ดีลวัดดวง : 10 แข้งค่าตัวแพงที่ยังไม่เคยติดทีมชาติ

 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำการคว้าตัว อารอน วาน-บิสซาก้า แบ็คดาวรุ่งจากคริสตัล พาเลซมาด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์ มาร่วมทีม ซึ่งถือเป็นการเสริมทัพรายที่ 2 ของปีศาจแดงในซัมเมอร์นี้

 

นี่ถือเป็นราคาที่แพงมากๆ เมื่อเทียบกับอายุของวาน-บิสซาก้า ที่อายุเพียง 21 ปีเท่านั้น และที่สำคัญ เขายังไม่มีโอกาสลงเล่นในทีมชาติอังกฤษแม้แต่นัดเดียว ทำให้ดีลนี้มีความเสี่ยงไม่น้อยว่าจะมีผลลัพธ์ออกมาในทิศทางไหน  ถ้านักเตะคนนั้นทำผลงานได้ดีก็แฮปปี้กันทั้ง 2 ฝ่าย แต่ถ้าฟอร์มแย่หรือเล่นได้ต่ำกว่าความคาดหวังก็คงถูกแฟนบอลรุมแซะรุมแขวะไปอีกนาน

 

และนี่คือ 10 นักเตะค่าตัวสุดแพง ทั้งๆที่ยังไม่เคยเล่นให้ทีมชาติบ้านเกิดตัวเองแม้แต่นัดเดียว  

 

 

อิสซ่า ดิย็อป, 22 ล้านปอนด์ (ตูลูส ไป เวสต์แฮม)

 

 

เมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว เวสต์แฮมได้ใช้เงินเสริมทัพไปกว่า 99 ล้านปอนด์ ภายใต้การคุมทีมของ มานูเอล เปเยกรินี่ กุนซือใหม่ชาวชิลี และแข้งที่แพงที่สุดที่ขุนค้อนซื้อมาเป็นอันดับ 2 ก็คือ อิสซ่า ดิย็อป 22 ล้านปอนด์ ซึ่งแตกต่างจากแข้งอันดับหนึ่งราคา 36 ล้านปอนด์ อย่าง ฟิลิปเป้ แอนเดอร์สัน พอสมควร เนื่องจากตัวดิย็อปไม่เคยติดทีมชาติฝรั่งเศสแม้แต่นัดเดียว

 

กองหลังวัย 22 ปี ถือว่ามีฟอร์มการเล่นที่ดูดีใช้ได้ แต่ทว่าก็ยังไม่ได้ดีไปกว่าปราการคนอื่นๆในทัพเลอ เบลอส์ ไม่ว่าจะเป็น ราฟาเอล วาราน, เคลม็องต์ ลองช์เล่ต์, เคิร์ท ซูม่า, ดาโย่ต์ อูปาเมกาโน่ และ ซามูเอล อุมติตี้  แม้ดิอ็อปอาจจะเล่นมาทีมแล้วทุกชุดตั้งแต่ รุ่น U-16 เป็นต้นมา แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้โอกาสในทีมชาติชุดใหญ่ซักที

 

 

เตโอ เอร์นานเดซ, 22.8 ล้านปอนด์ (แอตฯมาดริด ไป เรอัล มาดริด)

 

 

เอร์นานเดซตัดสินย้ายไปอยู่ทีมอริร่วมเมืองในปี 2017 โดยย้ายจากแอตเลติโก้ มาดริด ไปอยู่กับเรอัล มาดริด โดยที่ยังไม่เคยเล่นให้ตราหมี แม้แต่นัดเดียว แบ็คซ้ายแดนน้ำหอมลงเล่นให้ซีเนดีน ซีดาน ไป 23 นัดในฤดูกาล 2017-18 ก่อนจะถูกปล่อยให้ เรอัล โซเซียดัด ยืมตัวในฤดูกาล 2018-19

 

แข้งวัย 21 ปีได้ลงเล่นแต่ทีมชาติฝรั่งเศสชุดเล็กทั้ง U-18, U-19, U-20 แต่ก็ยังไม่เคยลงเล่นร่วมกับ ลูคัส พี่ชายของเขาซักที แถมยังต้องไปแย่งตำแหน่งแบ็คซ้ายเบอร์หนึ่งของตราไก่ กับ เบนจามิน และ แฟร์กล็องด์ เมนดี้ บวกด้วย ลูคัส ดีญ อีกต่างหาก โชคดีนะเตโอ

 

 

อับดู เดียลโล่, 24.8 ล้านปอนด์ (ไมนซ์ ไป ดอร์ทมุนด์)

 

 

หลังจากที่ประสบความสำเร็จในปีแรกที่เยอรมัน กับไมนซ์ ฤดูกาล 2017-18 ทำให้ เดียลโล่ ได้ย้ายไปร่วมทีมที่ใหญ่กว่าอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยค่าตัว 24.8 ล้านปอนด์ เพื่อมาเป็นตัวแทนของ โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส ที่ย้ายไปอาร์เซน่อล นอกจากนี้กองหลังชาวฝรั่งเศสยังเป็นนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดเป็นอันดับสองของเสือเหลืองด้วย เป็นรองแค่ อังเดร ชูร์เล่ เท่านั้น

 

อนาคตในทัพเลอ เบลอส์ ดูสดใสไม่น้อย เมื่อเดียลโล่เป็นกัปตันทีมฝรั่งเศสชุด U-21 และเคยเล่นในชุดก่อนหน้านี้ด้วย แต่ถึงแข้งวัย 23 ปี จะไม่มีโอกาสเล่นชุดใหญ่ในเร็วๆนี้ เขาก็สามารถย้ายไปเล่นให้ทีมชาติเซเนกัลได้ เนื่องจากมีพ่อเป็นชาวเซเนกัลนั่นเอง

   

 

แอนโทนี่ โมเดสเต้, 31.1 ล้านปอนด์ (โคโลญจน์ ไป เทียนจิน ฉวนเจียน)

 

 

โมเดสเต้มีข่าวกับหลายสโมสรในพรีเมียร์ลีก หลังจากที่ซัดในบุนเดสลีก้า 25 ประตูให้กับโคโลญจน์ในฤดูกาล 2016-17 แต่ทว่าไม่มีทีมจากแดนผู้ดีทีมไหนสู้มอบค่าเหนื่อยเท่ากับ เทียนจิน ฉวนเจียนเลย ซึ่งตอนแรกทีมลีกจีนทำสัญญาแค่ยืมตัวเท่านั้น แต่ต่อมาก็ซื้อขาดด้วยค่าตัว 31.1 ล้านปอนด์ ในช่วงจบฤดูกาล ไชนีส ซุปเปอร์ ลีก 2017 

 

อย่างไรก็ตาม กองหน้าชาวฝรั่งเศสไม่ยอมกลับมาซ้อมกับต้นสังกัดในเดือนสิงหาคมปี 2018 ก่อนจะย้ายกลับทีมแพะบ้าเป็นรอบที่ 2 พร้อมกับฟ้องสโมสรแดนมังกรกลับที่ยกเลิกสัญญาเขา แต่เทียนจิน ก็ไม่ยอมน้อยหน้าฟ้องแข้งวัย 31 ปีกลับเหมือนกัน 

 

 

มัลค่อม, 36.5 ล้านปอนด์ (บอร์กโดช์ ไป บาร์เซโลน่า)

 

 

มัลค่อมใกล้จะได้ย้ายไปร่วมทีมโรม่าเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา สร้างความตื่นเต้นให้สาวกจัลโล่รอสซี่เป็นอย่างมาก ถึงขนาดมารอต้อนรับที่สนามบินในอิตาลีเลย แต่ทว่าดีลนี้ก็ถูกบาร์เซโลน่าปาดหน้าคว้าตัวแข้งบราซิลเลี่ยนไปร่วมทีมในนาทีสุดท้าย โดยควักเงิน 36.5 ล้านปอนด์ฟาดใส่บอร์กโดช์ แน่นอนว่าเรื่องนี้ทำให้ มอนชี่ ผู้อำนวยการฟุตบอลของทีมหมาป่า หัวเสียไม่น้อยและขู่ว่าจะฟ้องร้องด้วย

 

น่าเสียดายที่ ปีกวัย 22 ปี ไม่สามารถทำผลงานได้อย่างที่หวังไว้กับปีแรกในสเปน โดยได้ลงเล่นแค่ 6 นัดในลีกเท่านั้น และอาจจะอยู่ในถิ่นคัมป์ นู แค่ปีเดียวเท่านั้น หลังมีข่าวว่าเขาอาจตกอยู่ในดีลเพื่อดึงตัวเนย์มาร์กลับมาอยู่ในทีมแคว้นกาตาลุนย่าอีกครั้ง

 

 

อเล็กซ์ เตเซร่า, 38.5 ล้านปอนด์ (ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค ไป เจี่ยงซู ซูหนิง)

 

 

แม้จะมีข่าวอย่างหนักกับลิเวอร์พูล แต่เตเซร่ากลับเลือกย้ายจาก ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค ไปอยู่กับเจี่ยงซู ซูหนิง ในเดือนมกราคมปี 2016 ด้วยค่าตัว 38.5 ล้านปอนด์ แต่ทว่าการย้ายทีมครั้งนั้นทำให้เขาหมดโอกาสติดทีมชาติบราซิลนัดแรกไปโดยปริยาย

 

อย่างไรก็ตาม การค้าแข้งในแดนมังกรไม่ได้ทำให้ เปาลินโญ่ และ เรนาโต้ ออกุสโต้ หมดโอกาสลงเล่นให้ทัพเซเลเซาเหมือนกับ เตเซร่า เนื่องจากทั้งคู่เคยสร้างชื่อกับสโมสรดังในยุโรปจนได้เล่นในทีมชาติบราซิลชุดใหญ่มาแล้วก่อนจะย้ายไปเล่นในเอเชีย

 

 

วินิซิอุส จูเนียร์, 38.7 ล้านปอนด์ (ฟลาเมงโก้ ไป เรอัล มาดริด)

 

 

วินิซิอุสในวัยเพียง 18 ปี ถูก เรอัล มาดริด คว้าตัวไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 38.7 ล้านปอนด์ ซึ่ง ณ ตอนนั้นแข้งดาวรุ่งฟลาเมงโก้ยังไม่เคยเล่นให้บราซิล U-20 ด้วยซ้ำ แม้ว่าเขาจะเคยพาทีมเซเลเซาชุดเล็กคว้าแชมป์ทวีป U-15 ในปี 2015 และ U-17 ในปี 2017 

 

วินิซิอุสทำผลงานได้น่าประทับใจพอตัวเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา พร้อมกับประสบการณ์สุดล้ำค่าในทัพ โลส บลังโกส แต่ในฤดูกาลต่อไปน่าจะลำบากกว่าเดิมแน่นอน เพราะว่าตอนนี้มีเอเด็น อาซาร์ เป็นคู่แข่งคนสำคัญรอชิงตัวตำแหน่งตัวจริงประจำทีมอยู่

  

 

โรดริโก้, 40 ล้านปอนด์ (ซานโตส ไป เรอัล มาดริด)

 

 

เรอัล มาดริด ตกลงคว้าตัว โรดริโก้ กองหน้าดาวโรจน์จากซานโตส ในปี 2018 ปาดหน้า บาร์เซโลน่า, ลิเวอร์พูล และ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ซึ่งแฟนบอลจะได้เห็นฝีเท้าของเขาในฤดูกาลที่จะถึงนี้ 

 

แข้งวัย 18 ปี ได้เซ็นสัญญามี ไนกี้ ค่ายกีฬายักษ์ใหญ่เป็นสปอนเซอร์ให้ตั้งแต่อายุ 11 ปี ซึ่งเมื่อตอนเดือนที่ผ่านมาเพิ่งมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในสนามซานติอาโก้ เบอร์นาเบว แต่ดูๆทรงแล้ว โรดริโก้น่าจะมีโอกาสลงเล่นกับทีมกาสติย่า มากกว่าทีมชุดใหญ่ในฤดูกาล 2019-20

 

 

อารอน วาน-บิสซาก้า, 50 ล้านปอนด์ (คริสตัล พาเลซ ไป แมนฯยูไนเต็ด)

 

 

ลูกหม้อทีมปราสาทเรือนแก้วกลายเป็นที่จับตามองอย่างมากในฤดูกาลที่ผ่านมา หลังโชว์ฟอร์มเด่นได้เกินวัย จนคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของสโมสรไปครองด้วยวัยเพียง 21 ปีเท่านั้น ไม่แปลกที่ อารอน วาน-บิสซาก้า จะตกเป็นเป้าหมายของยักษ์ใหญ่ในแดนผู้ดี

 

ล่าสุดหลังจากมีข่าวอยู่นาน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่าจะเป็นฝ่ายที่คว้าตัวแบ็คซ้ายเชื้อสายคองโกไปร่วมทีมอย่างแน่นอนแล้ว หลังมีภาพหลุดว่าสวมเสื้อปีศาจแดงและเซ็นสัญญากัน โดยที่สื่อคาดว่าน่าจะมีค่าตัวราวๆ 50 ล้านปอนด์ เหลือเพียงแค่ตรวจร่างกายเท่านั้น 

 

 

เอเมอริค ลาปอร์ต, 57.2 ล้านปอนด์ (แอธฯบิลเบา ไป แมนฯซิตี้)

 

 

ริยาร์ด มาร์เรซ ทำสถิติเป็นแข้งค่าตัวแพงที่สุดของเรือใบสีฟ้า หลังย้ายมาจากเลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว แต่ก่อนหน้านี้ในเดือนมกราคมปี 2018 เอเมอริค ลาปอร์ต คือเจ้าของสถิติคนก่อน แต่เมื่อเทียบกันแล้ว ดาวเตะแอลจีเรียเล่นให้ทีมชาติมาแล้ว 47 นัด ขณะที่กองหลังชาวฝรั่งเศสไม่เคยติดทีมชาติฝรั่งเศสซักนัดเดียว

 

 ปราการหลังวัย 25 ปีสามารถเลือกเล่นได้ทั้งทีมชาติฝรั่งเศสและสเปน แต่เขาเลือกเล่นให้ทีมตราไก่ชุด U17, U18, U19 และ U21 มาหมดแล้ว แต่น่าเสียดายที่วัยขนาดนี้แล้ว ลาปอร์ตก็ยังไม่มีโอกาสเล่นในชุดใหญ่ ทั้งๆที่ความสามารถของเขาก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กองหลังคนอื่นๆเลยแม้แต่น้อย