ตื่นจากหลับไหล : อัซซูรี่โฉมใหม่ในมือมันโช่

 

ทัพอัซซูรี่ล้มเหลวไม่เป็นท่าหลังไม่สามารถผ่านเข้ามาเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่รัสเซียเมื่อปีที่ผ่านมาได้ แต่ทว่าในตอนนี้พวกเขากลับมาอีกด้วยขุมกำลังของแข้งยุคใหม่และเก่า…

 

แฟนบอลอิตาลีต้องพบเจอกับเรื่องที่ย่ำแย่มาตลอดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าเรื่องที่ทีมรักของพวกเขาไม่สามารถผ่านเข้ารอบสุดท้ายในฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดด้วยหลังพ่ายต่อสวีเดนในรอบเพลย์อ็อฟ แถมนักเตะที่รับใช้งานมาอย่างยาวนาน เช่น จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน และ ดาเนลเล่ เด รอสซี่ ก็ต้องประกาศลาทีมชาติไปแบบช้ำๆ

 

เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จึงเกิดขึ้น จาน ปิเอโร่ เวนตูร่า นายใหญ่คนเก่าของทีมชาติก็จำเป็นต้องลาทีมไปตามผลงาน และถูกแทนที่ด้วย โรแบร์โต้ มันชินี่ พร้อมด้วยความหวังในการพาทีมอิตาลีกลับสู่ความสำเร็จอย่างในยุคก่อนๆอีกครั้ง

 

 

และวันนี้พวกเขาไม่ใช่ทีมเดียวที่ล้มเหลวเมื่อปีก่อนๆอีกต่อไป

 

 

แดนกลางที่เปลี่ยนไป

 

 

มันโช่เข้ามาเปลี่ยนแปลงทัพอัซซูรี่ขนานใหญ่ด้วยการดันดาวรุ่งมากพรสรรค์เข้ามาในทีม รวมถึงเป็นตัวหลักในการทำศึกยูโร 2020 รอบคัดเลือกอีกด้วย โดยในรายชื่อ 29 คน มีแข้งหนุ่มที่อายุไม่ถึง 22 ปีอยู่ถึง 5 คน

 

แข้งดาวรุ่งหลายคนได้ลงเล่นในเกมที่ทุบฟินแลนด์ในนัดแรกไป 2-0 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เช่น นิโคโล่ บาเรลล่า ดาวรุ่งจากกายารี่ที่เชลซีหมายปองอยู่ รวมไปถึงรุ่นพี่ในทีมชาติอย่างจอร์จินโญ่ และ มาร์โก แวร์รัตติ ยืนแพ็คตรงกลางให้แน่นขึ้นอีกเป็นกอง

 

นั่นทำให้แดนกลางของทัพอัซซูรี่ดูแข็งแกร่งขึ้นมากในรอบหลายปีที่ผ่านมา เพราะมีทั้ง บาเรลล่าคอยวิ่งขึ้นลงเล่นเกมรุกหรือเกมรับได้ไม่มีหมด ขณะที่แข้งจากเชลซีก็คอยเป็นตัวโฮลด์บอลให้ และแวร์รัตติก็มีหน้าที่จ่ายบอลฉีกแนวรับของคู่แข่ง

 

 

นิโคโล่ ซานิโอโล่ คืออีกคนหนึ่งที่ได้ลงเล่นในนัดนั้น แม้จะเป็นตัวสำรองก็ตาม และด้วยตำแหน่งการยืนในทีมชาติอิตาลี ไม่ได้แตกต่างจากที่เขายืนในโรม่าเลย ซึ่งจะขยับไปเป็นตัวรุกซะมากกว่า นั่นทำให้แข้งวัย 19 ปี ถูกเปรียบเทียบกับ ฟรานเชสโก้ ต็อตติ รุ่นพี่ทั้งในทีมชาติและสโมสรที่ลงเล่นในตำแหน่งเดียวกันอย่างช่วยไม่ได้

 

แต่หากมองให้ดีแล้ว ซานิโอโล่ มีศักยภาพไม่ต่างอะไรกับ พอล ป็อกบา  เพราะไม่ว่าจะเป็นพละกำลัง, เทคนิคต่างๆ หรือความมั่นใจยามได้ครอบครองบอล ทำให้หลายๆคนนึกถึงกองกลางตราไก่ในสมัยค้าแข้งกับยูเวนตุส เมื่อได้เห็นฝีเท้าของเจ้าหนูคนนี้เลย

 

 

กองหน้าความหวังใหม่

 

 

แต่อีกคนที่ไม่พูดถึงคนไม่ได้เลยคือ มอยเซ่ คีน กองหน้าดาวรุ่งจากยูเวนตุส ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเคยติดทีมชาติอิตาลีมาก่อนแล้วในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว แต่ในเกม 2 นัดล่าสุด เขาก็สามารถทำประตูให้อัซซูรี่ได้แล้ว นั่นทำให้เขากลายเป็นแข้งอายุที่สุดที่ทำประตูในรอบ 60 ปี ของประวัติศาสตร์ของทีมชาติ

 

หลังเกม นายใหญ่ทีมชาติอิตาลีอย่างมันชินี่ก็ออกปากชมดาวรุ่งคนนี้แบบไม่มีกั๊ก โดยกล่าวว่า “คีนมีคุณภาพและศักยภาพเหลือล้น แต่ทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะเห็นถึงพรสรรค์ของคีน รวมไปถึงซานิโอโล่ด้วย เพราะฉะนั้นนี่จึงไม่เรื่องเสี่ยงแต่อย่างใดในการเรียกพวกเขาติดทีมชาติในครั้งนี้”

 

ในระดับสโมสร คีนคือนักเตะคนแรกที่เกิดในช่วงปี 2000 ที่ได้ลงเล่นใน 5 ลีกใหญ่ในยุโรป โดยได้ลงเล่นชุดใหญ่ครั้งแรกในวัย 16 ปี  แต่ในตอนนี้เขาเป็นที่พูดถึงมากกว่าเดิมหลังโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นกับทีมม้าลายแห่งตูริน และการเข้ามาของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะช่วยให้คีนพัฒนาฝีเท้าได้อย่างก้าวกระโดดแบบไม่ต้องสงสัยเลย

 

“ผมเรียนรู้จากโรนัลโด้ ในสนามซ้อม ผมพยามขโมยเทคนิคของเขา ผมพยายามทำตัวให้พร้อมและฝึกฝนเป็นประจำ เพื่อจะได้รับมือกับสถานการณ์จริงได้เมื่อเวลานั้นมาถึง นัั่นคือสิ่งที่ผมสามารถเรียนรู้ได้จากเขาเท่านั้น” คีนกล่าวหลังเกมพบกับฟินแลนด์

 

 

ของเก่าแต่ใช้ (แบบ) ใหม่

 

 

แม้จะมีแข้งดาวรุ่งอยู่ในทีมมากมาย แต่ว่ามันชินี่ก็ยังไม่เมินแข้งวัยเก๋ามากประสบการณ์ไปจากทีม และนักเตะเหล่านี้จะช่วยให้ทีมอิตาลีในตอนนี้กลับมามีสมดุลอย่างไม่น่าเชื่อ

 

จอร์โจ้ คิเอลินี่ ที่รับใช้ทัพอัซซูรี่มาอย่างยาวนานถึง 15 ปี เขาก็ยังคงเป็นกองหลังอันดับต้นๆของโลกอยู่ และนักเตะที่ติดทีมชาติมาแล้ว 101 นัด จะต้องช่วยให้คำแนะนำแก่แข้งรุ่นน้องได้เป็นอย่างดี

 

ขณะที่ โลเรนโซ่ อินซิเญ่ และ ชิโร่ อิมโมบิเล่ ก็ยังเป็นตัวเลือกในแนวรุกอยู่ ซึ่งมันโช่เชื่อว่าเขาจะก้าวไปในช่วงท็อปที่สุดในศึกยูโร 2020 นี้

 

ย้อนกลับไปในยุคของ เวนตูร่า แข้งร่างเล็กมักจะไม่ค่อยได้รับโอกาสลงเล่นเท่าที่ควรและนั่งอยู่บนม้านั่งสำรองจนหลายคนตั้งคำถาม รวมไปถึงในนัดที่พวกเขาพ่ายต่อทีมไวกิ้งในการเพลย์อ็อฟเวิลด์ คัพฉบับหมีขาวด้วย แต่ในตอนนี้เขากลับมาเป็นแนวรุกตัวหลักของทีมเรียบร้อยแล้ว แถมได้ร่วมเล่นกับแข้งฝีเท้าดีอย่าง อันเดรีย เบล็อตติ, มาริโอ บาโลเตลลี่, ซิโมเน่ ซาซ่า และ มาโนโล่ กัปเบียดินี่ เพื่อเพิ่มมิติในเกมรุกด้วย

 

 

ในส่วนกองหน้ากองหน้าวัย 29 ปีอย่างอิมโมบิเล่ก็ยังคงเป็นหัวหอกเบอร์หนึ่งของทีมอยู่ หลังยิงประตูกระจายให้กับต้นสังกัดอย่างลาซิโอ แต่ปัญหาหลักๆก็คือเขายิงประตูให้กับทีมชาติไม่ได้เหมือนตอนเล่นในสโมสร เพราะ 10 เกมหลังสุดอดีตกองหน้าโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เป้าสะอาดมาตลอด อย่างไรก็ตาม มันชินี่ก็ยังเชื่อมั่นในตัวเขาหลังแอสซิสต์ในคีนทำประตูได้ในเกมที่พบกับฟินแลนด์

 

“เมื่อกองหน้าหาประตู แม้จะยังยิงไม่ได้ แต่เดี๋ยวมันก็มาเอง บวกกับนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับ อิมโมเบล่ด้วย เพราะเขาต้องเจอกับนักเตะ 5-6 คนทีประกบเขาอยู่ ดังนั้นเราควรยืนกับแบบกระจายเพื่อมีช่องว่างในการเล่นมากขึ้น” กุนซือวัย 54 ปีกล่าวถึงกองหน้าเบอร์หนึ่งในทีมชาติ

 

แม้ว่าแข้งอิตาลีจะตามหลังคู่แข้งร่วมทวีปอย่าง ฝรั่งเศส, สเปน, เยอรมัน ฮอลแลนด์ และ อังกฤษอยู่บ้าง แต่ในช่วงพักเบรกทีมชาติที่ผ่านมา ช่องว่างและความห่างชั่นต่างๆนั้นค่อยๆลดลงในแบบที่แฟนบอลทั่วโลกอาจจะไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ

 

และไม่แน่ว่า ศึกยูโร 2020 อาจจะเป็นทัวร์นาเม้นต์ที่ทำให้พวกเขากลับมาครองความยิ่งใหญ่ในถ้วยยุโรปอีกครั้ง หลังห่างหายจากกแชมป์รายการนี้ไปนานกว่า 52 ปี