พรีเมียร์ ลีก เป็นลีกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกเเต่นั้นไม่ได้การันตีว่านักเตะที่มาค้าเเข้งจะได้ดีไปด้วย หลายคนกำลังรุ่งเเต่ย้ายมาดับในพรีเมียร์ ลีก เเต่ก็ใช่ว่าดับเเล้วจะดับเลย เมื่อพวกเขาย้ายออกไป ยังสามารถพิสูจน์ฝีเท้าของตัวเองว่ามีดีพอ
10. มิลอส เวลจ์โควิช (สเปอร์ส-เบรเมน)
สเปอร์ส เห็นเเววของ เวลจ์โควิช สมัยเป็นดาวรุ่งของบาเซิลในสวิตเซอร์เเลนด์ ก่อนเซ็นสัญญามาร่วมทีมไม่กี่สัปดาห์ก่อนวันเกิดครบ 16 ปีของเขาในปี 2011
เเข้งชาวเซิร์บอยู่กับทีมนานถึง 5 ปี ได้ลงเล่น 3 เกมเเต่อยู่ในสนามเเค่ 2, 28 เเละ 4 นาทีตามลำดับก่อนจะถูกปล่อยให้ มิดเดิลสโบรห์เเละชาลตัน ยืมตัวใช้งาน สุดท้ายกลับมาก็ยังเป็นตัวหลักไม่ได้ ต้องย้ายถาวรไปอยู่กับ เบรเมน ในเยอรมันด้วยค่าตัวเเค่ 500,000 ปอนด์
ดูเหมือน เวลจ์โควิช จะเริ่มฉายเเววให้เห็น เขายกระดับตัวเองขึ้นมาเป็นเเข้งหลักของทีมนกนางนวล เเม้จะยังไม่เคยได้เเชมป์เเต่ก็ลงสนามไปเเล้ว 107 เกมยิง 3 ประตู
9. มาร์ติน คาเซเรส (เซาแธมป์ตัน-ฟิออเรนติน่า)
เดือนกุมภาพันธ์ 2017 จะพูดว่าเซาแธมป์ตันได้ของดีมาร่วมทีมก็ว่าได้เพราะ มาร์ติน คาเซเรส เป็นเเข้งมากประสบการณ์ที่เคยอยู่กับทั้งยูเวนตุสและบาร์เซโลนารวมถึงการเก็บชัยชนะในทีมชาติอุรุกวัยถึง 68 เกมก่อนจะย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ ลีก เเบบฟรีๆ
อย่างไรก็ตามความจริงมันไม่เป็นเเบบนั้น เจ้าตัวมีชื่อบนม้านั้งสำรองของทีมนักบุญ 12 เกม มีโอกาสลงสนามเเค่เกมเดียวคือที่เอาชนะ มิดเดิ้ลสโบรช์ในเดือนพฤษภาคม ทำให้เจ้าตัวต้องเก็บข้าวของย้ายกลับไปอิตาลีอีกครั้งกับเวโรน่าต่อด้วยลาซิโอเเละยูเวนตุสจากนั้นเมื่อหน้าร้อนปีที่เเล้วเจ้าตัวตัดสินใจย้ายอีกครั้งไปฟิออเรนติน่า ซึ่งเหมือนจะได้ทีมที่เห็นคุณค่าในตัวเขา เจ้าตัวได้ลงเล่นสนาม 20 จาก 22 เกมรวมทุกรายการกับวัยที่กำลังจะเหยียบ 37 ปี
8. มิเกล เมรีโน่ (นิวคาสเซิล-เรอัล โซเซียดาด)
ไม่ได้รับโอกาสเท่าที่ควรกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ถูกปล่อยยืมตัวมาให้กับ นิวคาสเซิล ใช้งานเเต่ชีวิตในอังกฤษดูจะไม่ง่ายเลย เขาได้โอกาสลงสนามเพียง 2 เกมช่วงปลายปี 2017 หลังจากนั้นชีวิตค้าเเข้งในถิ่นเซนต์ เจมส์ พาร์ค เหมือนจะจบลงไปด้วย เจ้าตัวไม่สามารถเบียดเเย่งตำเเหน่งกับ จอนโจ้ เชลวี่ย์ เเละ โม ดิอาเม่ ได้ จนต้องเก็บข้าวของย้ายออกไป
เมรีโน่ มาเริ่มต้นอีกครั้งในสเปนเเละเหมือนได้ชีวิตใหม่จริงๆ เขาได้ลงเล่น 25 จาก 26 เกมให้ เรอัล โซเซียดาด พาทีมรั้งอันดับ 4 เป็นผลงานที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก
7. กิเยร์โม วาเรลา (เเมนฯยู-โคเปนเฮเกน)
หลังย้ายมาร่วมทีมเเมนฯ ยู เมื่อปี 2013 วาเรลา ต้องรอโอกาสถึง 2 ปี เเต่ในยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล ฤดูกาล 2015-16 เขาดูเหมือนจะเป็นที่ชื่นชอบได้โอกาสโชว์ฝีเท้าในทีมชุดใหญ่อยู่เรื่อยๆ
ฮวน มาต้า เเข้งรุ่นพี่ในทีมปีศาจเเดงถึงกับกล่าวออกมาว่า “ฟอร์มของเขาเหมือนกับเล่นมานาน 10 ปี เขาเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมเเละนั้นดีสำหรับทีม”
จุดพลิกพันในชีวิตของ วาเรลา คือเขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมยูโรป้า ที่พบกับ ลิเวอร์พูล เเต่โดน ฟิลิปเป คูตินโญ่ เผาเครื่องชนิดทีเรียกว่าเสียคนไปเลย เเถมประตูที่ปีศาจเเดงเสียไป เเข้งอุรุกวัยก็โดนจวกว่าเป็นต้นเหตุ
หลังจากนั้น วาเรล ก็หลุดทีมชุดใหญ่ไปยาวๆ จนถูกปล่อยให้ เรอัล มาดริด เเละ แฟร้งค์เฟิร์ต ยืมตัวใช้งาน ก่อนจะถูกปล่อยกลับไปอยู่กับ เพนาโรล เเละสุดท้ายเป็นโคเปนเฮเกน ที่นี้เหละที่เขาอาจจะได้เเจ้งเกิดอีกครั้งเพราะมีโอกาสลงสนามถึง 21 เกม
6. มาร์โก้ มาริน (เชลซี-อัล อาห์ลี)
เชลซี ทุ่มเงินถึง 7 ล้านปอนด์คว้าตัว มาริน มาจากเบรเมน ตอนนั้นเเข้งวัย 23 ปี เเบกดีกรีทีมชาติเยอรมันชุดฟุตบอลโลก 2010 มาด้วย ทามกลางความคาดหวังของเเฟนเเต่ความจริงมันไม่เป็นเเบบนั้น
มาริน ได้ลงสนามเพียง 2 เกมให้กับเชลซี เเถมได้เล่นเพียง 142 นาทีให้ทีมชุดใหญ่ ก่อนจะถูกปล่อยตัวให้กับ เซบีย่า, ฟิออเรนจิน่า, แทร็บซอนสปอร์ เเละ อันเดอร์เลชท์ ยืมตัวใช้งาน เเต่สุดท้ายก็ย้ายซบโอลิมเปียกอส เเบบถาวรในปี 2016
หลังจากนั้น เเข้งเยอรมัน ย้ายมาอยู่กับ อัล อาห์ลี ในซาอุดิอาระเบีย ลงสนามไปเเล้ว 9 เกมรวมทุกรายการ เเละเเน่นอนเขาเป็นตัวหลักของทีม มีโอกาสได้พิสูจน์ฝีเท้าอีกครั้ง
5. มาธิอัส นอร์แมนน์ (ไบร์ตัน-รอสตอฟ)
นอร์แมนน์ ย้ายจาก โบโด กลิมท์ มาอยู่กับไบร์ตันเมื่อปี 2017 เเต่ยังไม่ทันได้ลงเล่นเจ้าตัวก็ถูกปล่อยให้ โมลล์ ที่ตอนนั้นมี โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เป็นกุนซือ ตลอด 1 ฤดูกาลครึ่งเจ้าตัวมีโอกาสลงสนาม 18 เกมยิงไป 1 ประตู เเต่ก็ยังไม่ได้รับไว้ใจจากทีมนกนางนวลเเม้เเต่นิดเดียว
เเข้งนอร์เวย์ ย้ายไปอยู่กับ รอสตอฟ ทีมในลีกรัสเซีย ซึ่งก็เหมือนจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้ดี ฤดูกาลนี้ลงสนามในลีกไป 17 เกมยิงไป 1 ประตู ถึงขนาดที่ตกเป็นข่าวกับเเมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
4. ปีแอร์ลุยจี กอลลีนี (เเอสตัน วิลล่า-อตาลันต้า)
เเอสตัน วิลล่า จ่ายเงิน 4.25 ล้านปอนด์ให้ เวโรน่า ทีมในลีกรองเซเรีย บี อิตาลี เมื่อปี 2016 เจ้าตัวมีโอกาสได้ลงเฝ้าเสาไป 20 เกม เดอะ แชมป์ ชิพ ก่อนที่ สตีฟ บรู๊ซ กุนซือสิงห์ผยองในตอนนั้นจะไปคว้าตัวเอา มาร์ค บันน์ มาอยู่กับทีม ซึ่งก็เป็นจุดเปลี่ยนของ กอลลีนี เจ้าตัวหลุดไปนั้งสำรองยาวๆ
เเข้งอิตาลีตันสินใจย้ายไปอยู่กับ อตาลันต้า เเบบยืมตัว เเละโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมลงสนามไป 27 เกมทำให้ทีมดังเเห่งแบร์กาโม่ตัดสินใจซื้อขาดเเละก็นับว่าถูกต้อง กอลลีนี ยังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมพาทีมผ่านเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายเเชมเปี้ยนส์ ลีก เเละรั้งอันดับ 4 ในตารางคะเเนนกัลโช่ เซเรีย อา ตอนนี้
3. อเล็กซานเดอร์ ซอร์ลอธ (คริสตัล พาเลซ-แทร็บซอนสปอร์)
เป็นปีทองสำหรับกองหน้าทีมชาตินอร์เวย์เหลือเกินนอกจาก เออร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์ ดาวยิงดอร์ทมุนด์ที่กำลังโด่งดังเป็นพลุเเตกเเล้วยังมี อเล็กซานเดอร์ ซอร์ลอธ อีกหนึ่งนักเตะที่กำลังโชว์ฟอร์มได้ร้อนเเรงถึงขนาดไปเข้าตา เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่ของสเปน
ซอร์ลอธ เดิมทีเป็นนักเตะของ คริสตัล พาเลซ ที่คว้าตัวมาจาก มิดเทินแลนด์ ตั้งเเต่ปี 2018 ถึงกระนั้นเจ้าตัวมีโอกาสลงสนามไปเพียง 20 เกมกับ 1 ฤดูกาลครึ่ง จนต้องย้ายออกไปเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เริ่มกับ เกงค์ ในเบลเยี่ยม เเม้จะทำได้ไม่เลวลงสนาม 22 เกมยิง 5 ประตู เเต่ก็ยังไม่เข้าตา รอย ฮอดจ์สัน กุนซือปราสาทเรือนเเก้ว
ฤดูกาลล่าสุด ซอร์ลอธ ยังคงถูกปล่อยยืมให้กับ แทร็บซอนสปอร์ ยืมตัวใช้งานเเละนี้เหละคือปีที่เขาทำผลงานได้อย่างเฉิดฉาย ซัดไป 25 ประตูกับการลงสนาม 39 เกมรวมทุกรายการ พาทีมรั้งจ่าฝูงเบียดเเย่งเเชมป์กับ อิสตันบูล บาซาคเซฮีร์ อย่างสนุก ดูเเล้วด้วยผลงานเเบบนี้จะกลับพาเลซก็ได้หรือจะย้ายไปทีมยักษ์ใหญ่ก็ยังได้
2. อันเดร ครามาริช (เลสเตอร์-ฮอฟเฟนไฮม์)
ครามาริช ย้ายจากริเยกามาอยู่กับเลสเตอร์ ด้วยค่าตัวเป็นสถิติสโมสรเมื่อปี 2015 ซึ่ง ไนเจล เพียร์สัน กุนซือจิ้งจอกสีน้ำเงินกล่าวถึงเเข้งรายนี้ว่า “เขาเป็นนักเตะหนุ่มที่มีความสามารถมากเขาอาจเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับทีมเรา”
ครามาริช เปิดตัวได้ไม่เลวลงสนามไป 15 เกมยิง 3 ประตูช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง เเต่ในปีต่อมาหลัง เคลาดิโอ รานิเอรี่ เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ ชื่อของ ครามาริช ก็ดูจะหายไปจากไลน์อัพ 11 คนเเรกเขามีโอกาสลงสนามเเค่ 2 เกมในลีก สุดท้ายก็ต้องย้ายไปฮอฟเฟนไฮม์เเบบยืมตัว
ที่นั้นเหมือนจะมอบชีวิตใหม่ให้เเข้งโครเเอค เขาลงสนามไป 15 เกม ยิง 5 ประตู ทำให้ทีมยอมคว้าตัวไปร่วมทีมเป็นการถาวร หลังจากนั้น ครามาริช ก็ตอบเเทนความเชื่อใจของสโมสรตลอด 3 ฤดูกาลซัดไปเกิน 10 ประตูตลอด เเม้จะยังไม่มีเเชมป์อะไรจิดมือ เเต่ก็นับว่าเป็นเเข้งคนสำคัญของทีม
1.หลุยส์ อัลแบร์โต้ (ลิเวอร์พูล-ลาซิโอ)
ลิเวอร์พูลทุ่มเงิน 6.8 ล้านปอนด์ คว้าตัว หลุยส์ อัลแบร์โต้ มาจากเซบีย่า เมื่อปี 2013 ในยุคของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ซึ่งเคยพูดถึงเเข้งสเปนรายนี้ว่า “เขาเป็นนักฟุตบอลที่เหมาะสมกับลิเวอร์พูลเป็นอย่างมาก รวมถึงการพัฒนาฝีเท้าไปในระดับโลก”
เเต่พอเอาเข้าจริงกลับไม่เป็นอย่างนั้น อัลแบร์โต้ ไม่เคยได้ลงเป็นตัวจริงในลีก ได้เล่นเเค่ 9 เกมในฐานะตัวสำรองเท่านั้นเเถมทำประตูไม่ได้เลย จนต้องย้ายไปเก็บประสบการณ์กับ ลาคอรุนญ่า เเละ มาลาก้า เเต่สุดท้ายต้องเก็บข้าวของย้ายไปอยู่อิตาลีกับลาซิโอ
ที่อิตาลี อัลแบร์โต้ เหมือนได้เกิดใหม่ ฤดูกาลเเรกอาจต้องใช้เวลาปรับตัวมีโอกาสลงสนามเเค่ 10 เกม เเต่นปีถัดมาเจ้าตัวเล่นไปถึง 47 เกมรวมทุกรายการ ซัดไป 12 ประตู ยกระดับตัวเองเป็นตัวหลักของทีม เเถมปีต่อมายังประสบความสำเร็จพาทีมคว้าเเชมป์ โคปปา อิตาเลีย มาครองได้อีกด้วย