ตัวท็อปทั้งนั้น! 10 แข้งที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีก

 

 

นับเป็นเวลา 28 ปีแล้วที่ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีเปลี่ยนชื่อจากดิวิชั่น 1 เดิมมาเป็นพรีเมียร์ลีก ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าใครที่เป็นแฟนฟุตบอลอังกฤษคงจะผ่านช่วงชีวิตสุขเศร้าเคล้าน้ำตาไปพร้อมกับทีมที่เราชอบหรือตามเชียร์มาแต่เด็กจนกระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่ทั้งที่มีครอบครัวหรือยังโสดเรื่องจริงแต่ซิงนี่ข่าวลือก็ตามที ซึ่งมันก็เป็นวัฒจักรตามวงล้อแห่งกาลเวลา

 

แต่สิ่งหนึ่งที่แฟนบอลทุกคนน่าจะจดจำได้ดีก็คือนักเตะที่โลดแล่นมาตั้งแต่พรีเมียร์ลีกยุคบุกเบิกจนกระทั่งปัจจุบันซึ่งแต่ละสโมสรก็มีผู้เล่นต่างชาติเข้ามาปะปนรวมอยู่กับแข้งในประเทศของตัวเอง โดยแต่ละรายก็มีฝีเท้าที่เก่งกาจด้วยกันทั้งนั้น เพราะถ้าไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้หรอก

 

ก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่าพรีเมียร์ลีกเป็นลีกที่แข็งโป๊กเอามากๆ ซึ่งใครผ่านไปได้ถือว่าสุดยอดต้นมะม่วงเลยทีเดียว นั่นทำให้ในวันนี้ทีมงาน UFA Arena.com จึงจัด 10 อันดับสุดยอดนักเตะพรีเมียร์ลีกตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมาให้แฟนบอลได้ยลโฉมกันว่ามีใครกันบ้าง

 

1 ไรอัน กิกส์

 

 

ถ้าวัดจากความสำเร็จและการค้าแข้งที่ยาวนานคงต้องบอกว่าไรอัน กิกส์ นี่แหละคือที่สุดของพรีเมียร์ลีกอย่างแท้จริง

 

คำว่าตำนานมักจะใช้กับบุคคลที่ได้รับการเชิดชูหรือยกย่อง แต่ในกรณีของกิกส์ถือว่าเป็นอะไรที่มากกว่านั้น เพราะนอกจากเขาจะเป็นตำนานแล้วเจ้าตัวยังเป็นมิสเตอร์ ยูไนเต็ดอีกต่างหาก

 

แชมป์พรีเมียร์ลีก 13 สมัยการันตีให้กับปีกลมกรดผู้นี้ได้เป็นอย่างดี

 

ความสำเร็จของเขาคงไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆให้ชาวโลกได้รู้ว่าดาวเตะชาวเวลส์คือตัวท็อปตลอดกาลของวงการฟุตบอล

 

“ครั้งแรกที่จำได้ ผมเห็นเขาตอนอายุ 13 ปี กำลังเลี้ยงบอลอย่างพริ้วไหวหนีคู่แข่งแบบง่ายดาย” คำพูดของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันที่หวนถึงความทรงจำของเขาที่มีต่อศิษย์เอกรายนี้

 

กิกส์ลงสนามไปทั้งสิ้น 632 นัดในพรีเมียร์ลีก โดยยิงได้ 109 ประตู ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าจดจำและสำคัญยิ่ง นอกจากนี้เขายังจ่ายบอลให้เพื่อนยิงประตูนับไม่ถ้วนตลอดเส้นทางสายนี้

 

ด้วยอายุที่เริ่มมากขึ้นในตอนนั้นทำให้สปีดความเร็วของเขาเริ่มลดลง เจ้านาย(เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน)จึงเปลี่ยนบทบาทจากการทำเกมทางด้านซ้ายมาเล่นตรงกลางแทน ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่ได้อย่างสุดยอดกับฟุตบอลมันสมองที่แสนชาญฉลาด

 

ซุปตาร์หลายคนในรุ่นราวคราวเดียวกับเขาในถิ่นโอลด์แทรฟอร์ดอย่างเดวิด เบ็คแฮม,ยาป สตัม,รอย คีนหรือรุดฟาน นิสเตลรอย ต่างเลิกเล่นกันไปหมดแล้วแต่กิกส์ยังคงค้าแข้งต่อไปถึงอายุ 40 

 

จอร์จ เบสต์ได้รับการยกย่องในฐานะผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของปีศาจแดง และยังเป็นแบบอย่างให้กับเด็กหนุ่มรุ่นหลังรายคนที่เติบโตมาในรั้วโอลด์แทรฟฟอร์ด นอกจากนี้เขายังมีดีเอ็นเอความเป็นยูไนเต็ดอยู่ในสายเลือดจากยุคแรกๆของ เซอร์แมตต์ บัสบี

 

ดังนั้นตลอดระยะเวลา 46 ปีที่ผ่านมาจึงเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นคุณค่าของดาวเตะชาวไอริชอย่างแท้จริง ซึ่งกิ๊กส์อาจใกล้ขึ้นหิ้งตามรอยจอร์จแล้วก็เป็นได้

 

2 เธียรี่ อองรี

 

อาแซน เวนเกอร์กุนซือของอาร์เซนอลในเวลานั้นจ่ายเงิน 11 ล้านปอนด์ให้กับยูเวนตุส เพื่อคว้าปีกซ้ายชาวฝรั่งเศสเข้ามาร่วมทีมในเดือนสิงหาคมปี 1999

 

แต่ 8 ปีต่อมาเขาก็ออกจากเอมิเรตส์ในฐานะผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอาร์เซนอลและยังถือว่าเป็นการซื้อตัวนักเตะต่างชาติที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อมาเป็นพรีเมียร์ลีก

 

อองรีได้แชมป์ลีกกับปืนโตแค่ 2 ครั้งในช่วงที่ค้าแข้งบนเกาะอังกฤษ แต่ด้วยทักษะและจังหวะการจบสกอร์ที่เฉียบขาด ทำให้เป็นหายนะของบรรดาแผงแนวรับ โดยรวมแล้วเขาพังตาข่ายไปได้ทั้งสิ้น 174 ประตูจาก 254 เกมในลีก

 

แต่คงไม่มีประตูไหนที่คลาสสิกเท่ากับประตูที่ยิงใส่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในเดือนตุลาคมปี 2000 อีกแล้ว

 

ย้อนกลับไปประตูดังกล่าวอองรีกระดกบอลขึ้นมาและวอลเลย์ข้ามมือฟาเบียง บาร์กเตซผู้รักษาประตูเพื่อนร่วมชาติเข้าไปอย่างสวยงาม

 

3 คริสเตียโน่ โรนัลโด้

 

 

อดีตซุปตาร์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดนเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันจับเซ็นสัญญา หลังเตะตาป๋าเข้าอย่างจังในเกมปรีซีซั่นกับสปอร์ติ้ง ลิสบอนเมื่อปี 2003

 

เขาเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของความเร็วและทักษะการเลี้ยงบอล แถมยังมีพรสวรรค์อีกมากมาย จึงไม่แปลกใจที่ยูไนเต็ดยอมจ่ายเงินจำนวน 12.24 ล้านปอนด์ดึงตัวเขามาร่วมทีมและถือว่าเป็นดาวรุ่งที่ค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ลีกเมืองผู้ดีในเวลานั้นอีกด้วย

 

มันพิสูจน์แล้วว่าการลงทุนซื้อเขามานั้นเป็นอะไรที่คุ้มค่าสุดๆ เพราะหลังจากแข้งชาวโปรตุเกสรับใช้ปีศาจแดงอยู่ 6 ฤดูกาลเจ้าตัวก็ย้ายตามความฝันไปอยู่กับเรอัล มาดริดด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติโลกที่ 80 ล้านปอนด์ในปี 2009 จากนั้นปีกจอมสับก็สถาปนาตัวเองขึ้นไปเป็นนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดในโลก

 

ด้วยความมุ่งมั่นและหิวกระหายที่จะพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาทำให้เขายิงประตูและแอสซิสต์อีกหลายครั้ง และพังตาข่ายให้ตัวเองไปถึง 84 ลูกจากการลงสนามไป 196 เกมพร้อมกับคว้าแชมป์ลีกถึง 3 สมัย

 

พัฒนาการของเขายังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและสานฟอร์มฮอตต่อไปควบคู่กับซุปตาร์ของบาร์เซโลน่าอย่างลิโอเนล เมสซี่ ในเวทีพรีเมียร์ลีก จนกลายเป็นตำนานในถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ด

 

4 รอย คีน

 

ไม่ว่าจะมีคนรักหรือเกลียดเขา รอย คีนยังคงเป็นกัปตันทีมที่ทุกสโมสรต้องการมีเขาอยู่ในวันที่ท้อแท้และสิ้นหวัง

 

ด้วยอารมณ์ร่วมในเกมที่มีมากถึงขีดสุดจนระเบิดคอสโมที่เผาไหม้อยู่ข้างในแล้ว ความพ่ายแพ้ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ คีโน่ เกลียดสุดๆ นอกจากนี้เขายังเป็นตัวขับเคลื่อนชั้นดีในแผงกองกลางแถมยังมีภาวะความเป็นผู้นำสูงอีกด้วย

 

บางทีในช่วงระยะเวลา 13 ปีในถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ดอาจมีมิดฟิลด์ที่เก่งกว่าเขาหลายคน

 

แต่ไม่มีใครเข้าใกล้กับความมุ่งมั่นและแรงผลักดันในการรักษามาตรฐานการเล่นรวมไปถึงพลังแห่งชัยชนะมากไปกว่าเขาแล้ว จึงไม่แปลกใจเลยว่าว่า ไมเขาถึงคว้าแชมป์ลีกกับยูไนเต็ดไปถึง 7 สมัย

 

การถือทิฐิและแรงอาฆาตของคีนบางครั้งก็นำพาเขาทำสิ่งที่น่าเกลียดในสนาม อย่างกรณีที่ไปเอาคืน อัลฟ์ อิงเก้ ฮาแลนด์ – ซึ่งบางทีมันก็มากเกินไป

 

หากยังจำเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้ ยังมีอีกตอนหนึ่งที่คีนปะทะคารมกับแพทริค วิเอร่าอย่างดุเดือดในอุโมงค์ก่อนเกมที่ยูไนเต็ดจะฟัดกับอาร์เซนอลในปี 2005 ที่ไฮบิวรี่ นั่นคือสิ่งที่ฉาวโฉบทหนึ่งของแข้งชาวชาวไอริชเลยก็ว่าได้

 

5 เอริค คันโตน่า

 

 

คงไม่มีใครไม่รู้จักดาวเตะชาวฝรั่งเศสที่ได้รับการขนานนามในถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ดว่า เอริค เดอะคิง

 

การย้ายมาอยู่กับปีศาจแดงในปี 1992 ถือว่าเป็นการเปลี่ยนผ่านของยูไนเต็ดในตอนนั้นเลยก็ว่าได้ ซึ่งเขากลายเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของเซอร์อเล็กซ์เฟอร์กูสันและสโมสร หลังห่างหายจากความสำเร็จไปนานกว่า 26 ปี

 

คันโตน่าได้นำพาอีโก้และเรื่องราวต่างๆสู่เวทีพรีเมียร์ลีก จนกลายเป็นจุดขายชั้นดีในตอนนั้นเลยก็ว่าได้ กองหน้าที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ แต่ผสมผสานด้วยความเย่อหยิ่ง ,ความเฉลียวฉลาดและอารมณ์ที่รุนแรง

 

 

ภาพจำส่วนใหญ่ที่ทุกคนน่าจะจดจำได้เป็นอย่างดี และถือว่าเป็นเรื่องราวที่น่าตกใจในเวลานั้นของพรีเมียร์ลีกก็คือกังฟูคิกที่เขากระโดดเตะใส่แฟนบอลรายหนึ่งของพาเลซที่เซลเฮิสต์พาร์กในปี 1995 หลังเจ้าตัวโดนเหยียดเชื้อชาติ

 

แม้ว่าแฟนๆ ยูไนเต็ดจะมีความทรงจำที่แตกต่างกัน แต่อิทธิพลของเขามีผลต่อการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกต่อสโมสรและเฟอร์กูสันรวมไปถึงปรากฎการณ์คลาสออฟ 92, ประตูที่ทำได้, การดีใจในแบบเฉพาะตัวและความคาดหวังเมื่อใดก็ตามที่เขามีลูกบอล

 

และแน่นอนสัญลักษณ์ของเขาที่เป็นเอกลักษณ์ตลอดกาลก็คือปกคอเสื้อที่ต้องตั้งอยู่ตลอดเวลา

 

6 พอล สโคลส์ 

 

นักเตะที่ตรงกันข้ามกับเอริค คันโตน่าก็คือพอล สโคลส์

 

ไม่ชอบความวุ่นวายและการโต้เถียงหรือพาดหัวรายวัน สโคลส์คือเจ้าชายแห่งถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ดอย่างแท้จริง มิดฟิลด์ที่มีความสามารถในการยิงประตูอย่างชาญฉลาดและมีสายเลือดของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอยู่เต็มทรวงใน

 

สโคลส์เป็นหนึ่งในเจเนเรชั่นใหม่ของสโมสรที่มีความสามารถเฉพาะตัวในแบบของเขาคล้ายๆกับไรอันกิ๊กส์ แถมยังมาพร้อมกับเทคนิคและพรสวรรค์รอบด้าน เขามีศักยภาพในการเล่นบอลด้วยสมองและการจ่ายบอลที่แม่นยำ อีกทั้งยังทำงานหนักในแดนกลางและเป็นผู้ปิดทองหลังพระอย่างแท้จริง

 

หลังจากปิดฉากอาชีพค้าแข้งอันยาวนานตลอดระยะเวลา 20 ฤดูกาล สโคลส์ก็กลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ลงสนามครบ 500 นัดในพรีเมียร์ลีก และยังทำประตูได้ 107 ลูกและคว้าเหรียญรางวัลมาประดับบารมีอีก 11 ครั้ง

 

ซีเนอดีน ซีดานเคยยกย่องสโคลส์ว่า “เป็นกองกลางที่เก่งที่สุดในรุ่นของเขา” ในขณะที่ซาบี้ตำนานของบาร์เซโลนาก็บอกว่า “เขาเป็นกองกลางที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาตลอด 20 ปีที่ผ่านมา” ซาบี้ได้พูดไว้

 

7 อลัน เชียเรอร์

 

 

อลัน เชียเรอร์เป็นสัญลักษณ์ของชาวจอร์ดี้อย่างแท้จริง ไม่เพียงเท่านั้น เขายังเป็นจอมถล่มประตูที่คู่แข่งต้องหวาดผวาอีกด้วย

 

กองหน้าที่มีการยิงประตูที่เฉียบคมแถมยังมีทีเด็ดในลูกอากาศ ซึ่งมีเพียงไม่กี่คนที่ทำได้แบบเชียเรอร์ เขาคือระดับตำนานแถวหน้าของศึกพรีเมียร์ลีกเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ฮอตชอตยังเป็นเจ้าของสถิติยิงประตูในลีกได้มากที่สุดด้วยจำนวน 260 ลูกอีกด้วย

 

เส้นทางสายลูกหนังของเขานั้นอยู่กับสโมสรทางภาคอีสานของอังกฤษมาอย่างยาวนาน ซึ่งเขายิงได้ 148 ประตูใน 303 เกมให้กับนิวคาสเซิล

 

แต่ความสำเร็จที่ดีที่สุดของเขาน่าจะเป็นช่วงเวลาที่อยู่กับแบล็กเบิร์นซึ่งได้รับการสนับสนุนจากแจ็ค วอล์คเกอร์เจ้าของทีมที่ร่ำรวย เขาได้แชมป์พรีเมียร์ลีก 1 ครั้งกับกุหลาบไฟภายใต้การคุมทีมของเคนนี่ ดัลกลิช

 

ในช่วง 4 ฤดูกาลที่ อีวู้ดปาร์ค เชียเรอร์ ทำประตูในลีกไป 112 ลูกจาก 138 เกมจนอเล็ก เฟอร์กูสันพยายามจะเซ็นสัญญากับเขาหลายต่อหลายครั้ง

 

แต่เชียเรอร์มีเพียงนิวคาสเซิลอยู่เต็มหัวใจและตัดสินใจแขวนสตั๊ดที่บ้านเกิดของเขาเอง จนกลายมาเป็นตำนานของชาวจอร์ดี้จวบจนถึงทุกวันนี้

 

8 เวย์น รูนีย์ 

 

สุดยอดวอนเดอร์คิด ลูกยิงแจ้งเกิดของรูนีย์ต้องยกให้ประตูในศึกพรีเมียร์ลีกที่ซัดใส่อาร์เซน่อลในเกมที่เอฟเวอร์ตันเจอกับปืนใหญ่ที่กูดิสันปาร์คในปี 2002 ก่อนหน้าที่เขาจะอายุครบ 17 ปีเพียงแค่ 5 วัน

 

มันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของเส้นทางอาชีพในพรีเมียร์ลีกและเป็นตำนานบทใหม่สำหรับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ซึ่งเขาได้กลายเป็นผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลของสโมสรในช่วงระยะเวลา 13 ฤดูกาล

 

นักฟุตบอล“ข้างถนน”คนสุดท้าย รูนี่ย์เป็นส่วนผสมระหว่างฟุตบอลสมัยใหม่และยุคเก่า ซึ่งเขาก็ผสานมันอย่างลงตัว นอกจากนี้เขายังมีความหิวกระหายในการพังประตูอยู่ตลอดเวลา

 

ผลงานของเขาที่โดดเด่นคงหนีไม่พ้นประตูในพรีเมียร์ลีกที่ทำได้ถึง 208 ประตู ที่ยิงไว้ให้ยูไนเต็ดและเอฟเวอร์ตัน เขาช่วยให้ปีศาจแดงครองแชมป์ลีกถึง 5 สมัยในช่วงเวลาที่เขาอยู่ที่นั่น

 

และหลายคนเชื่อว่าลูกยิงจักยานอากาศใส่คู่อริในดาร์บี้แมตช์กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2011 เป็นประตูที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีกเท่าที่เคยมีมา

 

9 เซร์คิโอ อเกวโร่ 

 

 

เมื่อพูดถึงการยิงประตูแล้วคงมีไม่กี่คนที่มีประสิทธิภาพการจบสกอร์ที่เฉียบขาดเท่ากับซุปตาร์ของแมนเชสเตอร์ซิตี้อย่าง เซร์คิโอ อเกวโร่

 

ดาวเตะชาวอาร์เจนติน่าเป็นจอมถล่มประตูอย่างแท้จริงและเขายังทำลายสถิติอีกมากมายในถิ่นเอติฮัด นอกจากนี้ยังมีค่าเฉลี่ยการทำประตูต่อหนึ่งเกมสูงสุดนับตั้งแต่ย้ายมาจากแอตเลติโก้ มาดริดในปี 2011

 

แข้งจากทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งได้แชมป์ลีก 4 สมัยพร้อมกับเรือใบ กุนทำประตูไปแล้ว 254 ประตูใน 368 แมตช์รวมทุกรายการให้กับซิตี้ อีกทั้งยังยิงได้ถึง 180 ลูกในพรีเมียร์ลีกจากทั้งหมด 261 เกม

 

แต่ช่วงเวลาที่น่าจดจำที่สุดสำหรับ อเกวโร่ คือนาทีที่ 93:20  ซึ่งเป็นจังหวะที่เขาทำประตูใส่กับ ควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส  ในวินาทีสุดท้ายของฤดูกาล 2012 เพื่อพาเรือใบสีฟ้าก้าวไปสู่ตำแหน่งแชมป์ลีกเหนือคู่แข่งอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจากประตูของเขานี่เอง

 

อเกวโร่ก้าวขึ้นไปเป็นเจ้าของสถิติคนใหม่สำหรับการยิงประตูในลีกมากที่สุด โดยการันตีได้จากจำนวนประตูต่อหนึ่งฤดูกาลของพรีเมียร์ลีก ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าในหน้าประวัติศาสตร์ตลอด 28 ปีที่ผ่านมาคงจะหาใครเทียบเขาไม่ได้อีกแล้ว

 

10 แฟรงค์ แลมพาร์ด

 

แลมพาร์ดอดีตตำนานของเชลซีซึ่งเป็นกองกลางที่ทำประตูได้มากที่สุดของพรีเมียร์ลีก

 

เมื่อพูดถึงการสอดขึ้นไปทำประตูแล้วแลมพาร์ดมีสถิติที่ดีกว่ากองหน้าอีกหลายๆคนเลยทีเดียว

 

จังหวะเวลาสัญชาตญาณและการทำงานหนักเป็นความสำเร็จของแลมพาร์ดตลอดระยะเวลา 13 ฤดูกาลที่สแตมฟอร์ดบริดจ์เมื่อเขาพังตาข่ายได้เป็นกอบเป็นกำกับการขับเคลื่อนในแผงมิดฟิลด์

 

เขาทำประตูให้กับเชลซีไปทั้งหมด 177 ประตู ส่วนในลีกเขายิงได้ 147 ลูกจาก 429 นัด รวมกับตอนที่เขาเล่นให้กับเวสต์แฮมและแมนเชสเตอร์ซิตี้

 

เขาคือซูเปอร์ แฟรงค์ แลมพาร์ด ตัวจริงอย่างแน่นอน