ช่วงโค้งสุดท้าย : ชำแหละจุดอ่อนท็อป 6 พรีเมียร์ลีก

 

เหลือเวลาแข่งขันอีกแค่ 10 นัดเท่านั้น ก่อนที่พรีเมียร์ลีกอังกฤษจะปิดม่านการแสดงในฤดูกาลนี้  ในขณะที่ทีมท้ายตารางอย่าง ฟูแล่ม หรือ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ฟันธงได้ชัดเจนว่าไม่รอดจากโซนตกชั้นแน่นอน แต่ทีมหัวตารางกลับเข้มข้นและเร้าใจกว่ามากหลายเท่าตัว

 

ลิเวอร์พูลรั้งอันดับจ่าฝูงในลีกเหนือแชมป์เก่าอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แค่แต้มเดียวเท่านั้น ส่วนสเปอร์ที่ทำท่าว่าจะลุ้นแชมป์ช่วงต้นถึงกลางฤดูกาล แต่ตอนนี้รั้งอันดับ 3 ตามหลังหงส์แดงอยู่ 9 แต้ม

 

ส่วนศึกชิงอันดับ 4 ก็ดุเดือดไม่แพ้กัน โดยมีอาร์เซน่อลยึดตำแหน่งดังกล่าวอยู่ ตามมาด้วย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี ซึ่งในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้ง 3 ทีมได้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนอันดับที่ 4 ในตารางเป็นว่าเล่น และในสุดสัปดาห์ก็มีโอกาสไม่น้อยที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นอีกครั้ง ( ณ ตอนนี้แมนยูขึ้นไปอยู่อันดับ 4 แล้ว)

 

ถือเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นจริงๆ เพราะทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งแฟนบอลมักจะพูดถึงจุดแข็งของทีมที่ทำให้พวกเขาอยู่บนหัวตารางได้ แต่ว่าทีมท็อปซิ๊กซ์เหล่านั้นมีจุดอ่อนกันบ้างหรือเปล่า?

 

แล้วจุดอ่อนที่ว่ามันอยู่ตรงไหนกันล่ะ? ทาง UFA ARENA จะพาไปไขข้อข้องใจและชำแหละจุดอ่อนสำคัญของบรรดาสโมสร 6 อันดับแรกในลีกสูงสุดแดนผู้ดีกัน

 

ปล. สถิติเหล่านี้นับก่อนเกมวันที่ 2-3 มีนาคม 2562

 

 

ลิเวอร์พูล : การยิงนอกกรอบ

 

 

สถิติสำคัญ : ลิเวอร์พูลเปลี่ยนประตูจากการยิงนอกกรอบได้แค่ 2.7% จากความทั้งหมดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้

 

ในอดีตจุดอ่อนใหญ่ที่ใครๆก็ทราบดีของทีมหงส์แดงก็คือ เกมรับที่เปราะบางและไว้ใจไม่ได้ นั่นถือเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาชวดแชมป์ลีกในฤดูกาล 2013-14 แต่ฤดูกาลนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ได้เปลี่ยนแปลงให้ลิเวอร์พูลเป็นหนึ่งในทีมที่เล่นเกมรับได้แข็งแกร่งที่สุดในลีก โดยเสียไปแค่ 15 ประตูเท่านั้น

 

ส่งผลให้ฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูลมีโอกาสคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1990 แต่ทว่าสิ่งที่อาจจะทำให้เป้าหมายหลักที่วางไว้ล้มเหลวก็คือ การเล่นเกมรุกของพวกเขาเอง

 

ลูกทีมของคล็อปป์ซัดไปแล้ว 64 ประตูในลีก เป็นรองแค่แมนเชสเตอร์ซิตี้เท่านั้น แต่มีแค่ 4 ลูกเท่านั้นที่มาจากการยิงนอกกรอบ (โอเพ่นเพลย์ 3,ฟรีคิก 1) ซึ่งสถิตินี้ทำให้พวกเขาแย่ที่สุดในบรรดา 6 ทีมหัวตาราง และอยู่อันดับที่ 11 ในลีกรวมกับเลสเตอร์ ซิตี้ และ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์

 

แม้เหล่าเดอะ ค็อป อาจจะไม่ได้กังวลกับเกมรุกมากมายนัก แต่สถิติยิงนอกกรอบถึง 148 ครั้ง ซึ่งมากเป็นอันดับ 6 ในลีก และเข้ากรอบแค่ 41 ครั้ง น่าจะทำให้พวกเขาหวั่นๆอยู่เหมือนกัน

 

บ่อยครั้งที่หงส์แดงมักจะหมดไอเดียในการเจาะเกมรับฝ่ายตรงข้าม ยกตัวอย่างเช่นในเกมที่เสมอกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแบบไร้สกอร์ พวกเขายิงไปแค่ 7 ครั้ง และยิงนอกกรอบถึง 3 ครั้งในเกมนั้น

 

มากไปกว่านั้น ลิเวอร์พูลมีนักเตะที่ทำประตูนอกกรอบได้มากที่สุดในฤดูกาลที่แล้วอย่าง เชอร์ดาน ชากีรี่ อยู่ด้วย แต่ทว่าในปีนี้เขาทำไปแค่ลูกเดียวเท่านั้น

 

 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : ทำแต้มหล่น(เกินไป)

 

 

สถิติสำคัญ : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ทำแต้มหล่นไปถึง 9 แต้ม ทั้งๆที่พวกเขานำคู่แข่งอยู่ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้

 

หากเรือใบสีฟ้าต้องการจะป้องกันแชมป์ให้ได้ในปีนี้ พวกเขาต้องเก็บแต้มให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อแซงหน้าลิเวอร์พูลที่กำลังฟอร์มแรง แม้จะแผ่วๆไปบ้างในบางช่วง

 

แต่ในฤดูกาลนี้ เป็ป กวาร์ดิโอล่า และลูกทีมทำแต้มหล่นไปแล้วถึง 16 แต้ม มากกว่าในฤดูกาลที่แล้วที่เสียไปแค่ 14 แต้ม ทำให้หมดโอกาสในการทำได้ 100 คะแนนไปโดยปริยาย

 

แม้หงส์แดงจะทำแต้มหล่นได้ใกล้เคียงกัน แต่สิ่งที่น่ากังวลสำหรับซิตี้ก็คือการทำแต้มหล่นแบบไม่น่าให้อภัย เพราะพวกเขาแพ้ไปแล้ว 4 เกมในฤดูกาลนี้ คือเกมที่พบกับเชลซี, คริสตัล พาเลซ, เลสเตอร์ ซิตี้ และ นิวคาสเซิล

 

แต่ความพ่ายแพ้เหล่านั้นมีถึง 3 เกมที่ซิตี้ออกนำคู่แข่งไปก่อน และมีแค่นัดที่พ่ายสิงห์บลูที่สแตมฟอร์ด บริดจ์เท่านั้นที่พวกเขาไม่มีโอกาสตีตื้นขึ้นมาได้เลย

 

นั่นทำให้เรือใบสีฟ้าเสียแต้มในเกมที่พวกเขาควรชนะถึง 9 แต้ม แย่ที่สุดในบรรดาท็อปซิ๊กซ์ และมีแค่ 6 ทีมในลีกเท่านั้นที่ทำแต้มหล่นมากกว่าพวกเขา

 

 

สเปอร์ : จ่ายบอลพลาดบ่อยครั้งในแดนตัวเอง

 

 

สถิติสำคัญ : สเปอร์จ่ายบอลพลาดในแดนตัวเองถึง 751 ครั้ง แย่สุดเป็นอันดับ 3 ของพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้

 

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สโมสรทั่วโลกต่างเน้นในการปั้นและทำเกมขึ้นตั้งแต่แดนหลังเพิ่มมากขึ้น, การใช้กองหน้าร่างยักษ์ที่ค่อยๆลดลง รวมไปถึงนายทวารที่สามารถออกบอลได้ดีไม่แพ้กองกลางก็กลายเป็นเทรนด์ใหม่ของโลกลูกหนังยุคใหม่แล้ว

 

นั่นทำให้ทีมเน้นการต่อบอลในแดนตัวเองเพิ่มมากขึ้น เพื่อหาช่องว่างในการเจาะเกมรับของคู่แข่ง แน่นอนว่ามันจะสวยงามมากๆ หากการต่อบอลเหล่านั้นสามารถจบลงด้วยที่ก้นตาข่ายของทีมคู่แข่ง

 

แต่นี่ก็เป็นเรื่องเสี่ยงไม่น้อยในแผงหลัง และความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมีโอกาสมากที่จะทำให้ทีมเสียประตูได้ หากโดนกดดันจากทีมตรงข้ามมากๆเข้าจนลนล่านเสียเอง ซึ่งสเปอร์คือหนึ่งในทีมที่ทำพลาดมากที่สุดในฤดูกาลนี้

 

ไก่เดือยทองคือทีมที่ต่อบอลในแดนตัวเองมากเป็นอันดับ 5 ในลีกปีนี้ ซึ่งมากถึง 7,368 แต่ลูกทีมของเมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กลับจ่ายบอลในแดนตัวเองพลาดถึง 752 ครั้ง และมีแต่วูล์ฟ (799 ครั้ง) และ ฟูแล่ม (762 ครั้ง) ที่แย่กว่าพวกเขาในฤดูกาลนี้

 

โชคดีหน่อยที่พวกเขาไม่เสียประตูจากความเหล่านี้บ่อยครั้ง และทำให้สเปอร์เสียประตูน้อยสุดเป็นอันดับ 3 ของลีก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพอชและลูกทีมโอกาสเสียประตูจากการเล่นแบบนั้นก็ยังมีให้เห็นอยู่ดี

 

 

อาร์เซน่อล : เสียประตูเพราะความผิดพลาด

 

 

สถิติสำคัญ : อาร์เซน่อลเป็นทีมที่เสียประตูจากความผิดพลาดของตัวเองมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ (9 ประตู)

 

  หนึ่งในปัญหาของปืนใหญ่ในยุคเวนเกอร์กุมบังเหียนคือแผงหลังที่อ่อนปวกเปียกและเอาแน่เอานอนไม่ได้ในเกมสำคัญหลายๆนัด และนั่นก็ยังเป็นสิ่งที่ยังไม่หายไปในยุคของอูไน เอเมอรี่

 

อาร์เซน่อลรั้งอันดับ 4 ก็จริง แต่พวกเขาเป็นทีมที่มอบโอกาสทองให้กับคู่แข่งมากที่สุดในปีนี้ โดยเกิดความบกพร่องในเกมรับถึง 22 ครั้ง และเสียประตูให้คู่แข่งมากที่สุดจากความผิดพลาดเหล่านั้นด้วยในลีก

 

หากมองกันให้ลึกลงไป ทีมที่กำลังต่อสู้เพื่อคว้าตั๋วไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีกมีความผิดพลาดในเกมรับมากกว่าทีมตกชั้นอย่าง ฟูแล่ม ซะอีก แม้ทีมเจ้าสัวจะเสียประตูมากถึง 63 ลูกจาก 28 เกมในลีกก็ตาม

 

แบรนด์ เลโน่คือนักเตะที่สร้างความผิดพลาดในเกมรับได้มากที่สุดของอาร์เซน่อล โดย 3 ครั้งที่นายทวารชาวเยอรมันทำพลาดไปนำไปสู่การเสียประตูทั้งหมด ขณะที่นักเตะคนอื่นๆอย่าง กรานิต ชาก้า, เซอัด โคลาซินัช และ เฮคตอร์ เบเยริน ก็ผิดพลาดไปถึง 3 ครั้งเช่นกัน เพียงแต่ไม่เสียหายเท่าเลโน่เท่านั้น

 

 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : การครองบอลในพื้นที่สุดท้าย

 

 

สถิติสำคัญ : มีแค่ 3 ทีมเท่านั้นที่แย่งบอลมาครองในพื้นที่สุดท้ายได้แย่กว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดฤดูกาลนี้ (87 ครั้ง)

 

การเล่นบอลบีบสูงในแนวรับคู่แข่งถือเป็นอีกหนึ่งแทคติกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆในลีกสูงแดนผู้ดี โดยบีบให้ฝ่ายตรงข้ามทำเกมลำบากและมีพื้นที่ในการเล่นน้อยลง ทำให้โอกาสทำประตูก็มีสูงเช่นกันหากแย่งการครองบอลมาได้จากในแดนของคู่แข่งเลย

 

แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ปีศาจแดงทำได้ดีนักในฤดูกาลนี้ เพราะพวกเขาแย่งบอลคู่แข่งในพื้นที่สุดท้ายได้แค่ 87 ครั้งเท่านั้น ซึ่งมีแค่ ไบรท์ตัน (80 ครั้ง), เวสต์แฮม (80 ครั้ง) และ ฟูแล่ม (75 ครั้ง) เท่านั้นที่ทำได้แย่กว่าพวกเขา

 

อย่างไรก็ตาม นี่คือสิ่งที่โอเล่ กุนนาร์ โซลชา พยายามปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาอยู่นับตั้งแต่เข้ามาแทนที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ในเดือนธันวาคม เพราะในสมัยที่กุนซือชาวโปรตุเกสนั่งเก้าอี้อยู่ ปีศาจแดงมีสถิตินี้แย่สุดเป็นอันดับ 2 ในพรีเมียร์ลีก โดยแย่งบอลให้แดนคู่แข่งมาได้แค่ 47 ครั้งจาก 17 เกมลีก

 

แต่หลังจากโซลชาเข้ามา ตัวเลขก็กระเตื้องขึ้นเป็น 40 ครั้งจาก 11 เกม แม้ว่าสถิติอาจจะไม่ได้ดีขึ้นแบบก้าวกระโดด แต่ก็มีการพัฒนาที่ดีขึ้นกว่าการเล่นที่เน้นความปลอยภัยแบบมูรินโญ่ในช่วงต้นฤดูกาล

 

 

เชลซี : โอกาสทองที่เสียเปล่า

 

 

สถิติสำคัญ : เชลซีเปลี่ยนโอกาสสำคัญให้กลายเป็นประตูได้แค่ 39.71% เท่านั้นจากโอกาสทั้งหมด ดีกว่าแค่ 9 ทีมในลีกเท่านั้น

 

หลังจากเริ่มต้นได้สวยงาม ปัจจุบัน ซาร์รี่-บอล กลับกลายเป็นปัญหาสำคัญในสแตมฟอร์ด บริดจ์ และแสดงให้เห็นถึงจุดอ่อนในหลายๆด้านของเชลซีเอง

 

แต่ปัญหาหลักที่เห็นได้ชัดคือ กองหน้าในทีม ไม่ว่าจะเป็นอัลบาโร่ โมราต้า ที่ย้ายไปเล่นให้แอตเลติโก้ มาดริดแบบยืมตัวในตอนนี้, กองหน้าป้ายแดงอย่าง กอนซาโล่ อิกวาอิน หรือกองหน้าคนเก่า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ทำประตูในลีกรวมกันได้ไม่ถึง 10 ประตูด้วยซ้ำ (โมราต้า 5, อิกวาอิน 2, ชิรูด์ 1)

 

นั่นทำให้ภาระในการทำประตูทั้งหมดตกเป็นของนักเตะตำแหน่งปีกอย่าง เอเด็น อาซาร์ (12 ประตู) และ เปโดร (8 ประตู) และส่งผลให้เชลซีเป็นทีมพลาดโอกาสในการทำประตูมากเกินไปสำหรับทีมจะคว้าตั๋วไปเล่นยูซีแอลในฤดูกาลหน้า

 

สิงหบลูทำประตูได้แค่ 39.71% จากโอกาสสำคัญทั้งหมดที่เกิดขึ้นในฤดูกาลนี้ ซึ่งแย่ที่สุดในบรรดา 6 ทีมหัวตารางของพรีเมียร์ลีก

 

ไม่ใช่แค่นั้น เพราะโอกาสทั้งหมดที่เชลซีทำได้นั้นมากที่สุดเป็นอันดับสองในลีก เป็นรองแค่แมนเชสเตอร์ ซิตี้เท่านั้น (เชลซี 337 ครั้ง, แมนซิตี้ 364 ครั้ง)

 

นอกจากนี้ ทีมจากลอนดอนเขตตะวันตกยิงไปทั้งหมด 47 ประตู นั่นหมายความว่าเชลซีจะได้ประตูต่อการสร้างโอกาสทั้งหมด 7.17 ครั้ง ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยที่ใกล้เคียงกับทีมระดับกลางอย่างวูล์ฟแฮมป์ตัน หรือ ไบรท์ตัน เลย