ทายาทเลิฟคือใคร : 5 ตัวเต็งว่าที่กุนซือคนต่อไปในทัพอินทรีเหล็ก

 

หลังจากคุมทีมชาติเยอรมันมานานเกือบ 14 ปี โยอาคิม เลิฟ ได้ประกาศว่าเขาจะก้าวลงจากตำแหน่งนี้หลังเสร็จสิ้นศึกยูโร 2020 ที่โยกมาจัดในซัมเมอร์ปี 2021 นั่นทำให้การเตรียมตัวหาโค้ชคนใหม่ของทัพอินทรีเหล็กได้เริ่มขึ้นแล้ว

 

เลิฟ ประสบความสำเร็จสูงสุดด้วยการทีมชาติเยอรมันคว้าแชมป์โลกอย่างยิ่งใหญ่ในปี 2014 แต่หลังจากนั้นผลงานของพวกเขาก็ตกลงเรื่อย ๆ นับตั้งแต่ฟุตบอลโลกปี 2018 ที่หมดสภาพแชมป์เก่าเก็บข้าวของกลับบ้านตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งเป็นสถิติที่แย่ที่สุดของทีมในทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติตลอด 80 ปี

 

ศึกยูโร 2020 จะเป็นทัวร์นาเม้นต์สุดท้ายที่ กุนซือวัย 61 ปีได้คุมทีมบ้านเกิด และหลังจากนั้นจะเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ในรอบ 15 ปี และถึงแม้ เลิฟ จะได้เข้ามาเป็นนายใหญ่ทีมชาติเยอรมัน ในฐานะผู้ช่วยของ เจอร์เก้น คลินสมันน์ ที่ถูกดันขึ้นมา แต่ในครั้งนี้ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ มาร์คุส ซอร์ก มือขวาของ เลิฟ จะไม่ถูกดันขึ้นรับตำแหน่งนี้ เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในปัจจุบันที่ต้องการเปลี่ยนถ่ายทีมยกชุด

 

อีกทั้งเชื่อว่า สมาคมฟุตบอลเยอรมัน หรือ เดเอฟเบ น่าจะต้องการความแตกต่างเพื่อพาาทีมชาติเยอรมัน ก้าวขึ้นไปสู่ยุคใหม่อย่างสง่าผ่าเผย และนี่คือ 5 กุนซือที่ UFA ARENA คาดว่าเป็นตัวเต็งเบอร์ต้น ๆ ที่มีโอกาสเข้ามาคุมทัพอินทรีเหล็กต่อจาก เลิฟ ในซัมเมอร์นี้

 

 

สเตฟาน คุนซ์

 

 

ประสบการณ์คุมทีม : โบรุสเซีย นอยเคียร์เช่น, คาร์ลสรูห์, วอลฮอฟ แมนเฮล์ม, อาห์เล่น, เยอรมัน U-21

 

ชื่อของ สเตฟาน คุนซ์ อาจไม่เป็นที่คุ้นหูแฟนบอลนัก แต่ถึงอย่างนั้นเขาคือตัวเต็งที่สื่อคาดการณ์ว่าจะเข้ามารับตำแหน่งกุนซือทีมชาติเยอรมันคนใหม่ โดยปัจจุบัน เขาทำหน้าที่คุมทีม เยอรมัน ชุด U-21 ซึ่งคุมมาตั้งแต่ปี 2016 ซึ่งหากได้รับการแต่งตั้งจริง ๆ ก็คล้ายกับกรณีของ แกเร็ธ เซาธ์เกต กับทีมชาติอังกฤษไม่น้อย ที่ถูกดันจากชุดเล็กขึ้นไปทำหน้าที่ในชุดใหญ่

 

โค้ชวัย 58 ปี ดีกรีอดีตกองหน้าไกเซอร์สเลาเทิร์น มีลักษณะอีกอย่างที่คล้ายคลึงกับ เซาธ์เกต นั่นก็คือ ความสุภาพ, ความกระคือรือร้น และเข้าใจสิ่งควรมีในการเป็นตัวแทนของสมาคม ซึ่งในอดีต เขาทำงานอย่างใกล้ชิดกับทีมชุดใหญ่มาแล้ว ทั้งแบ่งปันข้อมูลของผู้เล่นดาวรุ่งที่มีแวว, กำหนดกลยุทธ์ในแบบเดียวกัน

 

แต่สิ่งที่ เดเอฟเบ แตกต่างจาก เอฟเอของอังกฤษ ก็คือการแต่งตั้งผู้จัดการทีมที่ไม่ได้มีชื่อเสียงโดดเด่นเท่าไหร่ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา อย่างกรณีของ เลิฟ ก็รู้จักมากที่สุดในฐานะผู้ช่วยของ คลินส์มันน์ ตำนานแข้งที่ประสบความสำเร็จมากมาย ก่อนถูกดันขึ้นมารับตำแหน่ง ในปี 2006

 

คุนซ์ ถือเป็นการเดิมพันที่ปลอดภัย แต่แนวทางแต่งตั้งกุนซือแบบนี้ของ เยอรมัน อาจเปลี่ยนไปหลังจากนี้ หาก คุนซ์ ไม่สามารถทำผลงานได้ขึ้นอย่างที่ เดเอฟเบ หวังงไว้

 

 

เจอร์เก้น คล็อปป์

 

 

ประสบการณ์คุมทีม : ไมนซ์ 05, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, ลิเวอร์พูล

 

“ไม่แน่นอน ผมยังไม่ว่างสำหรับตำแหน่งกุนซือทีมชาติเยอรมัน ช่วงซัมเมอร์นี้ หรือหลังจากช่วงซัมเมอร์นี้ด้วย” เจอร์เก้น คล็อปป์ ชิงตอบดักทางนักข่าว หลังการประกาศก้าวลงจากตำแหน่งของ เลิฟ ในวันอังคารที่ผ่านมา 

 

“ผมมีสัญญาเหลือกับ ลิเวอร์พูล 3 ปี  มันเป็นสถานการณ์ง่าย ๆ เลย คุณเซ็นสัญญา และคุณก็ต้องพยายามยึดติดกับสิ่งนั้นไว้” 

 

ถึง กุนซือลิเวอร์พูล จะออกมาพูดเสียงดังฟังชัดแล้ว แต่อนาคตที่ยังไม่สามารถการันตีอะไรนัก ก็ทำให้ เดอะ ค็อป ส่วนใหญ่หวั่นใจไม่น้อยว่าจะเสีย กุนซือคนเก่งไป หลังทำผลงานได้ย่ำแย่ในฤดูกาลนี้ จนหมดโอกาสป้องกันแชมป์ลีกอย่างไม่เป็นทางการไปแล้ว

 

หาก คล็อปป์ ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมเยอรมนี เขาจะเป็นตัวเลือกยอดนิยมในหมู่แฟน ๆ เนื่องจาก นายใหญ่วัย 56 ปีเป็นหนึ่งในโค้ชที่มีเสน่ห์และเป็นที่ยอมรับมากที่สุดในวงการลูกหนัง และสไตล์การเล่นแบบเฮฟวี่เมทัลที่หนักหน่วงจะอัดฉีดความตื่นเต้นเร้าใจให้กับทีมเยอรมันที่ดูไร้ชีวิตชีวามา 3 ปี

 

อีกทั้งสถิติการให้โอกาสแข้งดาวรุ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมาของ คล็อปป์ ยิ่งทำให้เขาเหมาะสมกับบทบาทนายใหญ่ทัพอินทรีเหล็กขึ้นไปอีก และในทีมชุดปัจจุบัน ก็เต็มไปด้วยแข้งหนุ่มมากพรสวรรค์มากมาย ทั้ง จามาล มูเซียล่า, ไค ฮาเวิร์ตซ์ หรือ ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ และอีกหลาย  ๆ คน ที่มีโอกาสเฉิดฉายในทีมชาติยุคคล็อปป์ได้

 

อย่างไรก็ตาม อัตราความเป็นไปได้ก็มีน้อยพอสมควร เหตุเป็นเพราะการที่ คล็อปป์ ยังหลงใหลกับการคุมทีมระดับสโมสรอยู่ และความต้องการเปลี่ยนแปลงเรื่องแย่ ๆ ในแอนฟิลด์ ทำให้เขาคงไม่ต้องการลาแดนผู้ดีในตอนนี้

 

 

ฮานซี่ ฟลิก

 

 

ประสบการณ์คุมทีม : วิคตอเรีย แบมเมนทัล, ฮอฟเฟ่นไฮม์, เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก (ผู้ช่วย), ทีมชาติเยอรมัน (ผู้ช่วย), บาเยิร์น มิวนิค  (ผู้ช่วย), บาเยิร์น มิวนิค

 

ย้อยกลับไป 18 เดือนที่แล้ว หากใครบอกว่า ฮานซี่ ฟลิก มีสิทธิ์เป็นกุนซือทีมชาติเยอรมัน คงถูกมองด้วยสายตาที่ชวนข้องใจแน่นอน แต่ ฟลิก ที่เคยเป็นมือขวาของ เลิฟ ในชุดแชมป์โลกปี 2014 ได้สร้างชื่อให้กับตัวเองเรียบร้อย นับตั้งแต่ถูกแต่งตั้งเป็นกุนซือรักษาการกับ บาเยิร์น มิวนิค ในเดือนพฤศจิกายนปี 2019

 

ผลงานหลังจากนั้นทำให้เขากลายเป็นตัวเต็งนั่งเก้าอี้ทัพอินทรีเหล็กในเวลาต่อมา หลังพา เสือใต้ กวาดทริปเบิ้ลแชมป์อย่างยิ่งใหญ่แบบไม่มีใครคาดคิดเมื่อฤดูกาลก่อน และปัจจุบันก็ยังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมอยู่ในฤดูกาลนี้

 

นอกเหนือจากสไตล์การคุมทีมที่เน้นเกมรุก และดูสนุกไม่แพ้ใคร การที่ ฟลิก มีสายสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยมกับแข้งตัวหลักหลายคนในทีมชาติ ไม่ว่าจะเป็น โจชัว คิมมิช, ลีออน โกเร็ตซ์ก้า, เลรอย ซาเน่, แซร์จ นาบรี้ และ มานูเอล นอยเออร์ ยังทำให้เขาถูกจับตามองจาก เดเอฟเบ เช่นกัน

 

ด้วยชื่อเสียง, ความสำเร็จ, ประสบการณ์ในระดับทีมชาติ และมีความเหมาะสมสุด ๆ ในการแก้ไขช่วงเวลาอันตกต่ำในยุคของ เลิฟ อย่าแปลกใจหาก สมาคม ยอมจ่ายค่าฉีกสัญญาที่เหลือ 2 ปีใน อัลลิอันซ์ อารีน่า เพื่อดึง ฟลิก มาเป็นกุนซือคนใหม่ในทีมชาติ

 

 

ยูเลี่ยน นาเกิ้ลส์มันน์

 

 

ประสบการณ์คุมทีม : ฮอฟเฟ่นไฮม์, แอร์เบ ไลป์ซิก

 

นายใหญ่จาก แอร์เบ ไลป์ซิก ถูกพิจารณาให้เป็นหนึ่งในกุนซือหนุ่มที่น่าจับตามองเป็นอันดับต้น ๆ ในยุโรป กับความใส่ใจในรายละเอียด, ความรู้ด้านแทคติก และ สไตล์การบีบพื้นที่สูงที่เล่นงานทีมใหญ่ ๆ มาแล้วพอสมควร

 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้ และ สเปอร์สเมื่อฤดูกาลก่อน คือ 2 ทีมตัวอย่างที่โดนทีมของ นาเกิ้ลส์มันน์ เล่นงานจนสิ้นสภาพ โดยใช้การจู่โจมที่รวดเร็วจากแข้งหนุ่มในทีม, การเปลี่ยนการยืนตำแหน่งระหว่างเกม และ การใช้ประโยชน์จากการทำเกมของคู่แข่งเพื่อหาจังหวะเกมโต้กลับอย่างรวดเร็ว

 

กุนซือดาวรุ่งวัย 33 ปี เป็นที่เลื่องชื่อในเรื่องการฝึกซ้อมที่เข้มข้น และดูแลภาพรวมของการซ้อมในสนามเพื่อให้เขาเข้าใจถึงประเด็นต่าง ๆ และสามารถบอกสิ่งที่เขาต้องการกับนักเตะในทีมได้อย่างทะลุปรุโปร่ง แต่ข้อด้อยที่สุดของเขาก็คือ ประสบการณ์ในเกมระดับสูงน้อยกว่าทุกคนในลิสต์นี้ ซึ่งได้คุมทีมอาชีพเพียง 5 ปีเท่านั้น

 

ปัจจุบัน นาเกิ้ลส์มันน์ มีสัญญากับ ไลป์ซิก จนถึงปี 2023 และมีโอกาสนั่งตำแหน่งใหญ่ในทีมชาติเยอรมัน หลังเป็นอีกคนที่ออกมาปฏิเสธโอกาสคุมทีมชาติบ้านเกิดแล้วในวันเดียวกับที่ เลิฟ ประกาศลาตำแหน่ง 

 

 

คริสเตียน ชไตรช์

 

 

ประสบการณ์คุมทีม : ไฟร์บวร์ก (U-19), ไฟร์บวร์ก (ผู้ช่วย), ไฟร์บวร์ก 

 

ไม่มีใครในเยอรมันที่คุมสโมสรในเมืองเบียร์นานไปกว่า คริสเตียน ชไตรช์ อีกแล้วในตอนนี้ หลังกุนซือวัย 55 ปี ทำหน้าที่นายใหญ่ให้ ไฟร์บวร์ก มาตั้งแต่ปี 2011 จนถึงปัจจุบัน

 

การพูดแบบตรงไปตรงมา และพฤติกรรมที่แปลกประหลาดบ่อยครั้งในงานแถลงข่าวทำให้ ชไตรซ์ เป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอลทางตอนใต้ในเยอรมัน แต่ผลงานที่ยอดเยี่ยมในฐานะโค้ช ก็ทำให้เขาได้รับเสียงชื่นชมเช่นกัน 

 

นับตั้งแต่ได้รับแต่งตั้งให้คุม ไฟร์บวร์ก เมื่อ 10 ปีก่อน ชไตรช์ เปลี่ยนสโมสรโยโย่ที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ในลีกเยอรมัน ให้อยู่รอดปลอดภัยในบุนเดสลีก้านาน 9 ฤดูกาลติด และถึงแม้ ไฟร์บวร์ก เป็นทีมที่ไม่ได้มีงบเสริมทัพมากมายอะไร อาจอยู่อันดับท้าย ๆ ในลีกด้วยซ้ำ แต่ก็มีการเล่นที่น่าดึงดูดใจ พร้อมทีมที่สร้างขึ้นด้วยแข้งที่ถูกโละจากสโมสรอื่น หรือลูกหม้อที่พวกเขาปลุกปั้นขึ้นมาเอง

 

นอกจากนี้ ชไตรช์  ยังเป็นแกนนำในประเด็นทางสังคมมากมายรวมถึงความเท่าเทียมกันทางเพศและการเหยียดเชื้อชาติ ไม่ว่าจะเป็นการบอกว่าเขาไม่ใช่คนเยอรมัน แต่เป็นแค่มนุษย์ที่มีพาสสปอร์ตเยอรมันเท่านั้น รวมถึงอยากเห็นผู้หญิงมีบทบาทในฟุตบอลระดับสูงมากขึ้นด้วย

 

การได้ ชไตรช์ เป็นนายใหญ่ในทีมชาติเยอรมัน อาจช่วยแก้ปัญหาทีมในสนาม และเบื้องหลังที่มีการกล่าวหาว่ามีการเหยียดผิวในสมาคมด้วยเช่นกัน ทว่ามันติดอยู่แค่เรื่องถ้วยรางวัลและความสำเร็จแบบรูปธรรมเท่านั้นที่ ชไตรช์ ไม่เคยทำได้เลยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา