ทัพ ‘เรือใบสีฟ้า’ สุดโหด! กับภารกิจสานต่อความยิ่งใหญ่บนเกาะอังกฤษ

 

ทัพ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สามารถสร้างความยิ่งใหญ่บนเกาะอังกฤษเมื่อซีซั่นที่ผ่านมาได้สำเร็จ หลังจากที่พวกเขาผงาดคว้าทุกแชมป์มาครองทั้ง ลีก คัพ, เอฟเอ คัพ และ พรีเมียร์ลีก และแน่นอนว่าฤดูกาลนี้พวกเขาต้องการที่จะรักษาถ้วยทุกใบไว้ให้ได้เหมือนเดิม เพื่อสานต่อความยิ่งใหญ่ของพวกเขาเองต่อไป

 

สำหรับในปีนี้ “ซิตี้” ยังคงเป็นทีมที่น่าจับตามองเหมือนเดิมภายใต้การทำทีมของเฮดโค้ชอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และอุดมไปด้วยเหล่านักเตะฝีเท้าดีหลายต่อหลายคน นอกจากนั้นจุดเด่นที่น่าสนใจของพวกเขาคือการเล่นเกมรุก ตลอดซีซั่นที่แล้วทีมเจ้าของแชมป์เก่าศึก พรีเมียร์ลีก ยิงไปถึง 95 ประตู ตลอด 38 เกมในลีก โดยเฉพาะ 3 ประสานในแนวรุกซึ่งถือเป็นอาวุธหลักของทีมที่ช่วยกันผลิตสกอร์ให้พวกเขาเป็นหลัก

 

นอกจากนี้การเสริมทัพของยอดทีมแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาก็ถือว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย เมื่อพวกเขาสามารถคว้าตัว โรดริโก้ เอร์นานเดซ และ เจา คันเซโล่ มาร่วมทัพได้สำเร็จ ซึ่งเรียกว่าเป็นการเสริมที่แก้ปัญหาได้ถูกจุดเลยทีเดียว และยังเติมความแข็งแกร่งได้ไม่น้อยอีกด้วย นี่เองจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมพวกเขาถึงยังคงเป็นทีมเต็ง 1 บนเกาะอังกฤษในฤดูกาลนี้เหมือนเดิม

 

3 ประสาทแนวรุกยังโหดเหมือนเดิม

 

ต้องยอมรับเลยว่าเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นทีมที่เล่นเกมรุกได้ยอดเยี่ยมที่สุดทีมหนึ่งบนเกาะอังกฤษเลยก็ว่าได้ หลังพวกเขาเดินหน้ากระทุ้งตาข่ายคู่แข้งตลอดทั้งฤดูกาลไปถึง 95 ประตู โดยเฉพาะ 3 ประสานตัวหลักในแดนหน้าที่ซัดรวมกันไป 48 ลูก อย่าง เซร์คิโอ อเกวโร่ (21 ประตู), ราฮีม สเตอร์ลิ่ง (17 ประตู) และ เลรอย ซาเน่ (10 ประตู)

 

แน่นอนว่าฤดูนี้ทั้งสามคนน่าจะยังคงเป็นตัวหลักของทัพ “เรือใบสีฟ้า” อยู่เหมือนเดิม ซึ่งถ้าหากจะพูดกันตามตรงแล้วคงเป็นเรื่องยากมากๆที่จะหาแผงหลังของทีมไหนก็ตามใน พรีเมียร์ลีก มาหยุดความร้อนแรงของพวกเขาได้ในเวลานี้ โดยเฉพาะปีกทั้งสองฝั่งของทีมอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ เลรอย ซาเน่ สองแข้งอนาคตไกลที่ยกระดับตัวเองได้อย่างน่าทึ่งเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากจะมีความเร็วที่จัดจ้านแล้วอีกหนึ่งอาวุธเด็ดคงหนีไม่พ้นการจบสกอร์ที่ทั้งคู่ทำได้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก นี่เองคืออีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มีส่วนทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีเกมรุกที่ไร้ผู้ใดจะต้านทานได้ในเวลานี้

 

ขณะเดียวกัน นอกจากทั้งสามคนแล้วบรรดาตัวสำรองในแนวรุกไม่ว่าจะเป็น กาเบรียล เชซุส, ริยาด มาห์เรซ และ เบอร์นาโด ซิลวา ก็ถือเป็นนักเตะที่เมื่อถูกส่งลงสู่สนามแล้วพวกเขาแทบทำผลงานไม่ได้ต่างกันแม้แต่น้อยเลย

 

 

เสริมทัพแก้ปัญหาถูกจุด

 

ถึงแม้ว่าซีซั่นที่ผ่านขุมกำลังของกุนซือใหญ่เลือดกระทิงดุ อย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เรียกได้ว่าแข็งแกร่งและสมบูรณ์แบบมากที่สุดทีมหนึ่งในยุโรป แต่ถึงกระนั้นช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาพวกเขาก็ยังคงทำงานหนักเพื่อคว้านักเตะใหม่เข้ามาเสริมทีมสำหรับลงเล่นในฤดูกาลที่กำลังจะเปิดฉากขึ้นในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า

 

โดยการเสริมทัพของยอดทีมแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ในช่วงหน้าร้อนนี้ พวกเขาทำการบ้านได้อย่างยอดเยี่ยมทีเดียว หลังสามารถคว้าตัว โรดริโก้ เอร์นานเดซ มิดฟิลด์ตัวรับจาก แอตเลติโก้ มาดริด มาร่วมทีมได้สำเร็จด้วยค่าตัว 62.6 ล้านปอนด์  ซึ่งตำแหน่งนี้เป็นจุดที่พวกตามหาและต้องการมาตลอด นับตั้งแต่ที่เสียนักเตะอย่าง ยาย่า ตูเร่ ออกจากทีมไป

 

ส่วนอีกหนึ่งคนที่เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่แพ้กันก็คือ เจา คันเซโล่ แบ็คขวาจอมบุกที่ย้ายมาจาก ยูเวนตุส ด้วยค่าตัว 60 ล้านปอนด์ แน่นอนว่าการมาของแข้งวัย 25 รายนี้ ถูกคาดหวังว่าเขาจะกลายเป็นตัวจริงในตำแหน่งแบ็คขวาของทีมคนใหม่แทนที่ของ ไคล์ วอล์คเกอร์ ที่กำลังจะก้าวผ่านจุดที่ดีที่สุดของอาชีพการค้าแข้งในอีกไม่ช้านี้ และแน่นอนว่า คันเซโล่ จะช่วยเพิ่มมิติในเกมรุกทางริมเส้นด้านขวาให้กับ “ซิตี้” ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

 

 

2 คีย์แมนสำคัญ เซร์คิโอ อเกวโร่ และ เควิน เดอ บรอยน์

 

ถ้าหากเอ่ยถึงความสำเร็จของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา เราคงต้องหยิบผลงานอันร้อนแรงของ 2 คีย์แมนคนสำคัญอย่าง เซร์คิโอ อเกวโร่ และ เควิน เดอ บรอยน์ มาพูดถึงแน่นอน โดยทั้งคู่ถือป็นหัวใจในเกมรุกของทีมอย่างแท้จริง

 

โดยเฉพาะในรายของดาวยิงชาวอาร์เจนไตน์ ที่ซัดไปถึง 21 ประตู ในศึก พรีเมียร์ลีก ซีซั่น 2018/2019 ซึ่งฤดูกาลนี้ดูแล้ว ศูนย์หน้าเบอร์ 10 ของทัพ “เรือใบสีฟ้า” ก็น่าจะยังคงรักษามาตราฐานผลงานของตัวเองจากปีที่ผ่านมาไว้ได้อย่างแน่นอน

 

ขณะที่อีกหนึ่งแข้งคีย์แมนของทีมอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ เพลย์เมกเกอร์ระดับเวิลด์คลาสคือคนที่มีบทบาทมากที่สุดในการช่วยปั้นเกมรุกให้กับ “ซิตี้” ซึ่งนอกเหนือจากการสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อทำประตูแล้ว จังหวะยิงไกลของเขาก็เป็นอีกหนึ่งอาวุธสำคัญที่สามารถเพิ่มมิติในเกมรุกให้กับทีมได้เช่นกัน

 

 

เป้าหมายสานต่อความยิ่งใหญ่บนเกาะอังกฤษ

 

เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สร้างความยิ่งใหญ่ด้วยการผงาดคว้าทริปเบิ้ลแชมป์บนเกาะอังกฤษมาครองได้สำเร็จทั้ง ลีก คัพ, เอฟเอ คัพ และ พรีเมียร์ลีก และแน่นอนว่าในปีนี้เหล่าขุนพล “เรือใบสีฟ้า” ยังคงมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าสร้างความยิ่งใหญ่ต่อไป เพื่อรักษาถ้วยทั้ง 3 ใบ ไว้กับพวกเขาต่อไปให้ได้

 

โดยเฉพาะถ้วยแชมป์ลีกสูงสุดของเมืองผู้ดีที่นับวันพวกเขาจะเริ่มเจอคู่ต่อสู้ที่หนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น ลิเวอร์พูล หรือ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ คู่แข่งสำคัญในเวลานี้ รวมไปถึง เชลซี, อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่พร้อมจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงพวกเขาเช่นกันในปีนี้

 

อย่างไรก็ตามด้วยขุมกำลังของยอดทีมแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ เวลานี้ต้องยอมรับว่าพวกเขาแข่งแกร่งสุดๆ และยากที่จะมีผู้ใดมาหยุดพวกเขาได้ นอกจากนั้นด้วยฝีมือการทำทีมของสุดยอดกุนซือใหญ่อย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่แปลกเลยที่พวกเขาถูกยกให้เป็นเต็ง 1 ของอังกฤษเหมือนเดิมในฤดูกาลนี้

 

 

ระบบ 4-3-3

 

สำหรับในเรื่องแผนการเล่นในปีนี้คาดว่าทัพ “เรือใบ” น่าจะยังคงใช้แผนเก่งของพวกเขาอย่างระบบ 4-3-3 แต่ที่ต่างออกไปคือการเสริมจุดอ่อนที่แบ๊คสองข้าง ซึ่งได้ เจา กานเซโล่ มาแล้ว ส่วน โรดรี้ จะได้ลงประจำการในตำแหน่งกลางรับที่เขาทำได้โดดเด่นสมัยที่ยังอยู่กับทีม “ตราหมี” ส่วนตัวปั้นเกมในแดนกลางยังคงเป็น เควิน เดอ บรอยน์ กับ ดาบิด ซิลบา สองหัวใจในแดนกลางของทีม

 

ขณะที่แนวรุกยังคงเป็นแข้ง 3 ประสานสุดโหดอย่าง เซร์คิโอ อเกวโร่ ,ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ เลรอย ซาเน่ ซึ่งแม้ว่าในรายหลังจะมีอาการบาดเจ็บ แต่ถ้าสลัดเดี้ยงมาได้เขาก็จะได้กลับมาเป็นตัวหลักอย่างแน่นอน เซร์คิโอ อเกวโร่ ,ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ เลรอย ซาเน่ เหมือนเดิม