ตามเทรนด์เลือกตั้ง : ถ้าโลกลูกหนังจัดตั้งรัฐบาล

 

ผ่านพ้นกันไปแล้วสำหรับการเลือกตั้งครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ชาติไทย หลังห่างหายการเข้าคูหาไปกว่า 8 ปีเต็มๆ ซึ่งผลลัพธ์จะออกมาเป็นไหน พรรคไหนได้ สส. ในสภาไปกี่ที่นั่ง หรือ เคนดิเดทจากพรรคไหนจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี ชาวไทยทุกท่านก็คงต้องดูกันต่อไป

 

และเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์บ้านเราในช่วงนี้ ทำให้ UFA ARENA ลองคิดเล่นๆดูว่าถ้าหากคนจากวงการฟุตบอล ไม่ว่าจะเป็น โค้ช นักเตะ เจ้าของทีม กรรมการ ได้มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลของตัวเองขึ้นมาล่ะ มันจะมีรูปร่างออกมาประมาณไหน และเป็นอย่างไร

 

 

เป็ป กวาร์ดิโอล่า – นายกรัฐมนตรี

 

 

ในนาทีไม่มีใครในโลกฟุตบอลที่เหมาะกับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ไปมากกว่าชายที่ชื่อ เป็ป กวาร์ดิโอล่า แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล, การบริหารจัดการในทีมต่างๆ รวมถึงรูปแบบการเล่น กุนซือชาวสเปนที่โดดเด่นและเป็นที่แพร่หลายของฟุตบอลในยุคปัจจุบันอย่าง ติกิ-ตาก้า

 

ผลงานที่ผ่านมาของเป็ป นั้นชัดเจนมากอยู่แล้ว ไม่ว่าจะสมัยที่ค้าแข้งหรือเป็นกุนซือเอง เขากวาดแชมป์มาครองมากมาย และยังสร้างนักเตะระดับโลกมาประดับวงการลูกหนังอยู่มากมาย และสิ่งที่ทำให้เขาถูกขนานนามว่าอัจฉริยะก็คือ การประยุกษ์ตำแหน่งใหม่ขึ้นมาในทีมที่เขาคุมเสมอ ไม่ว่าจะเป็น ฟอลส์ ไนน์ ที่บาร์เซโลน่า, นายทวารกึ่งสวีปเปอร์ที่บาเยิร์น มิวนิค หรือ กองกลางกึ่งกองหลังที่ แมนซิตี้ เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้อย่างดีว่าเป็ปมีความคิดที่ล่ำหน้ากว่ากุนซือคนไหนในโลกนี้ และสามารถนำไปใช้งานได้จริงจังด้วย  

 

ซีเนดีน ซีดาน – รองนายกรัฐมนตรี

 

 

นายกรัฐมนตรีคนเดียวไม่สามารถจัดการทุกอย่างทั้งหมดด้วยตัวคนเดียวได้ จึงจำเป็นต้องมอบหมายและมอบอำนาจให้ รองนายกรัฐมนตรี ช่วยทำการแทนในหลายๆภารกิจ ซึ่งซิซูก็น่าจะเป็นอีกคนที่สามารถเข้ามารักษาการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศลูกหนังนี้ได้ ด้วยภาพลักษณ์ที่ดูน่าเชื่อถือบวกกับการวางตัวที่ดีต่อสื่อทั้งหลาย จะทำให้รัฐบาลนี้ดูมีภาพลักษณ์ที่ดีมากพอสมควรเลย

 

แต่นั่นไม่ใช่อย่างเดียวที่ซีดานทำได้หรอกนะ เพราะในการวางแผนหรือการจัดการดูแลทีม เขาก็ได้อย่างดีแม้จะมีประสบการณ์ไม่มาก รวมถึงบารมีที่สะสมมาตั้งแต่เป็นนักเตะจนถึงตอนนี้ ทำให้เขาสามารถเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ได้อย่างไม่ขัดเขิน

 

 

โชเซ่ มูรินโญ่ – รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม

 

 

กระทรวงกลาโหมมีหน้ารับผิดชอบในด้านการป้องกันประเทศและรักษาผลประโยชน์ของชาติ ซึ่งในเรื่องนี้คงไม่มีใครสุดโต่งไปกว่า โชเซ่ มูรินโญ่ แล้ว ที่มีระบบการเล่นที่รัดกุมเน้นความปลอดภัยไว้ก่อน และไม่ย่อมเสี่ยงเป็นอันขาดหากมองว่าทีมของเขาไม่ได้เปรียบคู่แข่ง

 

แม้จะอยู้ในวงการกุนซือลูกหนังมาเกือบ 16 ปี เดอะ สเปเชียล วัน ก็ยังไม่ถึงเกมรับที่เหนี่ยวแน่นนี้ไป ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างชื่อให้เขาโด่งดังเช่นปัจจุบัน  แต่ว่ามูรินโญ่จะปรับเปลี่ยนระบบการเล่นกับทีมใหม่ของเขาหรือไม่นั้น ซัมเมอร์หน้าเราคงจะได้รู้กัน

 

 

ชีค มานซูร์- รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง

 

 

เรื่องเงินๆทองๆ ในโลกฟุตบอลคงไม่มีใครยิ่งใหญ่มากไปกว่า มานซูร์ บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน หรือเจ้าของทีม เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คนปัจจุบัน ที่ทุบงบสร้างทีมแบบไม่อั้น จนทำให้ทีมกลางตารางในลีกกลายเป็นสโมสรอันดับต้นๆในอังกฤษและทวีปยุโรป ภายในเวลาไม่กี่ปีเท่านั้น

 

แถมการบริหารของมหาเศรษฐีจากลุ่มทุ่นอาบู ดาบี ก็ทำได้ยอดเยี่ยมมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการปลดหนี้ให้กับสโมสรในปี 2010 หรือ การลงทุนสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ก็สามารถจัดการเรื่องต่างๆได้อย่างรวดเร็ว บวกกับประสบการณ์ในการทำธุรกิจด้านอื่นๆมา กระทรวงการคลังในลูกหนังของท่านชีคจะไม่คำว่าขาดทุนอยู่ในพจนานุกรมของพวกเขาอย่างแน่นอน

 

 

เอ็ด วู๊ดเวิร์ด- รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์

 

 

ถ้ารัฐบาลนี้อยากได้เงินเข้ากระเป๋า เอ้ย เข้าประเทศเยอะๆ ต้องหมอบตำแหน่งนี้ให้กับ เอ็ด วู๊ดเวิร์ด ซีอีโอ คนเก่งจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คนนี้เลย หลังพาทีมฟันกำไรมาตลอดนับตั้งแต่เข้ามารับงานบอร์ดบริหารตั้งแต่ปี 2013

 

จริงอยู่ที่แบรนด์การตลาดของปีศาจแดงนั้นแข็งแกร่งอยู่ทั่วโลก แต่ก็อย่าลืมเช่นกันว่าในตอนนั้นพวกเขาอยู่ในช่วงตกต่ำหรือยุคมืดอยู่ แต่ก็ได้การเจรจาของท่านลอร์ดเอ็ดคนนี้จนทำให้ทีมมีสปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุนทีมอยู่เสมอ รวมไปถึงเรื่องการเจรจาซื้อขายนักเตะ เขาก็ไม่เป็นสองรองใครในตอนนี้เช่นกัน

 

 

อาร์เซน เวนเกอร์- รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ

 

 

ตำแหน่งนี้บอกเลยว่า อาร์เซน เวนเกอร์ นอนมาชัวร์ เพราะนับแค่เรื่องภาษาที่เขาสามารถสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่วก็มากถึง 6 ภาษาก็คือ ฝรั่งเศส, อังกฤษ, เยอรมัน, สเปน, อิตาลี และญี่ปุ่น

 

รวมถึงประสบการณ์ในการทำงานต่างประเทศหลายๆแห่งก็ทำให้เขาสามารถรับรู้ถึงวัฒนธรรมของแต่ละประเทศได้เป็นอย่างดี และสามารถเจรจาต่อรองถึงเรื่องต่างๆได้ทันที โดยไม่ต้องพึ่งคนอื่นๆ นั่นทำให้อดีตกุนซืออาร์เซน่อลดูเหมาะสมกับตำแหน่งนี้มากกว่าใคร

 

 

อูไน เอเมอรี่ – รัฐมนตรีการกระทรวงศึกษาธิการ

 

 

จริงๆนี่คืออีกหนึ่งตำแหน่งที่เหมาะสมกับเวนเกอร์มากๆ แต่ว่าการที่เขาจะมาควบตำแหน่งหัวหน้าถึง 2 กระทรวง ก็เป็นเรื่องที่ดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ทำให้กระทรวงตกเป็นของ อูไน เอเมอรี่ ทายาทของเวนเกอร์ในสโมสรอาร์เซน่อล

 

กุนซือชาวสเปนขึ้นชื่อในเรื่องการให้โอกาสดาวรุ่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว รวมถึงเน้นในการพัฒนาระบบเยาวชนให้มีศักยภาพมากขึ้นด้วย และถ้าหากอดีตนายใหญ่เซบีย่าเข้ามารับตำแหน่งนี้จริงๆ แข้งอายุน้อยจะเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน

 

 

ผู้ตัดสิน – คณะกรรมการการเลือกตั้ง

 

 

คณะกรรมการการเลือกตั้ง มีหน้าที่หลักคือควบคุมและดำเนินการจัดให้มีการเลือกตั้ง ทั้งการเลือกตั้งระดับชาติ ระดับท้องถิ่น รวมทั้งการออกเสียงประชามติ หากนำมาเทียบกับกีฬาฟุตบอลแล้ว พวกเขาเหล่านี้ก็ไม่ต่างกับผู้ตัดสินที่พกนกหวีดและใบเหลือ,แดง เข้าไปในสนามเลยล่ะ

 

สำหรับคนที่น่าจะเขามาเป็นหัวหน้า กกต. ในชุดนี้ คือ ไมค์ ดีน กรรมการชาวอังกฤษที่มีประสบการณ์ในการตัดสินเกมลูกหนังมาอย่างยาวนาน โดยมีผู้ช่วยหลักๆอย่าง ไมเคิล โอลิเวิอร์, เควืน เฟรนด์, แอนโทนีย์ เทย์เลอร์, มาร์ติน แอตกินสัน, จอห์น มอสส์ และ ลี เมสัน แต่ก็ไม่รู้ผลการตัดสินจะถูกใจแฟนบอลส่วนใหญ่หรือเปล่านะ

 

 

พอล สโคลส์ – ฝ่ายค้าน

 

 

ฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร คือ ผู้นำของกลุ่มที่ไม่ได้เป็นรัฐบาล มีหน้าที่สำคัญคือการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลว่าเป็นไปด้วยความสุริตหรือไม่  หากพูดภาษาบ้านๆก็คือ ช่างติ ช่างสงสัยในการวางแผนหรือทำสิ่งต่างๆนั่นเอง ซึ่งตำแหน่งนี้มันบังเอิญไปตรงกับพฤติกรรมของพอล สโคลส์ นับตั้งแต่แขวนสตั๊ดพอดี

อดีตแข้งปีศาจแดงมักจะโจมตีหรือวิพากษ์การทำงานของกุนซือทีมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เป็ป กวาร์ดิโอล่า, โชเซ่ มูรินโญ่ หรือแม้กระทั่งนักเตะในทีมเก่าของเขาก็ตาม แต่ตอนนี้เขาน่าจะสงบปากสงบคำไปอยู่พักใหญ่ หลังล้มเหลวการกับเป็นกุนซือทีมโอลด์แฮมและลาออกจากทีมเมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา