไปนี้
โค้ชไก่คนเดียวทำอันดับชนะ เวนเกอร์
นับตั้งแต่ อาร์แซน เวนเกอร์ หอบผ้าหอบผ่อนมาจากแดนอาทิตย์อุทัยเมื่อปี 1996 มันคือจุดเรื่มต้นที่สามารถพูดได้เต็มปากเลยว่า “North London Is Red” อย่างไม่ต้องสงสัย
ภายใต้การคุมทีมของขงเบ้งจากแดนน้ำหอม สาวก “เดอะ ลิลลี่ไวท์ส” ไม่ต่างอะไรกับลูกเมียน้อย ได้แต่กินน้ำใต้ศอก นั่งดู อาร์เซนอล ประสบความสำเร็จ
20 ปีเต็มๆ ที่ สเปอร์ส ไม่เคยทำอันดับดีกว่าทีม “ปืนใหญ่” เลย จนกระทั่งพวกเขาได้ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ มาคุมทีมถึงได้ลืมตาอ้าปากกันอีกครั้ง
กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ ใช้เวลา 4 ปีปั่น “ไก่เดือยทอง” จนสามารถจบอันดับสูงกว่าอริร่วมเมืองได้เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 2017-18 ซึ่งเป็นฤดูกาลสุดท้ายที่ เวนเกอร์ คุม อาร์เซนอล พอดี
เป็นกุนซือเน้นสร้างทีมด้วยเกมรุก
สิ่งที่สาวก “เดอะ กันเนอร์ส” วิจารณ์กันหนักมากในยุคของ อูไน เอเมรี่ คือสไตล์การเล่นที่จับต้องไม่ได้ นับเข้าสูี่ปีที่สองยังไม่มีใครมองออกว่าเขาต้องการสร้างทีมออกมาในทิศทางใด
ฤดูกาลนี้ อาร์เซนอล เล่นค่อนข้างน่าเบื่อ แต่ละเกมสร้างโอกาสลุ้นประตูได้น้อย บางนัดเรียกว่าแย่หนักถึงขั้นปล่อยให้ทีมเกรดต่ำกว่าอย่าง วัตฟอร์ด และ วูล์ฟแฮมป์ตัน มีสถิติลุ้นยิงประตูต่อเกมมากกว่าเสียอีก
ตรงนี้แฟนบอล “ปืนใหญ่” รับกันไม่ได้อย่างมาก เพราะพวกเขาเสพติดบอลเกมรุกสวยงามของ อาร์แซน เวนเกอร์ มานานกว่า 20 ปี นี่เล่นก็ไม่สวย แทบผลการแข่งขันก็ไม่ดียิ่งหนักเข้าไปอีก
ผิดกับ โปเช็ตติโน่ ที่เน้นทำเล่นเกมรุกไปหลัก เอาเฉพาะคุม สเปอร์ส พวกเขาก็ยิงประตูมากที่สุดในลีกติดท็อป 5 มาทุกฤดูกาล
หรือเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ หากแนวรุกไม่ดีจริง กองหน้าในทีมของ “พอซ” ก็คงไม่ยิงกันกระจายแน่ อย่าง แฮร์รี่ เคน หรือ ซอน เฮือง มิน คงไม่ต้องอธิบายมาก
ทว่าหัวหอกเกรดบีอย่าง เจย์ โรดริเกวซ หรือ ริคกี้ แลมเบิร์ต อาจจะมีสถิติยิงประตูในพรีเมียร์ลีก ดีที่สุดในอาชีพนักเตะก็ภายใต้ของกุนซือวัย 47 ปีเนี่ยแหละ
รับมือกับงบอันน้อยนิดได้ดี
ในยุคที่ฟุตบอลกลายเป็นธุรกิจเต็มตัว ค่าตัวนักฟุตบอลแพงเว่อร์เกินบรรยาย กุนซือส่วนใหญ่มักจะถูกไฟต์บังคับให้ต้องจ่ายหนักหากต้องการนักเตะฝีเท้าดีมาร่วมทีม
ทว่าในรายของ โปเช็ตติโน่ ถือเป็นหนึ่งในกุนซือที่รับมือกับเรื่องนี้ได้ดี เป็นกุนซือที่ทำการตลาดค่อนข้างเข้าเป้า คือจ่ายไม่มากแต่ได้แข้งคุณภาพสูง
นักเตะอย่าง เดเล่ อัลลี่, ซอน เฮือง มิน, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, มุสซ่า ซิสโซโก้ หรือ ลูคัส มูร่า ที่เล่นดีๆ เป็นตัวหลักของทีม แพงที่สุดก็แค่ 30 ล้านปอนด์เท่านั้น
ยิ่งซีซั่นที่ผ่านถือว่าพีกหนัก เพราะไม่ได้ใช้เงินแม้แต่บาทเดียวในการเสริมทัพ เพราะงบโดนเทไปสร้างสนาใหม่จนหมด แต่ “พอซ” ก็ยังประคองทีมจบท็อปโฟร์ แถมทะลุชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้อย่างเหลือเชื่อ
ดังนั้นเจ้าตัวเหมาะมากๆ ที่จะมาคุมทีมอย่าง อาร์เซนอล ที่ขึ้นชื่อลือชาว่า “ขี้เหนียว” มีงบเสริมทัพแต่ละปีค่อนข้างจำกัด ขนาดปีที่ทุ่มเยอะ แต่ก็เป็นสาลิกาลิ้นทองขอผ่อนจ่ายทั้งนั้น
ปั้นดาวรุ่งเก่ง
เหตุผลสำคัญที่ โปเช็ตติโน่ ไม่ใช่กุนซือมือเติบเหมือนคนอื่นๆ คือเขามักจะให้โอกาสกับแข้งดาวรุ่งอยู่เสมอ และปั่นผู้เล่นมาแล้วหลายคนจนดังเป็นตัวท็อปของลีก
เอาแบบที่จับต้องได้สมัยคุม เซาธ์แฮมป์ตัน เคยให้โอกาส คาลั่ม แชมเบอร์ส ที่เล่นปีเดียวได้ย้ายไปอยู่กับ อาร์เซนอล หรือพอย้ายมาคุม สเปอร์ส ก็เป็นคนให้โอกาสกับ แฮร์รี่ เคน จนทุกวันนี้กลายเป็นกองหน้าเบอร์ 1 ของทีมชาติอังกฤษ ไปแล้ว
ไหนจะมี ไรอัน เมสัน, เดเล่ อัลลี่, เอริค ไดเออร์, เบน เดวีส, แฮร์รี่ วิงส์ และ ฮวน ฟอยธ์ พวกนี้ก็แจ้งเกิดขึ้นมาได้ในยุคของ “พอซ” ทั้งสิ้น
ฤดุกาลนี้ อาร์เซนอล ดันดาวรุ่งขึ้นมาหลายราย ไม่ว่าจะเป็น มัตเตโอ เก็นดูซี่, โจ วิลล็อค, บูคาโย่ ซาก้า, รีส เนลสัน หรือ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ตรงนี้หาก โปเช็ตติโน่ มาแทน เอเมรี่ จริง เชื่อว่าพวกเขาเหล่านี้ก็น่าจะถูกปั่นต่ออย่างแน่นอน
กำลังว่างงานพอดี
แม้ตลอด 5 ปีที่คุมทีมจะไร้ซึ่งรางวัลใดๆ แต่การพา สเปอร์ส ได้เข้าชิงฟุตบอลถ้วย 2 รายการ รวมถึงการพาทีมยึดท็อปโฟร์ได้ 4 ฤดูกาลติด และมีบางซีซั่นด้วยที่เกือบจะได้ลุ้นแชมป์ ตรงนี้คือเครดิตที่หลายคนให้การยกย่อง
ดีไม่ดีวัดจากที่ แมนฯ ยูไนเต็ด และ เรอัล มาดริด มีข่าวอยากได้ไปคุมทีม ก็พอจะตอบว่าในระดับโลกระดับฝีมือของ โปเช็ตติโน่ นั้นเป็นที่ยอมรับมากแค่ไหน
และในวันนี้ วันที่เจ้าตัวกลายเป็นคนไร้สังกัด มันไม่มีโอกาสไหนที่จะดีไปกว่านี้อีกแล้ว เพราะจีบได้เลยไม่ต้องเสียค่าฉีกสัญญาแต่อย่างใด และค่าเหนื่อยต่อปีก็ถูกกว่า โชเซ่ มูรินโญ่ เป็นไหนๆ
ที่สำคัญคู่แข่งที่เคยคิดอยากได้ “พอซ” ไปคุมทีมทั้ง เรอัล มาดริด และ แมนฯ ยุไนเต็ด ช่วงหลังก็เหมือนจะกระเตื้องขึ้นและคงไม่ปลดโค้ชง่ายๆ ภายในปีนี้แน่
ดังนั้น อาร์เซนอล ต้องรีบตัดสินใจแล้วว่าจะเอายังไงกับ อูไน เอเมรี่ ต่อไปดี หากคิดว่าไม่ไหวจริงๆ ยอมจ่ายค่าฉีกสัญญาแล้วไปจีบ โปเช็ตติโน่ ดีกว่า
เพราะกุนซือฝีมือระดับนี้ มันไม่ได้จะว่างงานกันบ่อยๆ นะตัวเธอ
