“ตราหมี” ดร็อปลงจริงหรือ ?

การเสียกระดูกสันหลังของทีมไปทีเดียว 3 คนรวด ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดที่บรรดูกูรูจะฟันธงว่า แอตเลติโก มาดริด ฤดูกาลนี้ไม่ใช่ทีมลุ้นแชมป์ลา ลีกา สเปน

 

เพราะเมื่อเทียบดูกับอีก 2 เต็งทั้ง เรอัล มาดริด ที่เสริมกระจายได้ เอแด็น อาซาร์ มาเป็นหัวหอกทะลวงฟัน ขณะที่ บาร์เซโลน่า ก็มาแบบเน้นๆ ทั้ง แฟรงกี้ เดอ ยอง และ อองตวน กรีซมันน์

 

ทุกอย่างจึงเป็นไปตามเนื้อ จากเดิมที่เป็นเต็ง 3 ที่พอถูไถเบียดลุ้นได้ในบางปี ทว่าฤดูกาลนี้กลับถูกมองข้ามแบบไม่ใยดี

 

แต่เอาเข้าจริง “ลอส จิบลังกอส” กลายเป็นเพียงทีม “ไม้ประดับ” จริงหรือ ?

 

แผลการจากไปของ ดิเอโก้ โกดิน, โรดรี้ เอร์นานเดซ และ กรีซมันน์ มันใหญ่จนไม่มีทางสมานหายได้จริงหรือ ?

 

ส่วนตัวผู้เขียนยังเชื่อมั่นว่าทีม “ตราหมี” ยังเป็นทีมคุณภาพที่ไม่ควรถูกมองข้าม โดยมีเหตุผล 4 ข้อที่แฟนบอล บาร์ซ่า และ “ราชันชุดขาว” น่าจะเห็นด้วยอย่างแน่นอน

1.กุนซือที่ชื่อ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่

 

ตราบใดที่ แอตเลติโก มาดริด ยังคงมีกุนซือที่ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ พวกเขาก็ยังเป็นทีมที่น่าเกรงขามอยู่เสมอ เพราะเรื่องของฝีมือการคุมทีมเป็นที่ประจักษ์อย่างชัดเจน

 

กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ เข้ามาคุมทีม “ตราหมี” ในช่วงปลายปี 2011 ก่อนพาทีมประสบความสำเร็จอย่างมากมาย แชมป์ลา ลีกา, แชมป์ โคปา เดล เรย์ แชมป์ ซูเปอร์ โคปา อย่างละสมัย

 

ส่วนเวทียุโรปก็มีดีกรีเป็นแชมป์ ยูโรป้าลีก และ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ อีกอย่างละ 2 สมัย เท่านั้นไม่พอยังทะลุเข้าชิงถ้วยหูยักษ์อย่าง แชมเปี้ยนส์ลีก มาแล้วถึง 2 หน แม้จะเป็นเพียง “พระรอง” ทั้ง 2 ครั้งก็ตาม

 

ที่สำคัญ “เอล โชโล่” ยังเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่ได้การยอมรับที่สุดคนหนึ่ง เขาเคยเสีย ราดาเมล ฟัลเกา เคยเสีย ดาบิด บีญ่า เคยเสีย ดิเอโก้ คอสต้า แต่สุดท้ายทีมก็ยังแข็งแกร่งมาจนถึงทุกวันนี้

2.เกมรับดีที่ระบบ

 

จุดเด่นของ “ลอส โรจิบลังกอส” ในยุคของ ซิเมโอเน่ อยู่ที่เกมรับที่ขึ้นชือลือชาว่าเหนียวแน่นราวกับล็อกผลการแข่งขันได้ พูดง่ายๆ ก็คล้ายๆ กับ “คาเตนัชโช่” ของทีมชาติอิตาลี ทำนองนั้นเลย

 

จริงอยู่ว่า ดิเอโก้ โกดิน คือเสาหลักของทีมมาตลอดเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา แต่เอาจริงๆ ที่มันเหนียวแน่นน่าจะเป็นเรื่องของระบบ และการปลูกฝังความเข้าใจเกมจากตัวกุนซือมากกว่า

 

เราเคยเห็น แอต.มาดริด เสียตัวหลักอย่าง ติโบต์ กูร์กตัวส์ แต่ทีมก็ได้ แยน โอบลัค มาเฝ้าเสาแทน แทบสถิติดีกว่านายทวารชาวเบลเยี่ยมด้วยซ้ำ

 

เราเคยเห็น “ตราหมี” ปล่อยตัวหลักอย่าง มิรานด้า รวมถึง เฟลิเป้ หลุยส์ ในช่วงพีกๆ ทีมก็ไปปั้น โฮเซ่ กิเมเนซ และ ลูก้าส์ แอร์กนองเดซ เข้ามาแทนได้แบบไม่เคอะเขิน

 

การเปลี่ยนแปลงเป็นวัฎจักรที่อยู่คู่กับเกมลูกหนังมาอย่างช้านาน เก่งแค่ไหนก็ต้องโรยไปตามวันและเวลา การบ้านหนนี้อาจจะยากหน่อย แต่เชื่อเถอะกุนซือวัย 49 ปี “เอาอยู่”

3.โครงหลักแดนกลางอยู่ครบ

 

จริงอยู่ที่ โรดรี้ เอร์นานเดซ จะเป็นกองกลางที่โดดเด่นที่สุดของ แอตเลติโก มาดริด ในฤดูกาลที่ผ่านมา แต่เอาจริงๆ เจ้าตัวก็เพิ่งย้ายมาอยู่กับทีมเป็นปีแรก

 

ที่ทำผลงานได้เด่นนอกจากฝีเท้าที่ดีแล้ว อีกปัจจัยที่เป็นตัวเกื้อหนุนก็คือ “ลอส จิบลังกอส” มีโครงสร้างแผงมิดฟิลด์ที่ดีอยู่แล้วด้วย

 

ตัวหลักๆ อย่าง ซาอูล ญี่เกซ, โกเก้ รวมถึง โธมัส ปาร์เตย์ ยังคงรักษามาตรฐานของตัวเองได้ดี เล่นบอลได้ตามแผนที่ ซิเมโอเน่ ต้องการ

 

การเสีย โรดรี้ ที่เป็นกองกลางที่ลงสนามมากที่สุดไปย่อมมีผลกระทบกับทีมแน่ แต่ในเมื่อตัวหลักอื่นๆ ที่อยู่กับทีมมานานยังอยู่ มันก็ไม่น่ายากเกินไปที่จะซ่อมแซมเพียงจุดเดียว

 

ตัวใหม่ๆ ที่คว้าตัวทั้ง มาร์กอส ญอเรนเต้ และ เฮคตอร์ เอร์เรร่า ก็เป็นมิดฟิลด์ที่มีดีกรี มีชื่อเสียงในระดับที่น่าจะฝากผีฝากไข้ได้ หากจูนกันกับแก๊งเดิมได้ไว เชื่อว่าน่าจะพากันเล่นดีจนแฟนบอลอาจจะลืมชื่อของ โรดรี้ ไปได้เลย

4.มีตัวแทน “กรีซมันน์”

 

การเสีย กรีซมันน์ ยังไงก็เป็นเรื่องใหญ่สำหรับทีม “ตราหมี” แน่ๆ เพราะตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับทีมในปี 2014 เจ้าตัวก็สถาปนาตัวเองเป็นหัวหอกเบอร์ 1 ของทีมมาโดยตลอด

 

5 ฤดูกาลในถิ่น ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน ยิงไป 94 ประตูในลา ลีกา สเปน ย่อมเป็นสถิติที่เป็นบรรทัดฐานที่ใช่ว่าจะหาใครมาแทนที่ได้ง่ายๆ

 

ทว่า แอต.มาดริด ก็ไม่ได้นิ่งเฉย การทุ่มเงินคว้าตัว เจา เฟลิกซ์ ดาวโรจน์จากโปรตุกีส วัยเพียง 19 ปีเข้ามา หากไม่มั่นใจจริงว่าจะแทนได้ มันคือการ “ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ” แน่หากเจ้าตัวล้มเหลว

 

แม้จะเยาว์วัย แต่สถิติดูแล้วมีแววที่จะเป็นสตาร์ได้ ไหนจะมีตัวซัพพอร์ตเป็น อัลบาโร่ โมราต้า ที่อาจจะลูกผีลูกคน แต่ดีกรีทีมชาติสเปน ก็น่าจะผลิตสกอร์ได้ไม่ต่ำกว่า 10 ประตูต่อฤดูกาล

 

อันนี้ยังไม่รวม ดิเอโก้ คอสต้า ที่เรื่องฝีเท้าไม่อยู่ในคำถามอยู่แล้ว ทว่าอนาคตของเจ้าตัว “หวย” จะไปออกมุมไหน ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ แต่ถ้าอยู่ต่อเชื่อว่าจะช่วย “ตราหมี” ได้ไม่น้อยเช่นกัน