ซลาตันหลบไป : 5 อันดับดาวซัลโว ‘มิลาน ดาร์บี้’

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผู้คว้าชัยในศึกดาร์บี้เดลล่ามาดอนนิน่า ครั้งที่ 225 ตกเป็นของ อินเตอร์ มิลาน ที่พลิกเอาชนะ เอซี มิลาน 4-2 หลังโดนนำไปก่อน 2-0 ในครึ่งเวลาแรก

 

นี่ถือเป็น มิลาน ดาร์บี้ ที่ดุเดือดเข้มข้นอีกเกมหนึ่ง แม้ว่าพลพรรคปีศาจแดงดำจะไม่สามารถหาชัยชนะเหนือทีมอริร่วมเมืองได้ถึง 6 นัดติดแล้วก็ตาม 

 

แต่เรื่องดีๆก็ยังมีให้เห็นอยู่บ้าง เมื่อ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ทำประตูในเกมดังกล่าว ทำให้อดีตกองหน้าทีมชาติสวีเดน ยิงในเกมดาร์บี้รายการนี้มาแล้ว 7 ประตูด้วยกัน เทียบเท่าตำนานแข้งในอดีตของทั้ง 2 ทีมหลายคน เช่น อเลสซานโดร อัลโตเบลลี่, หลุยส์ ฟาน เฮเก้ หรือ โจเซ่ อัลตาฟินี่ เป็นต้น

 

อย่างไรก็ตาม หัวหอกเลือดไวกิ้งวัย 38 ปี ก็ยังไม่ติด 1 ใน 5 ดาวยิงสูงสุดของ ศึกดาร์บี้ที่โด่งดังที่สุดในอิตาลีอยู่ดี และ UFA ARENA จะพาไปรู้จัก 5 ดาวยิงประจำมิลานดดาร์บี้ผ่านบทความชิ้นนี้

 

 

5.เอ็นริโก้ คานเดียนี่ | 10 ประตู

 

 

หนึ่งในนักเตะคนแรกๆในประวัติศาสตร์ที่ย้ายไปเล่นทั้ง 2 สโมสรในเมืองมิลาน โดย เอ็นริโก้ คานเดียนี่ สร้างชื่อด้วยการเป็นกองหน้าเบอร์ต้นๆของประเทศกับ อินเตอร์ มิลาน ก่อนในปี 1937

 

ตลอด 9 ปี ในสีเสื้อ เนรัซซูรี่ หัวหอกชาวอิตาเลี่ยน พาทีมคว้าแชมป์แค่ 2 รายการเท่านั้น คือ โคปปา อิตาเลีย ปี 1938 และ เซเรียอา ปี 1940 แต่ก็ยิงไปถึง 71 ประตู จากการลงเล่น 187 นัด และชื่นชอบการยิงประตูอริร่วมเป็นที่สุด

 

หลังซัด 7 ประตูให้งูใหญ่ใน มิลาน ดาร์บี้ คานเดียนี่ ก็ย้ายข้ามมฝากไปอยู่กับ รอสโซเนรี่ในปี 1949 แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จนัก และอยู่ได้แค่ฤดูกาลเดียวเท่านั้น แต่ในช่วงเวลาดังกล่าว เขายิงประตูใส่ทีมเก่า 3 เม็ด รวมแล้ว เขายิงในรายการนี้ไปถึง 10 ประตูด้วยกัน

 

แม้จะผ่านมา 7 ทศวรรษแล้ว มีผู้เล่นเพียงแค่ 4 คนที่สามารถยิงประตูใน มิลาน ดาร์บี้ ได้มากกว่า คานเดียนี่ ในตอนนี้

 

 

4.อิสวาน เยอร์ส | 11 ประตู

 

 

 อิสวาน เยอร์ส เป็นนักเตะจอมพเนจรอย่างแท้จริงในช่วงที่เขาค้าแข้งอยู่ และเป็นดาวเตะเบอร์ต้นๆในยุครุ่งเรืองของทีมชาติฮังการี ในทศวรรษ 1940 ถึง 1950 ร่วมกับ เฟเรนซ์ ปุสกัส และ ลาสโร่ คูบาล่า 

 

หลังจากที่เริ่มต้นค้าแข้งช่วงสั้นๆใน ฮังการี, สาธารณรัฐเช็ก และ ฝรั่งเศส เนอร์ส ก็แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวกับ อินเตอร์ มิลาน ในปี 1948 และมี 6 ปีที่มหัศจรรย์ในทีม ด้วยการซัดไปถึง 133 ประตู จากการลงเล่น 188 นัด โดย 11 ประตู มาจากการที่เขายิงใส่ เอซี มิลาน อริร่วมเมืองได้

 

‘สเตฟาโน่ เนอร์ส’ คือชื่อที่แฟนบอลขานเรียกกันในสมัยนั้น และกระหายในการยิงประตูคู่แข่งเสมอ และ ทีมรอสโซเนรี่ ในยุดนั้นก็ตกเป็นเหยื่อของ เนอร์ส อยู่บ่อยครั้งด้วย พร้อมพาทีมคว้าแชมป์ลีก 2 สมัยติดในปี 1953 และ 1954

 

 

3.กุนนาร์ นอร์ดาห์ล | 11 ประตู

 

 

แค่ 1 ปี หลังจากที่ เยอร์ส ย้ายไปร่วมทีมงูใหญ่ ปีศาจแดงดำก็เสริมแกร่งในแดนหน้าด้วยการคว้า กุนนาร์ นอร์ดาห์ล หัวหอกจอมแกร่งชาวสวีเดนมาร่วมทีม ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในกองหน้าเบอร์ต้นในประวัติศาสตร์ของ เอซี มิลาน นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา 

 

แข้งแดนไวกิ้ง ยิงให้รอสโซเนรี่ถึง 221 ประตูในทุกรายการ และสถิตินี้ก็ยังยืนยาวมาจนปัจจุบัน หลังเขาบอกลาทีมไปในปี 1956

 

ซึ่งในยุคนั้น เนอร์ส กับ นอร์ดาห์ล กลายเป็นกองหน้าเบอร์ต้นๆของลีกอิตาลี และแฟนบอลต้องพูดถึงทุกครั้งยามที่เขาทั้ง 2 พบกัน โดย ดาวยิงจากเอซี มิลาน ทำประตูในศึกมิลาน ดาร์บี้ ได้เท่ากับ หัวหอกคู่แข่งตลอดกาลที่ 11 ประตู

 

 

2.จูเซปเป้ เมอัสซ่า | 13 ประตู

 

 

หลายคนคงคุ้นชื่อของ จูเซปเป้ เมอัสซ่า เป็นอย่างดี และเขาเป็นหนึ่งในนักเตะไม่กี่คนที่ลงเล่นให้กับทั้ง 2 ทีมในเมืองมิลาน และยังเป็นที่รักของแฟนบอลทั้ง 2 ฝั่ง

 

อย่างไรก็ตาม เขาโดดเด่นมากที่สุดในสมัยที่เล่นให้ อินเตอร์ มิลาน ไม่ว่าจะเป็นจะเป็นลีลาการลากเลื้อย, การยิงประตูที่เฉียมคม รวมไปถึงเป็นคนแรกๆที่ยิงฟรีคิกด้วยเทคนิคลูกส่ายด้วย

 

นอกจากนี้ เมอัสซ่า ยังเป็นดาวซัลโวสูงสุดของ เนรัซซูรี่ ด้วยการซัดไปถึง 284 ประตู และได้รับการยกย่องจากสโมสรให้นำชื่อของเขามาใช้เป็นชื่อเรียกอย่างเป็นทางการของรังเหย้า หรือที่หลายคนเรียกจนชินปากว่า ซาน ซีโร่

 

อีกทั้ง กองหน้าตำนานงูใหญ่ ยังกระหน่ำประตูมากมายในดาร์บี้ประจำเมืองมิลานด้วยเช่นกัน โดยทำไปถึง 13 ประตู โดย 12 ลูก เกิดขึ้นในสีเสื้ออินเตอร์ ขณะที่อีกลูกเกิดขึ้นในช่วงที่เขาย้ายมาเล่นกับ รอสโซเนรี่ ในระหว่างปี 1940-1942 

 

 

1.อังเดร เชฟเชนโก้ | 14 ประตู

 

 

ตำนานหัวหอกทีมชาติยูเครน ถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ เอซี มิลาน กลายเป็นสโมสรเบอร์ต้นของโลกในช่วงต้นศตวรรษที่ 21 และเป็นทีมที่เขาประสบความสำเร็จมากที่สุดในฐานะนักเตะด้วย

 

เชว่า คว้าแชมป์มาแล้วทุกรายการที่เล่นกับ ปีศาาจแดงดำ ทั้ง เซเรียอา ปี 2004, โคปปา อิตาเลีย ปี 2003, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2003 หรือ ยูฟ่า ซุปเปอร์ คัพ ปี 2003 รวมถึงรางวัลส่วนตัวอย่าง บัลลงดอร์ในปี 2004 ด้วย

 

นอกจากนี้ เขายังเป็นนักเตะตัวแสบในสายตาแฟนเนรัซซูรี่เป็นประจำ เนื่องจาก เชฟเชนโก้ ยิงใส่ อินเตอร์ มิลานไปถึง 14 ประตูในทุกรายการที่พบกัน ทำให้เขากลายเป็นดาวยิงสูงสุดประจำศึกมิลานดาร์บี้ ตลอดกาล

 

และแฟนบอลรอสโซเนรี่คงไม่มีทางลืมประตูที่ เชฟเชนโก้ ยิงใส่ทีมอริร่วมเมืองในเกมรอบตัดเชือกของ แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาล 2002-03 อย่างแน่นอน