Arena Talk : คุยกับ “ตะวัน โคตรสุโพธิ์” เด็กไทยผู้ไปล่าฝันในเจลีก
แม้จะไม่มีใครคาดคิดมาก่อน แต่ความเป็นจริงแล้วเราคงต้องยอมรับว่าการแพร่กระจายของเชื้อโคโรน่าไวรัส หรือ “โควิด-19” นั้นส่งผลกระทบกับวงการลูกหนังอย่างใหญ่หลวง
อย่างฟุตบอลยุโรปตามที่ข่าวรายงานลีกใหญ่ๆ อย่าง ฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์ และ เบลเยี่ยม ต้องเลือกตัดจบ แม้จะมีบางลีกที่ดันทุรังพยายามจะกลับมาแข่งขันต่อให้จบก็ตาม
อย่างในทวีปเอเชียของเราตอนนี้แทบทุกลีกก็หยุดชะงักชั่วคราว แต่ด้วยสถานการณ์ที่เริ่มจะเบาบางลง หลายๆ ประเทศก็ทยอยคลายล็อกให้หลายๆ สโมสรกลับมาฝึกซ้อมกันอีกครั้ง
วันนี้ทีมงาน ยูฟ่าอารีน่า มีโอกาสดีได้โทรทางไกลพูดคุยกับหนึ่งเด็กหนุ่มที่กำลังทำตามความฝันของตัวเอง ด้วยการไปค้าแข้งอยู่ในแดนปลาดิบ นั้นคือก็ ตะวัน โคตรสุโพธิ์
ที่จะมาอัพเดตหลายๆ เรื่องราวของเขานับตั้งแต่ถูก เซเรโซ่ โอซาก้า ยืมตัวจาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ไปฝึกปรือวิชาลูกหนังในลีกมาตรฐานสูงเป็นปีที่สองติดต่อกัน
Q : อัพเดตสถานการณ์โควิด-19 ที่ญี่ปุ่น ให้ฟังหน่อย เขาอยู่ระดับไหน แล้วตอนนี้เป็นอย่างไร ?
ตะวัน : ที่ญี่ปุ่น ตอนแรกก็หนักมากๆ ครับ แต่ตอนนี้ก็ค่อยๆ ดีขึ้นในทุกๆ วัน กิจกรรมหลายๆ อย่างเริ่มกลับมาทำได้ ฟุตบอลเองก็ได้ไฟเขียวให้กลับมาซ้อมแล้วเช่นกัน
Q : ช่วงที่บอลแข่งขันไม่ได้ เราทำอะไรบ้าง ?
ตะวัน : ช่วงที่ลีกพักเบรกไป ไม่มีเกมให้แข่งขัน หลักๆ ก็อยู่ที่พัก ส่วนเรื่องการซ้อมก็เหมือนกับทีมในยุโรปเลยครับ เซเรโซ่ เขามีโปรแกรมฝึกซ้อมออนไลน์มาให้ เราก็แบ่งเวลาซ้อมตามตารางที่เขาให้ไว้ในที่พักของตัวเอง ก็มีไลฟ์สดผ่านเฟสบุ๊คมาคุยกับพี่ๆ เพื่อนๆ ที่ไทยอยู่เรื่อยๆ ครับ แก้เหงาได้ดีเลย
Q : ตอนนี้เป็นไงบ้าง เห็นเพิ่งกลับมาซ้อมได้เป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน ?
ตะวัน : ผมเพิ่งกลับมาซ้อมครั้งแรกเมื่อเร็วๆ นี้เอง หลักๆ คงต้องเน้นเรื่องพละกำลัง เช่น การวิ่งหรือฟิตเนสต่างๆ หลีกเลี่ยงการปะทะไปก่อนเพราะร่างกายเราร้างสนามไปนานก็ยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ แต่ผมบอกเลยว่าคิดถึงฟุตบอลมากๆ เลยครับ
Q : พูดถึงผลงานของตัวเองในปีแรกให้ฟังหน่อย ?
ตะวัน : ปีที่แล้วผมได้เล่นไปประมาณ 13 เกม ก็ต้องพูดตามตรงว่ายังไม่พอใจ เพราะมันยังไม่ดีพอ ปีนี้เราได้โอกาสอยู่ต่ออีกปียังไงก็ต้องทำให้ดีกว่าเดิม
Q : อะไรเป็นอุปสรรคของนักเตะไทยในต่างแดนมากที่สุด ?
ตะวัน : ส่วนตัวผมคิดว่าเรื่องหลักเลยคงเป็นสภาพจิตใจกับเรื่องภาษาครับ เวลาซ้อมที่นี่เขาซ้อมหนักมาก เข้มข้น ดุดัน ทุกคนคือพยายามแข่งขันกันสุดฤทธิ์ จิตใจแต่ละคนเขาสู้มากๆ เรามีปัญหาเรื่องภาษากับบางส่วนที่อาจจะไม่เข้าใจบ้าง แต่ก็ต้องเรียนรู้ให้ไว เพื่อไม่ให้เป็นข้อเสียเปรียบคนอื่นๆ เขาครับ
Q : ซีซั่นนี้ พงศ์รวิช จันทวงษ์ ไม่ได้ต่อสัญญา ไม่มีเพื่อนคนไทยแล้วเราอยู่ยังไง รู้สึกยังไงบ้าง ?
ตะวัน : ไม่ใช่แค่ “ทาม” ที่ไม่อยู่ด้วยนะครับ ปีนี้ผมไม่มีล่ามอยู่ด้วยอีกคน ต้องใช้ชีวิตคนเดียวเลย แต่เราอยู่มา 1 ปีแล้วก็พอมีประสบการณ์ รู้ว่าตรงไหนเป็นยังไง เพื่อนญี่ปุ่นในทีมก็พูดคุยกันได้บ้างแล้ว แน่นอนครับว่ามีเหงาบ้าง แต่ก็ต้องสู้กันต่อไป
Q : อยู่ญี่ปุ่น ได้เดินทางไปชมการแข่งขันของพี่ๆ นักเตะไทย อย่าง ชนาธิป หรือ ธีรธร บ้างมั้ย ที่ญี่ปุ่นเขาพูดถึงนักเตะไทยยังไงบ้าง ?
ตะวัน : ถ้าดูในสนามสดๆ เลยก็มีแค่ตอนที่ต้นสังกัดของพี่ๆ เขามาเยือน เซเรโซ่ ที่โอซาก้า ครับ แต่เกมอื่นๆ ก็ตามดูเรื่อยๆ จากถ่ายทอดสด ผลงานของทั้ง “พี่เจ” และ “พี่อุ้ม” เขาทำได้ดีมากๆ ทำให้คนญี่ปุ่นเขายอมรับฝีเท้าของนักเตะไทยมากขึ้นเยอะเลยครับ
Q : เป้าหมายของตัว ตะวัน กับอีก 1 ปีที่ญี่ปุ่น ?
ตะวัน : เป้าหมายของผมในปีนี้คือต้องดีกว่าปีที่แล้วครับ พยามยามซ้อมให้ดีที่สุด ให้เตะตาโค้ชให้เขาเลือกลงสนาม อยากที่จะลงเล่นให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และยิงประตูในเจลีก ให้ได้ พยายามเก็บประสบการณ์ให้เยอะที่สุดเพื่อมาพัฒนาตัวเองต่อไป
Q : อัพเดตข่าวล่าสุดเห็น บีจี ได้ตัว สารัช อยู่เย็น มาร่วมทีม คิดว่าต้นสังกัดจริงของเราดีพอคว้าแชมป์ไทยลีกแล้วหรือยัง ?
ตะวัน : ส่่วนตัวผมมองว่า บีจี แข็งแกร่งมากครับ ปีนี้เราเริ่มต้นได้ดี 4 นัดแรกเราไม่แพ้ใครเลยแถมเสียแค่ประตูเดียวเท่านั้น ผมว่าจริงๆ ชุดนี้ก็ดีพอที่จะลุ้นแชมป์ได้อยู่แล้ว แต่ถ้าได้ “พี่ตังค์” สารัช มาเพิ่มอีกรายก็ยิ่งดีเลยครับ พี่เขาดีกรีทีมชาติไทยช่วยยกระดับทีมได้อีกเยอะเลย