อูไน เอเมอรี่ ถูกคาดหวังว่าจะเข้ามาสร้างและเปลี่ยนแปลงอาร์เซน่อลไปในทิศทางที่ดีขึ้น หลังแทนที่ อาร์เซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมคนก่อนประกาศลาจากตำแหน่งเมื่อซัมเมอร์ที่ปีก่อน
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้คือแฟนปืนใหญ่ได้วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเวนเกอร์อย่างหนักหน่วงในช่วง 2-3 ปีสุดท้ายในถิ่นเอมิเรสต์ สเตเดี้ยม เนื่องจากทำผลงานได้ย่ำแย่แบบหมดลุ้นแชมป์ตั้งแต่ไก่โห่ จนทำให้กุนซือชาวฝรั่งเศสยอมลาออกหลังจบฤดูกาล 2017-18
ทว่าหลายๆอย่างในสโมสรก็ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้น ทั้งในเรื่องผลงานและความสำเร็จ ซ้ำร้ายในฤดูกาลปัจจุบัน กุนซือชาวสแปนิชก็ออกสตาร์ทได้ไม่สวยนักเท่าไหร่
และในเกมล่าสุด เอเมอรี่่ก็ฉลอง 50 นัดแรกในพรีเมียร์ลีกไปแบบกร่อยๆ หลังบุกไปพ่ายเลสเตอร์ ซิตี้ 2-0 ตามหลังแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับ 4 ถึง 8 แต้ม
ทาง UFA ARENA จึงลองนำผลงาน 50 นัดแรกในลีกอังกฤษของ เอเมอรี่ มาเปรียบเทียบกับ 50 นัดสุดท้ายของเวนเกอร์ โดยวัดจากสถิติที่ อ็อปต้า ได้บันทึกไว้ว่าจะมีความแตกต่างดีหรือแย่ในจุดไหนบ้างผ่านบทความชิ้นนี้กัน
ผลลัพธ์ไม่เป็นใจ
ณ ช่วงเวลาของเวนเกอร์กับ 50 นัดสุดท้าย อาร์เซน่อลคว้าชัยได้ 27 นัด, แพ้ไปอีก 16 และเสมอไป 7 รวมแล้วพวกเขาสามารถเก็บได้ 88 แต้ม จากโอกาสทำได้สูงสุด 150 แต้ม
แต่เมื่อเปลี่ยนมาอยู่ในการดูแลของเอเมอรี่ คงต้องบอกว่าแย่ลงกว่าเดิมด้วยซ้ำ แม้จะไม่มากแบบชัดเจน เพราะใน 50 เกมในพรีเมียร์ลีก เขาพาทีมชนะไป 25 แพ้ไป 13 และเสมออีก 12 รวมแล้วทำได้ 87 คะแนน นอกกว่ากุนซือชาวแฟรนช์แมนแค่ 1 แต้ม
แฟนปืนใหญ่บางคนอาจจะมองเรื่องนี้ในแง่ดีก็ได้ เพราะอย่างไรก็ห่างแค่แต้มเดียวเท่านั้น แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่าที่แย่มันไม่ได้มีแต่คะแนนและผลสกอร์หลัง 90 นาทีซะทีเดียว
เกมรับที่หละหลวม(กว่าเดิม)
ทันทีที่เข้ามาคุมทีมในปีแรก เอเมอรี่ต้องเจองานช้างในการแก้ไขแนวรับของทีมที่ดูเปราะบาง ซึ่งกุนซือวัย 48 ปี ก็ออกมาพูดในภายหลังว่าทีมชุดนี้ที่รับช่วงต่อจาก เวนเกอร์ ขาดโครงสร้างในเกมรับแบบเป็นระบบจริงๆ
และสถิติก็เป็นตัวยืนยันชัดเจนในจุดนี้ เพราะ 50 เกมสุดท้ายของกุนซือเลือดน้ำหอมในอาร์เซน่อลนั่นเสียประตูไปถึง 64 ลูก หรือคิดเฉลี่ยเป็น 1.28 ลูกต่อนัด
อย่างไรก็ตาม เกมรับของกันเนอร์สกลับดูแย่ยิ่งกว่าในยุคของ เอเมอรี่ เมื่อทีมเสียประตูมากกว่า 68 ลูก จาก 50 นัดในลีก และคิดเฉลี่ยเป็น 1.36 ประตูต่อนัด
ทีมของเวนเกอร์โดนล่อเป้าไป 576 ครั้ง (11.5 ครั้งต่อเกม) ในช่วง 50 เกมนั้น และยิงตรงกรอบ 210 ครั้ง ขณะที่ทีมชุดปัจจุบันโดนไปมากกกว่า 696 ครั้ง (13.9 ครั้งต่อเกม) แบ่งเป็นลูกยิงตรงกรอบอีก 252 ครั้ง
อาร์เซน่อลเก็บคลีนชีทได้ 18 นัดภายใต้การคุมทีมของกุนซือคนเก่า ซึ่งไม่ใช่จำนวนที่มากมายเท่าไหร่ แต่ทีมในตอนนี้กลับทำได้แค่ 10 นัดจาก 50 เกมหลังสุดของเอเมอรี่
เชื่อว่านักเตะอย่าง ชโคดราน มุสตาฟี่ หรือ กรานิต ชาก้า น่าจะมีเอี่ยวในเรื่องนี้ไม่มากก็น้อยล่ะ
โอกาสยิงน้อย ประตูก็หด
เมื่อเอเมอรี่ได้เข้ามาแทนที่ เขาพ้นประโยคเด็ดออกมาว่า “ผมต้องการชนะ 5-4 มากกว่าชนะแค่ 1-0 ทำไม่น่ะหรอ? เพราะผมคิดว่าฟุตบอลแบบนั้นดูน่าประทับใจ และฟอร์มที่ดีที่สุดคือตอนที่คุณทำประตูได้”
ไม่แปลกที่คำพูดเหล่านั้นจะทำให้เหล่า กูนเนอร์ส ทั่วโลกต่างเนื้อเต้นกันยกใหญ่ว่าพวกเขาจะกลับมาเห็นฟุตบอลที่มีชีวิตชีวาในเอมิเรสต์ สเตเดี้ยมอีกครั้ง แต่ความจริงแล้วนั่นดูเป็นเหมือนสัญญาปากเปล่ามากกว่า และห่างไกลจากคำที่เคยพูดไปไกลเลย
แม้ในตอนนี้ เขาจะมีตัวรุกที่รวดเร็วและอันตรายอย่าง ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง, อเลซ็องดร์ ลากาแซ็ตต์ และ นิโคลาส์ เปเป้ อยู่ในทีม เกมบุกของปืนใหญ่ก็ไม่ได้ดุดันและยังมีสถิติที่ไม่ค่อยสู้ดีนักภายใต้ฝีมือทำทีมของเอเมอรี่
ใน 50 เกมสุดท้ายของเวนเกอร์ แข้งปืนโตซัดไปถึง 96 ลูก (1.92 ลูกต่อนัด), มีโอกาสอีก 764 ครั้ง (15.28 ครั้งต่อเกม) และ ยิงตรงกรอบกว่า 299 ครั้ง (5.98 ครั้งต่อเกม)
ขณะเดียวกัน ทีมของเอเมอรี่ ยิงไป 89 ประตู (1.78 ลูกต่อเกม) น้อยกว่าเวนเกอร์ถึง 7 ประตู จากโอกาสทั้งหมด 617 ครั้ง (12.34 ครั้งต่อนัด) และ 223 ครั้งกับการยิงตรงกรอบ (4.46 ครั้งต่อเกม)
มากไปกว่านั้น ทีมของอดีตกุนซือโมนาโกยังสร้างสรรค์โอกาสได้มากกว่า โดยทำไปถึง 582 ครั้ง (11 ครั้งต่อเกม) ผิดกับตอนนี้ที่ทำได้เพียง 479 ครั้ง (9.58 ครั้งต่อเกม) ใน 50 เกม ซึ่งห่างจากกุนซือคนก่อนถึง 103 ครั้ง
การครองบอลที่ค่อยๆถูกละเลย
อาร์เซน่อลในยุคเวนเกอร์เป็นทีมที่เน้นการครองบอลเป็นหลักและอาศัยการเข้าทำที่สวยงามลื่นไหล ซึ่งเอเมอรี่ก็ใช้สไตล์นี้เป็นหลักกับทีมที่เขาเคยคุม ไม่ว่าจะเป็น เซบีย่า ที่ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ยูโรป้า ลีก 3 ปีติด หรือ ปารีส แซงต์ แชรก์แมงในฝรั่งเศส
เพียงแต่ว่ากุนซือวัย 48 ปีไม่ได้เน้นจุดนี้เท่ากับผู้จัดการทีมปืนใหญ่คนก่อนจนสถิติค่อยๆลดลงเท่านั้นเอง
ในปีสุดท้ายของเวนเกอร์กับสโมสร กันเนอร์สมีการครอบบอลเฉลี่ยอยู่ที่ 61.4 เปอร์เซนต์ต่อเกม แต่ใน 50 นัดแรกของเอเมอรี่ในพรีเมียร์ลีก การครองบอลตกมาอยู่ที่ 57.76 เปอร์เซนต์ต่อเกม
หลายๆอย่างชัดเจนว่า เอเมอรี่ทำผลงานได้แย่กว่าช่วงท้ายๆที่เวนเกอร์คุมทีม ทั้งๆที่นั่นเป็นช่วงเวลาที่เขาทำทีมได้แย่ที่สุดในตลอด 22 ปีกับอาร์เซน่อล ไม่ว่าจะเป็นผลหลังเกม,การครอบบอลที่น้อยลง, เกมรับที่ดูยังไงก็ไม่น่าไว้ใจ และเกมบุกกับการยิงประตูที่หวังผลได้ไม่เต็มร้อย
แม้จะมีข่าวว่าเขาอาจจะถูกปลดในเร็วๆนี้ แต่จากรายงานล่าสุดของสื่อดังๆในต่างประเทศได้เผยว่าบอร์ดของสโมสรยังคงหนุนหลังและไว้ใจให้ กุนซือชาวสแปนิชทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป
แต่หากดูกระแสในโลกออนไลน์แล้ว ยังไงแฟนอาร์เซน่อลส่วนใหญ่ก็มองไม่เห็นอนาคตในทิศทางบวกของทีมเลย หากยังปล่อยให้เอเมอรี่เป็นกุนซือต่อไป
และบางทีเหล่ากูนเนอร์สทั่วทั้งโลกอาจจะหมดความอดทนกับ เอเมอรี่ เต็มกลืนแล้วก็เป็นได้
