วงการฟุตบอลในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เต็มไปด้วยเรื่องราวที่ยอดเยี่ยม, เหลือเชื่อ และชวนให้ประหลาดใจอยู่หลายๆครั้งในเวลาเดียวกัน
ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แย่งชิงความเป็นยอดนักเตะเบอร์หนึ่งของโลก, เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก แม้มีอัตราต่อรองแค่ 5000/1, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายร่างจากทีมลุ้นแชมป์ลีกเป็นมีลุ้นแค่ท็อปซิกซ์เท่านั้น ขณะที่ ลิเวอร์พูล ยังไม่สามารถคว้าแชมป์ลีกได้เลย
แต่ในทศวรรษต่อไป 2 แข้งดังแห่งยุคจะต้องแขวนสตั๊ดอย่างแน่นอน และเรื่องราวนี้จะสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างแน่อนในโลกลูกหนังอีก 10 ปีข้างหน้า เพียงแต่ว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไร
ทาง UFA ARENA จึงขอทำนายทายทักกับ 10 เหตุการณ์ที่น่าจะเกิดขึ้นกับวงการฟุตบอลในอีก 10 ปีข้างหน้า ผ่านบทความชิ้นนี้กัน
เจอร์ราร์ดกลับมาคุมหงส์แดง
เมื่อพูดถึง ลิเวอร์พูล ตัวเต็งที่จะเข้ามารับตำแหน่งกุนซือของทีมต่อจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ มากที่สุด คงหนีไม้พ้น สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานของสโมสร
ปัจจุบัน อดีตกัปตันหงส์แดง ทำผลงานในเป็นผู้จัดการทีมครั้งแรกได้ดีกับ กลาสโกว เรนเจอร์ส ที่กำลังมีลุ้นเบียดแชมป์ลีกกับ เชลติก ทีมอริตลอดกาลในสก็อตแลนด์
เมื่อไหร่ที่กุนซือชาวเยอรมันก้าวลงจากตำแหน่งเมื่อไหร่ เชื่อว่าเราคงจะเห็น สตีวี่ จี กลับไปยังถิ่นแอนฟิลด์อย่างแน่นอน
โด้-เมสซี่ แขวนสตั๊ด
นี่ไม่ใช่แค่คำทำนาย แต่มันคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นจริงๆในช่วงเวลาดังกล่าวเพราะคริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ 2 ดาวเตะแห่งวงการลูกหนังยุคใหม่ คงต้องแขวนสตั๊ดไปในเวลาไล่เลี่ยกัน
ไม่มีทางที่ โรนัลโด้จะเล่นฟุตบอลอาชีพจนถึง 44 ปี ใน 10 ปีข้างหน้า หรือ เมสซี่ที่จะโชว์ลีลาบนฟลอร์หญ้าไปจนอายุ 42 ปี แต่อย่างน้อยพวกเราคงได้แต่หวังว่า พวกเขาทั้งคู่จะทำงานอยู่วงฟุตบอลต่อไป เหมือนแข้งดังคนอื่นๆหลายคนในตอนนี้
ลูกโด้ตามรอยเท้าพ่อ
ในขณะที่ โรนัลโด้ เลิกเล่นไป อีก 10 ปีข้างหน้า ลูกชายของเขา คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จูเนียร์ จะอายุครบ 19 ปีพอดี และมีโอกาสไม่น้อยที่เขาจะตามรอยเท้าผู้เป็นพ่อด้วยเป็นนักฟุตบอลอาชีพ
แต่บนโลกนี้มีลูกแข้งดังไม่กี่คนหรอกที่ประสบความสำเร็จเทียบเท่าหรือมากกว่าผู้เป็นพ่อ เพราะฉะนั้นโอกาสที่เราจะได้เห็น โรนัลโด้ จูเนียร์ คว้าบัลลงดอร์ได้ 5 สมัย เหมือนพ่อ คงเป็นแค่ความฝันมากกว่า
เอ็มบัปเป้ คว้า บัลลงดอร์
เมื่อ เมสซี่ และ โรนัลโด้ บอกลาอาชีพค้าแข้งแล้ว ก็ถึงเวลาที่ดาวเตะรุ่นใหม่จะกลายเป็นแข้งเบอร์หนึ่งของโลก และคนที่คาดว่าจะทำอย่างนั้นได้คือ คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ ดาวยิงหนุ่มของปารีส แซงต์ แชร์กแมง
ด้วยวัยเพียงแค่ 21 ปี เขายิงประตูได้มากกว่าทั้ง โรนัลโด้ หรือ เมสซี่ ในช่วงอายุเท่ากัน และด้วยลีลาการจบสกอร์ที่ร้อนแรง น่าจะทำให้ เอ็มบัปเป้ เป็นตัวเต็งของรางวัลนี้ตั้งแต่ปี 2020 จนถึงปี 2030 เลย
อย่างไรก็ตาม หากแข้งชาวฝรั่งเศสได้รางวัลนี้จริงๆ คงไม่ใช่ตอนที่เขาค้าแข้งในบ้านเกิดกับ เปแอชเช เป็นแน่แท้
เนย์มาร์คว้าตำแหน่งดาวยิงสูงสุดในทีมชาติตลอดกาล
โรนัลโด้ กำลังทำสถิติไล่ตามหลัง อาลี ดาอี ดาวยิงทีมชาติอิหร่านที่ยิงประตูในทีมมากที่สุดแค่ 10 ประตูเท่านั้น และเชื่อว่าแข้งชาวโปรตุเกสจะทำได้แตะ 109 ประตูแน่ๆ
เพียงแต่ เนยมาร์ แข้งจอมพริ้วทีมชาติบราซิล ก็มีแววไม่น้อยที่เขาจะทำลายสถิตินั้นลงได้ หลังตอนนี้ยิงไป 61 ลูกให้ทัพเซเลเซา
แข้งเปแอชเชอาจต้องยิงมากถึง 48 ลูก เพื่อทำสถิติเทียบเท่า แต่ด้วยความที่เขาอายุ 27 ปี ทำให้มีเวลาในทีมชาติพอสมควร และภายใน 6 ปี เขาคงทำสถิตินี้เทียบเท่า ดาอี แล้ว ถ้าหากเขายิงได้อย่างน้อย 8 ประตูต่อปี
และขอบอกให้รู้ไว้ว่า เนย์มาร์เคยยิงในทีมมากถึง 15 ประตูมาแล้วในปี 2015 ด้วย
ชาบี หวนรับงานที่คัมป์ นู
เช่นเดียวกับ เจอร์ราร์ด ชาบี ที่เคยค้าแข้งและประสบความสำเร็จอย่างมากในฐานะนักเตะกับ บาร์เซโลน่า น่าจะเป็นอีกคนที่กลับมารับงานคุมทีมเก่าของเขาอีกครั้ง โดยเขาลงเล่นไปมากกว่า 800 นัดกับทีมต่างดาว ก่อนจะย้ายไปแขวนสตั๊ดกับสโมสรในกาตาร์
ปัจจุบัน อดีตกองกลางทีมชาติสเปนวัย 39 ปี ผันตัวมาเป็นผู้จัดการทีมเต็มตัวกับ ทีม อัล ซาด และไม่แน่ ชาบีอาจตามรอย เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ประสบความสำเร็จในฐานะกุนซือกับ บาร์ซ่า ก็เป็นได้
เคนทำสถิติใหม่ในลีกและทีมชาติอังกฤษ
แฮร์รี่ เคน รั้งอันดับที่ 13 ของดาวยิงสูงสุดตลอดกาลในพรีเมียร์ลีก โดยยิงไปทั้งสิ้น 136 ประตู ตามหลัง อลัน เชียเรอร์ ดาวยิงรุ่นพี่ที่ยิงไป 260 ประตู พอสมควร
มันจะต้องใกล้เคียงมากกว่านี้แน่ๆ ถ้าหากเขายังค้าแข้งในอังกฤษต่อไปจนอายุ 36 ปี และต้องทำประตูให้ได้อย่างน้อย 12 ลูกต่อฤดูกาล ก็จะทำลายสถิติของแข้งฉายา ‘ฮ็อตช็อต’ ได้
เชื่อว่า เขาจะทำได้ดีกว่าที่คาดไว้แน่ๆใน 3-4 ฤดูกาลข้างหน้า รวมถึงสถิติดาวซัลโวสูงสุดในทีมชาติอังกฤษที่ เวย์น รูนี่ย์ ทำไว้ ก็น่าจะง่ายกว่ากันเยอะ เพราะเขาตามหลังแค่ 21 ประตูเท่านั้น (รูนี่ย์ 53, เคน 32)
พรีเมียร์ลีกเตะในทวีปอื่น
เกมการแข่งขันนัดที่ 39 กลายเป็นพูดถึงในอดีต ขณะที่เกมอย่าง อิตาเลี่ยน ซุปเปอร์ คัพ ก็บินไปแข่งขันกันที่ ซาอุดิอาราเบีย ส่วน ลาลีก้า กำลังพูดคุยถึงความเป็นไปได้ในการแข่งขันฟุตบอลลีกในประเทศต่างแดน
ดังนั้น หากในอนาคตข้าง เกมพรีเมียร์ลีกจะโยกย้ายไปเตะกันที่ จีน, สหรัฐอเมริกา หรือ ประเทศในเขตตะวันออกกลาง ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกใจเท่าไหร่ แม้มันจะดูตะขิดตะขวงใจอยู่บ้างก็ตาม
เพดานค่าเหนื่อย
ค่าจ้างที่สูงเกินจำเป็นในตลาดลูกหนังทั่วโลกทำให้ นักเตะอย่าง เมซุต โอซิล หรือ อเล็กซิส ซานเชซ ได้รับค่าเหนื่อยมากถึงครึ่งล้านปอนด์ภายในเวลาแค่สัปดาห์เดียว ขณะที่ทีมขนาดรองลงมาไม่มีโอกาสคว้านักเตะระดับนั้นมาได้เลย หากเงินของทีมไม่ถึงจริงๆ
เพราะฉะนั้น เราอาจจะได้เห็นการแข่งฟุตบอลในยุโรป จัดตั้งเพดานค่าเหนื่อยของพวกเขาขึ้นมา เหมือนกับ กีฬาอาชีพในอเมริกา เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำไม่ให้ทีมใดทีมหนึ่งได้เปรียบจากการรวบรวมนักกีฬาชั้นนำมาอยู่ในทีมเดียวกันมากจนเกินไป
นักเตะเกย์เริ่มเปิดเผยในพรีเมียร์ลีก
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นลีกประเทศแรกๆที่รณรงค์เรื่องเพศทางเลือกมากขึ้น และใช้ธงสีรุ้งเป็นสัญลักษณ์ในการแข่งขันบางนัดด้วย
และด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ประกอบความเข้าใจในเพศที่ 3 ที่มีเพิ่มมากขึ้นทั่วโลก เราหวังว่า นักเตะที่เป็นเกย์ในพรีเมียร์ลีก จะสามารถเปิดเผยรสนิยมทางเพศของตนเองได้อย่างปลอดภัยในทันทีที่พวกเขาพร้อม
