ชาก้าดูไว้ : 5 อันดับกัปตันปืนใหญ่ที่ดีที่สุดตลอดกาล

 

ความสำคัญของตำแหน่งกัปตันเป็นประเด็นที่แฟนบอลมักจะพูดถึงอยู่เสมอ แต่โดยทั่วไปแล้ว หลายคนต่างมองว่าผู้เล่นที่อาวุโสหรืออยู่กับทีมมานานมักจะได้รับตำแหน่งนี้ไป แต่ก็มีอยู่บ้างที่ได้เป็นผู้นำหลังย้ายมาได้ไม่นานนัก

 

แต่สำหรับอาร์เซน่อล ถือว่ามีปัญหาในจุดนี้มานานหลายปี เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถหากัปตันที่อยู่กับทีมยาวๆหรือฝากความหวังได้เลย ไม่ว่าจะเป็น โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ ที่ย้ายกลับไปเล่นในบ้านเกิดกับบอร์กโดซ์, แพร์ แมร์เตซัคเกอร์, มิเกล อาร์เตต้า หรือ โธมัส แฟร์มาเล่น ที่ออกสตาร์ทตัวจริงแค่ 7 นัดจาก 2 ฤดูกาลสุดท้ายที่อยู่ทีม

 

ด้วยสถานการณ์แบบนี้ ทำให้ อูไน เอเมอรี่ กุนซือประจำทีมได้ให้นักเตะในทีมโหวตเลือกกัปตันหลักคนใหม่ในฤดูกาลนี้ หลังจากได้ผลัดเปลี่ยนหมุนให้แข้งในทีมได้ลองหน้าที่นี้มาซักระยะ

 

ผลปราปฏว่า กรานิต ชาก้า ห้องเครื่องเท้าหนักชาวสวิตได้รับตำแหน่งให้เป็นกัปตันทีมถาวร และน่าจะได้ทำหน้าที่นี้แบบเเต็มตัวครั้งแรกในเกมที่พบแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ณ ค่ำคืนวันจันทร์นี้

 

อย่างไรก็ตาม เวลาและผลงานในสนามจะเป็นเครื่องพิสูจน์เองว่า กองกลางวัย 27 ปีเหมาะสมกับตำแหน่งอันทรงเกียรติในทีมปืนใหญ่หรือไม่ในอนาคต และต้องว่าให้เขาเอาแบบอย่าง 5 แข้งรุ่นพี่ที่เคยเป็นผู้นำที่ดีที่สุดเท่าที่ทีมจากลอนดอนเหนือเคยมีมา

 

และขอย้ำเลยว่าอย่าเอาอย่าง กัปตันทีม 4 คนหลังสุดเด็ดขาดเลยนะชาก้า

 

 

5.เธียร์รี่ อองรี (2005-2006)

 

 

เธียร์รี่ อองรี ได้สวมบทเป็นกัปตันทีมปืนใหญ่อย่างเป็นทางการแค่ฤดูกาลเดียวในปี 2005-2006 แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็เป็นผู้นำของทีมได้อย่างธรรมชาติ โดยไม่จำเป็นต้องสวมปลอกแขนไว้ และคงจะไม่รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ หากไม่ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสรไว้ในลิสต์นี้ด้วย

 

หัวหอกชาวฝรั่งเศสเป็นกัปตันพาทีมเข้าไปเล่นในนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นครั้งแรกในปี 2006 แม้จะทำประตูไม่ได้ในวันนั้น แต่เขาก็ช่วยกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมร่วมมือกันจนไม่เสียประตูแม้แต่ลูกเดียว ตั้งแต่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ไปจนถึงรอบรองชนะเลิศในปีนั้น

 

อองรี ได้รับการยกย่องจาก อาร์เซน เวนเกอร์ กุนซือระดับตำนานของ เดอะ กันเนอร์ส ว่ามีอิทธิพลต่อผู้เล่นในทีมเป็นอย่างมาก หลังดึงเขากลับมาเล่นกับทีมอีกครั้งในฤดูกาล 2011-12 และในช่วงเวลาสั้นๆ อองรีก็ช่วยให้อาร์เซน่อลคว้าตั๋วไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกได้สำเร็จ

 

นอกจากนี้ เวนเกอร์ยังชักชวนเขาให้มาเป็นหนึ่งในโค้ชของอาร์เซน่อลชุดเยาวชน หลังจากที่แขวนสตั๊ดได้ไม่นาน และมีส่วนในการพัฒนาฝีเท้าของนักเตะในอคาเดมี่ เช่น อเล็กซ์ อิโวบี้, รีสส์ เนลสัน หรือ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์

 

 

4.โจ เมอร์เซอร์ (1946-1955)

 

 

หลังจากจบช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ไม่นาน เมอร์เซอร์ได้บอกลา เอฟเวอร์ตัน เพื่อย้ายซบ อาร์เซน่อล ซึ่งการปรากฏตัวของเขามีอิทธิพลต่อทีมอย่างมาก ไม่ว่าจะทั้งในและนอกสนาม จนทำให้เขาได้กลายเป็นกัปตันของทีมในทันที

 

ซึ่งแนวรับชาวอังกฤษแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอันเต็มเปี่ยม ซึ่งยอมลำบากเดินทางจากเมืองลิเวอร์พูล เพื่อมาลงเล่นให้ทีมที่อยู่ในแถบลอนดอนเหนือ และจะได้เห็นเพื่อนร่วมทีมแค่เวลาลงแข่งเท่านั้น

 

แต่ถึงอย่างนั้น เมอร์เซอร์ก็พา ‘ไอ้ปืนใหญ่’ คว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 เดิม ได้ 2 สมัย และ เอฟเอ คัพ อีก 1 สมัยในช่วงปลายยุค 1940 และช่วงต้นยุค 1950 ช่วยให้อาร์เซน่อลให้กลายเป็นทีมอันดับต้นๆของประเทศหลังยุคสงคราม

 

เจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมในปี 1949-50 ได้ปิดฉากอาชีพค้าแข้งในปี 1955 หลังลงเล่นให้ทีมมากว่า 275 นัด ตลอดเวลาที่อยู่กับทีมถึง 9 ปี

 

 

3.แฟรงค์ แม็คลินท็อค (1967-1973)

 

 

กองหลังอีกคนที่อยู่ในลิสต์นี้ แฟรงค์ แม็คลินท็อค ได้กลับมาสร้างความยิ่งใหญ่ให้อาร์เซน่อลได้อีกครั้ง พร้อมกวาดแชมป์เข้าตู้สโมสรได้พอสมควร ในช่วงปลายยุค 60 จนถึงต้นยุค 70

 

เขาได้รับหน้าที่เป็นกัปตันทีมในปี 1968 หรือหลังจากย้ายมาร่วมทีมแค่ปีเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นปีที่เขาได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสโมสร และยังเป็นคนที่ได้ชูถ้วยในนัดชิงที่ทีมคว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน แฟร์ส คัพ ในปี 1970 จากนั้นก็พาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้ในปี 1971 ซึ่งในปีนั้นเขาสามารถคว้าแชมป์ลีกได้ใน ไวท์ ฮาร์ท เลน รังเหย้าของท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ทีมอริของพวกเขา

 

นอกจากนี้ แข้งชาวสก็อตยังได้รับจารึกเป็นนักฟุตบอลแห่งปีของสมาคมผู้สื่อข่าวฟุตบอลในฤดูกาลดังกล่าว พร้อมได้รับได้รับครื่องราชอิสริยาภรณ์แห่งจักรวรรดิอังกฤษระดับ MBE ในปีเดียวกันด้วย

 

 

2.พาทริค วิเอร่า (2002-2005)

 

 

เขาอาจจะลาทีมไปนานเกือบ 15 ปีแล้ว แต่ปัจจุบันอาร์เซน่อลก็หาผู้นำหรือนักเตะที่เป็นหัวใจในแดนกลางอย่าง พาทริค วิเอร่า ไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว 

 

ทักษะที่แพรวพราว,มีสไตล์ แต่ก็มีลูกบู๊ที่ดุดัน ก็สร้างความครั่นคร้ามให้กับคู่แข่งได้น่าดูชม และกองกลางชาวฝรั่งเศสยังแสดงความเป็นผู้นำออกมาอย่างชัดเจนตลอดเวลาที่เขาค้าแข้งในทีมปืนใหญ่ โดยตัววิเอร่าคว้าแชมป์ 6 รายการกับสโมสรจากลอนดอนเหนือ และเป็นกัปตันทีมในชุดที่คว้าแชมป์ลีกแบบไร้พ่ายในปี 2003-04 ด้วยเช่นกัน

 

นอกจากนี้ แข้งที่เหล่ากูนเนอร์ส เรียกกันว่า ‘ปํ๊ต เป็นคนยิงจุดโทษชี้ขาดช่วยให้ต้นสังกัดเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในนัดชิงศึกเอฟเอ คัพ ปี 2005 ด้วย แต่นั่นกลับเป็นเกมสุดท้ายของเขาในถิ่นไฮบิวรี่ ก่อนจะย้ายไปค้าแข้งกับ ยูเวนตุส ในซัมเมอร์นั้น

 

 

1.โทนี่ อดัมส์ (1988-2002)

 

 

มีเหตุผลที่าทำไม โทนี่ อดัมส์ จึงถูกแฟนเรียกว่า ‘มิสเตอร์อาร์เซน่อล’ เนื่องจากเขาเป็นนักเตะที่เติบโตมากับทีมมาตั้งแต่ชุดเยาวชน และค่อยๆไต่เต้าขึ้นมาเรื่อยๆจนสามารถก้าวขึ้นเป็นตัวหลักได้อย่างเต็มภาคภูมิ ซึ่งเขาได้รับบทบาทเป็นกัปตันทีมตั้งแต่อายุ 21 ปี และดำรงตำแหน่งอันทรงเกียรติมาอย่างยาวนาน จนกระทั่งเขาแขวนสตั๊ดในอีก 14 ปีต่อมา

 

กองหลังจอมแกร่งได้ประสานงานกับ สตีฟ โบลด์ คู่หู จนกลายเป็นหัวใจสำคัญในเกมรับของอาร์เซน่อล พร้อมกับชูถ้วยแชมป์ดิวิชั่น 1 (เดิม) 2 สมัย, แชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย, แชมป์เอฟเอ คัพ 3 สมัย, แชมป์ลีก 2 สมัย และ แชมป์วินเนอร์ คัพ ในปี 1994 อีก 1 สมัย แถมยังเป็นนักเตะคนเดียวในประวัติศาสตร์ลกหนังแดนผู้ดีที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้จาก 3 ทศวรรษ

 

อดัมส์รับใช้ให้อาร์เซน่อลไปมากว่า 504 นัดในทุกรายการ และโลดแล่นอยู่ใน ไฮบิวรี่ ตลอดอาชีพค้าแข้งจนกระทั้งเลิกเล่น เพราะฉะนั้นจึงไม่มีคำไหนเหมาะกับ อดัมส์ ไปกว่าคำว่า ‘ตำนาน’ ของสโมสรนี้อีกแล้วล่ะ