ตามสภาพ! จับ 5 ประเด็นหลังเกมหงส์ปราบผีอยู่หมัด 2-0

 

เรียกได้ว่าไม่มีอะไรเหนือความคาดหมายสำหรับศึกแดงเดือดยกสอง หลังจาก ลิเวอร์พูล สามารถเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปได้ 2-0 พร้อมทำแต้มฉีกหนีทีมอันดับสองอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกไปแล้วถึง 16 คะแนน ทั้งยังมีเกมในมืออีกหนึ่งนัด ซึ่งในเวลานี้ คงมีเพียงเหตุการณ์สัตว์ประหลาดบุกโลกเท่านั้นถึงจะหยุดไม่ให้ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้

 

และต่อไปนี้ คือ 5 ประเด็นจากเกมที่หงส์แดงเปิดรังแอนฟิลด์คว้าชัยเหนือปีศาจแดงไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

 

จังหวะหงส์โดนริบประตูโดย VAR

 

โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ จัดการปั่นบอลเสียบเข้าเสาสองไปอย่างสวยงามในนาทีที่ 25 ของการแข่งขัน ช่วยให้ ลิเวอร์พูล นำห่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ไปเป็น 2-0 แต่ทว่าต่อมา ผู้ตัดสินในเกมนี้อย่าง เคร็ก พอว์สัน ตัดสินใจริบประตูของหงส์แดงคืน หลังทีมงาน VAR แจ้งลงมาว่า เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ทำฟาวล์ใส่ ดาบิด เด เคอา

 

โดยในจังหวะนี้ ด้วยความที่เหตุการณ์เกิดขึ้นในกรอบเขตโทษ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ผู้รักษาประตูจะได้รับการปกป้องอยู่แล้ว และจอมหนึบสแปนิชก็ถึงบอลก่อนปราการหลังดัตช์แมน เราจึงสามารถบอกได้ว่านี่เป็นจังหวะฟาวล์ค่อนข้างชัดเจน

 

 

วันที่น่าจดจำของ โม ซาลาห์

 

หลังจากไม่สามารถส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายของ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เลยตลอดทุกครั้งที่ดวลกัน ในที่สุด โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็สามารถปลดล็อคได้สำเร็จในนัดนี้ ลบเสียงครหาว่ามักจะโดนลักพาตัวไปในเกมแดงเดือดได้สักที โดยประตูดังกล่าว ยังทำให้ดาวยิงทีมชาติอียิปต์ได้รับการจารึกว่าเป็นนักเตะที่สามารถซัดประตูใส่ทีมในพรีเมียร์ลีกได้ถึง 23 จาก 24 สโมสรที่เจ้าตัวเคยเผชิญหน้ามากกว่า 1 เกม ซึ่งทีมเดียวที่สตาร์หงส์แดงยังยิงไม่ได้คือ สวอนซี ซิตี้ ที่ตอนนี้โลดแล่นอยู่ใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ

 

 

สมราคากองหลังที่เก่งที่สุดในโลก

 

ประตูที่ ฟาน ไดจ์ค โขกขึ้นนำให้กับ ลิเวอร์พูล ในศึกแดงเดือดยกนี้ ถือเป็นประตูที่ 8 เข้าให้แล้วที่เจ้าตัวทำได้ในสีเสื้อหงส์แดงบนเวทีพรีเมียร์ลีก ซึ่งนอกจากจะเป็นคนบวกสกอร์แรกให้กับทีมได้แล้ว ตลอดทั้งเกม บิ๊กเวิร์จ ยังสามารถจัดการกับเกมบุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้แบบหมดจด ไม่ว่าจะเป็นภาคพื้นดินหรือลูกกลางอากาศ

 

ซึ่งในนัดนี้ กัปตันทีมชาติฮอลแลนด์มีสถิติส่วนตัวคือชนะการเข้าปะทะ 100% , ชนะการดวลลูกกลางอากาศ 3 ครั้ง , ตัดบอลได้ 2 ครั้ง และเคลียร์บอลพ้นเขตอันตรายได้มากถึง 8 ครั้ง เรียกได้ว่าครบเครื่องทั้งเกมรับและเกมรุกจริงๆสำหรับดาวเตะเจ้าของรางวัลแข้งยอดเยี่ยมของยูฟ่าคนล่าสุด

 

 

เทรนต์ อเล็กซานเดอร์อาโนลด์ : เจ้าพ่อลูกนิ่งเบอร์ 1 ของยุโรป

 

แม้จะเล่นในตำแหน่งแบ็คขวา แต่ เทรนต์ ก็สามารถแอสซิสต์ให้กับ ลิเวอร์พูล ได้เป็นว่าเล่นตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว จนถึงขนาดได้รับการจดบันทึกโดย “กินเนสบุ๊ค” ให้เป็นกองหลังที่ทำแอสซิสต์ได้มากที่สุดในพรีเมียร์ลีกต่อ 1 ซีซั่น (12 แอสซิสต์) และในฤดูกาลนี้ ดาวรุ่งลูกหม้อของหงส์แดงก็ยังทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากที่เจ้าตัวเปิดลูกเตะมุมไปให้กับ ฟาน ไดจ์ค กระซวกตาข่ายปีศาจแดงได้สำเร็จ ก็เท่ากับว่าเขาทำแอสซิสต์จากลูกนิ่งในพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 5 ครั้ง ซึ่งหากนับเฉพาะ 5 ลีกใหญ่ของยุโรป ไม่มีนักเตะแนวรับคนไหนแล้วที่ทำแอสซิสต์จากลูกเซ็ตพีชได้มากกว่าฟูลแบ็คทีมชาติอังกฤษ

 

 

ปีศาจแดงสู้ได้ดีเกินคาด

 

แมนฯ ยูไนเต็ด บุกมาเยือน ลิเวอร์พูล ที่แอนฟิลด์ด้วยสภาพทีมที่บัดซบมาก เพราะนอกจากจะไม่มี ปอล ป็อกบา ที่แทบไม่มีส่วนร่วมกับปีศาจแดงในฤดูกาลนี้แล้ว พวกเขายังขาดสองนักเตะที่สำคัญที่สุดในแดนกลางและแดนหน้าอย่าง สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ด้วย มิหนำซ้ำ ยูไนเต็ด ยังเป็นรองเรื่องความสดจากการต้องบู๊กับ วูล์ฟแฮมป์ตัน มาเมื่อกลางสัปดาห์อีกต่างหาก

 

อย่างไรก็ตาม นัดนี้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา วางหมากสู้กับหงส์แดงโดยใช้ระบบการเล่น 3-4-1-2 เพื่อรับมือกับเกมบุกทางริมเส้นอันเลื่องชื่อของเจ้าถิ่นโดยเฉพาะ จากการที่มีเซนเตอร์ฮาล์ฟถ่างออกมาช่วยวิงแบ็ค และแผนการเล่นนี้ ยังสามารถใช้ป้องกันเกมรุกที่จะเจาะเข้ามาตรงกลางได้ดีในระดับหนึ่งด้วย เพราะมีกองหลังตัวกลางสามคนคอยปิดพื้นที่ และใช้มิดฟิลด์ตัวรับสองคนคอยเป็นกันชน

 

ถ้าไม่นับช่วง 10 นาทีแรกของครึ่งหลังที่โดน ลิเวอร์พูล กระหน่ำหลังพิงเชือก ช่วงเวลาที่เหลือพลพรรคอสูรก็ถือว่าทำได้ไม่เลวเหมือนกัน ทั้งเกมรับที่ไม่เปิดโอกาสให้ทีมที่ได้ชื่อว่ามีพลังทำลายล้างระดับแนวหน้าของยุโรปได้มีโอกาสมากนัก และเกมรุกที่ยังอุตส่าห์หาจังหวะเข้าไปส่องแบบจะแจ้งได้ทั้งที่สภาพทีมเป็นแบบนี้