น้องใหม่แล้วไง : ทำไมเบรนท์ฟอร์ดถึงโดดเด่นในมือ โธมัส แฟรงค์

เบรนท์ฟอร์ด

ถึงแม้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรกับการขึ้นมาเล่นบนพรีเมียร์ลีก แต่ เบรนท์ฟอร์ด กลับทำผลงานได้โดดเด่นเกินหน้าเกินตาทีมน้องใหม่ในฤดูกาลนี้เหลือเกิน

นี่คงเป็นการออกสตาร์ทเหมือนฝันสำหรับ พรพรรค ‘เดอะ บีส์’ ในมือของ โธมัส แฟรงค์ ผู้จัดการทีมคนเก่ง ด้วยการรั้งอันดับ 7 ในตาราง พ่ายแค่นัดเดียวจาก 7 เกมแรก และที่สำคัญสู้กับทีมใหญ่สูสีไม่เป็นรองเลย

เวลาผ่านไปเกือบ 5 เดือนหลังจากทีมคว้าแชมป์เพลย์ออฟในแชมเปี้ยนส์ชิพ นอริช ที่เลื่อนชั้นในฐานะแชมป์ลีกรอง กลับหาชัยชนะนัดแรกไม่เจอ ขณะที่รองแชมป์อย่าง วัตฟอร์ด ก็มีการเปลี่ยนผู้จัดการทีมไปแล้ว ช่างแตกต่างจากสโมสรน้องใหม่จาก ลอนดอน ซึ่งมีเพียง 6 ทีมที่ยิงประตูมากกว่า และแค่ 3 ทีมที่เสียประตูน้อยกว่าพวกเขาในตอนนี้จาก 7 เกมแรกในลีก

ว่าแต่พลพรรคทีมผึ้งทำแบบนั้นได้อย่างไร UFA ARENA จะพาไปวิเคราะห์หาคำตอบผ่านบทความชิ้นนี้กัน

 

เล่นด้วยมาตรฐานระดับลีกสูงสุด

Championship play-off final: Brentford promoted to Premier League after  winning 'football's richest game' | UK News | Sky News

เบรนท์ฟอร์ด เป็นทีมที่ดีและอยู่ในเส้นทางที่เหมาะสม ซึ่งอยู่ในลักษณะนี้มานานหลายปีแล้ว แต่พวกเขาพัฒนาขึ้นเรื่อยๆตลอดช่วงเวลาที่โลดแล่นอยู่ใน แชมเปี้ยนส์ชิพ และดูดีกว่าที่ตารางคะแนนแสดงออกมาหลังจบฤดูกาล โดยเฉพาะช่วง 2 ฤดูกาลก่อน

เดอะ บีส์ กดประตูไปมากกว่าทุกทีมในช่วง 2 ฤดูกาลหลังสุด (80 และ 79) และมีค่าความคาดหวังว่าจะทำแต้มจบตำแหน่งเลื่อนชั้นอัตโนมัติทั้ง 2 ปีนั้น จากการอ้างอิงของ Wyscout อีกทั้งพวกเขายังสร้างโอกาสทำประตูมากที่สุดเป็นอันดับ (607 และ 668) และ อันดับ 2 ในการสัมผัสบอลในกรอบเขตโทษคู่แข่ง (960 และ 1,109) ตามหลังแชมป์ลีกรองเท่านั้น

ด้วยความพยายามและความตั้งใจเหล่านั้น ทำให้พวกเขาเล่นอยู่ในระดับเดียวกับสโมสรจากพรีเมียร์ลีกแล้วนั่นเอง

พีระมิดฟุตบอลอังกฤษโดยทั่วไปแล้วถูกมองว่าลีกบนๆย่อมมีความสามารถมากกว่าลีกรองลงมาตามลำดับ แต่ในความเป็นจริงมีความเหลื่อมล้ำกันมากระหว่างดิวิชั่น หลายคนสามารถโต้แย้งได้ว่าอย่างน้อยที่สุด 6 อันดับแรกจากพรีเมียร์ลีกและแชมป์เปี้ยนชิพสามารถสับเปลี่ยนกันได้ตลอดฤดูกาล

ถึงแม้จะยากจะนำมาเทียบกัน แต่ใน 90 นาทีของฤดูกาลที่แล้ว ทีมผึ้งมีค่าเฉลี่ยทำประตูได้ (1.72) สร้างโอกาสได้ (10) ยิงได้า (13.4) เปลี่ยนโอกาสเป็นประตูได้ (12.8%) เสียประตู (0.91) โอกาสยิงเฉลี่ย (8.6) และครองบอล (55.6%) เหนือกว่า ไบรท์ตัน, เซาแธมป์ตัน, วูล์ฟแฮมป์ตัน และคริสตัล พาเลซ ในทุกด้านที่กล่าวมา

และมันชัดเจนมากที่ทีมของ แฟรงค์ เอาชนะทีมในพรีเมียร์ลีก 4 ทีม ซึ่งได้แก่ เซาแธมป์ตัน, เวสต์บรอมวิช, ฟูแล่ม และนิวคาสเซิ่ล ในลีกคัพ เมื่อฤดูกาล ก่อนพ่ายให้กับ สเปอร์ส ในรอบตัดเชือก สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความบังเอิญที่สามารถสร้างการยิงเข้าประตูมากกว่าคู่ต่อสู้ได้ 3 จาก 5 ทีมเหล่านี้

ฟอร์มการเล่นเหล่านี้ช่วยเพิ่มความมั่นใจได้อย่างมหาศาล ช่วยให้พวกเขารู้ดีว่าทีมของพวกเขามีคุณภาพระดับพรีเมียร์ลีก ขณะที่เล่นในแชมเปี้ยนส์ชิพ และพวกเขาก็มีความเชื่อมั่นเหล่านั้นอยู่เต็มเปี่ยมในฤดูกาลนี้

 

ความต่อเนื่องและมั่นคงนอกสนาม

Sergi Canos and Christian Norgaard give Brentford unforgettable opening  night victory over Arsenal - Eurosport

ไม่ว่าสโมสรจากลอนดอนจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ไม่ว่าจะเป็นากรเลื่อนชั้น, ปิดดีลขายดาวซัลโวด้วยสถิติสโมสร ทุกสถานการณ์เหล่านั้นถูกวิเคราะห์มาอย่างถี่ถ้วนรอบคอบ ไม่ใช่การตัดสินใจแบบเร่งด่วน ซึ่งช่วยให้สโมสรเติบโตได้ต่อเนื่องและมั่นคงในทุกๆด้าน

ยกตัวอย่างเช่น เมื่อผู้เล่นตัวหลักถูกขายออกไป เบรนท์ฟอร์ด ก็ยังเป็นทีมเดิมในหลายฤดูกาลต่อมา ผู้อำนวยการด้านกีฬาอย่าง ฟิล กิลส์ และ ราสมุส แอนเคอร์เซ่น ผู้ทำหน้าที่นี้มาตั้งแต่ปี 2015 ก็ไม่เคยตกหลุมพรางซื้อแข้งจำพวกมากประสบการณ์ในเวทีพรีเมียร์ลีกเข้ามาด้วยซ้ำ

แฟรงค์ กล่าวได้อย่างน่าสนใจกับการให้สัมภาษณ์กับ แกรี่ เนวิลล์ ก่อนเกมคว้าชัยเหนือ อาร์เซน่อล 2-0 ในนัดเปิดฤดูกาล เมื่อถูกถามว่ากังวลกับทีมที่มีในตอนนี้หรือไม่

กุนซือชาวเดนส์ ตอบกลับไปอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ไม่เลย ผมคิดว่าหากพวกเขามีทักษะเพียงพอ พวกเขาสามารถเล่นได้ เรามีนักเตะที่ติดทีมชาติอยู่ 2-3 คน บางคนก็เคยเล่นในยูโรแล้ว ดังนั้นผมจึงคิดว่านั่นไม่สำคัญ”

หลังชัยชนะในเกมวัน นั่นทำให้ เนวิลล์ผู้พี่ ตื่นเต้นไม่น้อย เนื่องจาก ‘เดอะ บีส์’ ชุดนี้ ไม่มีผู้เล่นประเภทที่เคยอยู่กับทีมตกชั้นและย้ายไปเล่นให้เลย แถมยังเสริมแดนกลางด้วยการคว้า แฟรงต์ ออนเยก้า แข้งทีมชาติไนจีเรียวัย 23 ปี จาก มิดทิลแลนด์ สโมสรในเครือจาก เดนมาร์ก มาร่วมทีม

  นั่นเป็นความสม่ำเสมอในการเสริมทีมด้วยการดึงนักเตะหนุ่มฝีเท้าดีเข้ามา นั่นทำให้ สโมสรจากลอนดอน พัฒนาขึ้นเป็นเท่าตัว ซึ่งเป็นทีมที่มีค่าเฉลี่ยอายุน้อยที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ (24.8 ปี)

และนั่นหมายความว่าสโมสรไม่ต้องทำงานหนักในการเสริมทัพช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาด้วย โดยคว้าผู้เล่นใหม่เพียง 5 คน โดยมี 2 คนที่เป็นตัวจริงในเกมเสมอกับ ลิเวอร์พูล แบบสุดมันส์ 3-3 ก็คือ ออนเยก้า และ คริสตอฟเฟอร์ อาเยอร์ กองหลังที่ดึงมาจาก กลาสโกว เซลติก ซึ่งทั้งคู่เข้ากับระบบทีมเป็นอย่างดี

หากไม่รวมแข้งใหม่ มีนักเตะ 2 คนเท่านั้นใน 11 ตัวจริงหลักของทีมที่เพิ่งเข้าสู่ปีที่ 2 ในสโมสร นั่นก็คือ อิวาน โตนี่ย์ และ วิตาลี่ ยาเนลต์ ขณะที่คนอื่นๆทั้งผู้รักษาประตู ดาบิด ราย่า, เซ็นเตอร์แบ็ค อย่าง พอนตุส ยานส์สัน และ อีธาน พินน็อค, กองกลางอย่าง คริสเตียน นอร์การ์ด และ กองหน้า ไบรอัน เอ็มบูโม่ ก็อยู่กับทีมนาน 3 ปีแล้ว

ส่วนคนอื่นก็อยู่กับทีมมานานกว่านั้น ทั้ง เซร์กี้ คาญอส ในปีที่ 5 และ ริโก้ เฮนรี่ ในปีที่ 6 ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้เล่นรู้จักกันและกันมากขึ้น และบทบาทหน้าที่ของพวกเขาที่พัฒนาไปพร้อมๆกัน

อีกทั้งยังสามารถพูดแบบนี้ได้เช่นกันกับเหล่าสต๊าฟในทีม ทั้ง แฟรงค์ ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของ ดีน สมิธ นาน 2 ปี ก่อนขึ้นมารับช่วงต่อแทนที่ในปี 2018 โดยได้ ไบรอัน ริเมอร์ เป็นมือขวาของเขาตั้งแต่ตอนนั้น, นีล เกร็ก หัวหน้าทีมแพทย์ที่อยู่กับสโมสรตั้งแต่ปี 2010 และหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์อย่าง ลุค สต็อปฟอร์ธ ก็ทำหน้าที่นี้ในทีมนานยิ่งกว่าใคร และที่ขาดไปไม่ได้คือ เควิน โอคอนเนอร์ มือขวาอีกคนของ แฟรงค์ ที่อยู่กับทีมมานานกว่า 20 ปี ทั้งในฐานะนักเตะและโค้ช

 

ผลกระทบจากชายนามว่า ‘แฟรงค์’

ณ ช่วงเวลาหนึ่งระหว่างการเฉลิมฉลองหลังชัยชนะเกมพบ อาร์เซนอล ของ เบรนท์ฟอร์ด แฟรงค์วิ่งไปหาแฟนบอลหนุ่มในหมู่กองเชียร์ พร้อมยกมือขึ้นประสานกันด้วยความเบิกบานใจราวพ่อเห็นลูกเดินได้ก้าวแรก ไม่เพียงแต่สื่อถึงอารมณ์ในช่วงเวลานั้นๆ แต่ยังรวมถึงธรรมชาติที่อบอุ่นและตรงไปตรงมาของผู้จัดการทีมจากเดนมาร์กด้วย

ทว่าในฐานะโค้ชในวงการฟุตบอลอังกฤษ เขาอาจยังคงมีเครื่องหมายคำถามอยู่บ้าง เนื่องจากเขาดำรงตำแหน่งกุนซือเพียงไม่กี่ปีที่นี่ แต่ประสบการณ์การฝึกสอนของโค้ชแดนโคนมนั้นมีพอตัวและความเฉลียวฉลาด ความเข้าใจเกมของเขาที่ลึกล้ำไม่น้อย ทำให้แฟรงค์เป็นหนึ่งในโค้ชที่ถูกพูดถึงเป็นอันดับต้น ๆ ในยุโรปอย่างไม่ต้องสงสัยในช่วงที่ผ่านมา

“ผู้จัดการทีมคนนี้มีบางอย่างในตัวเขา วิธีที่เขาพูด ในตาของเขา” เจมี่ คาร์ราเกอร์ กล่าวหลังเกมที่เสมอกับ ลิเวอร์พูล รายการ Monday Night Football

“คำตอบของเขามั่นใจมาก ผมคิดว่าเขาจะเป็นตัวเองจริงๆและมีคาแร็คเตอร์ในลีกนี้ ผมคิดว่าเราจะสนุกไปกับเขาและทีมของเขาด้วย”

นอกจาก คาร์ร่า แล้ว เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็สังเกตุเห็นเช่นกัน เมื่อกล่าวก่อนเกมนั้นว่า “ผมได้ดูงานแถลงข่าวของ โธมัส และมันเป็นหนึ่งในสิ่งที่สนุกสนานที่สุดที่ผมเคยดูมากับช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มันดีมากจริงๆ”

“แต่ฟุตบอลที่พวกเขาเล่นนั้นน่าเหลือเชื่อและการจัดการก็น่าเหลือเชื่อ ดังนั้นแน่นอนว่าโธมัส และ เบรนท์ฟอร์ด กำลังทำงานที่เหลือเชื่อ พวกเขาเป็นทีมฟุตบอลที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีอย่างสุดยอด ทุกคนรู้ว่าต้องทำอะไร ทุกคนพร้อมที่จะทำงานหนักเพิ่มเติม”

SWIMMING WORDS Thomas Frank says connections to Man Utd and Arsenal manager  jobs have been "very nice" but are "insanely happy" in Brentford - Latest  Page News

จะว่าไปแนวทางการทำทีมของ แฟรงค์ ก็คล้ายคลึงกับ คล็อปป์ เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการทำทีมฟุตบอลที่เน้นเกมรุก และการสร้างโอกาสที่มีคุณภาพสูงในกรอบเขตโทษ

นั่นเป็นสิ่งที่ เบรนฟอร์ด แสดงให้เห็นในเกมส่วนใหญ่ ทั้งการยิงประตูในกรอบมากเหนือทีมไหน (10) มีเพียง เอฟเวอร์ตัน ที่มีค่าเฉลี่ยผ่านบอลสำเร็จโดยเฉลี่ยน้อยกว่า (132 กับ 166) และสัมผัสบอลในกรอบเขตโทษคู่แข่งน้อยครั้งกว่าต่อ 1 ประตูที่ทำได้ (10.5 กับ 12)

นอกจากนี้ กุนซือชาวเดนส์ ยังแสดงให้เห็นการวางแผนและสลับกลยุทธ์ที่คุณสามารถเห็นได้จากโค้ชระดับท็อปของวงการ ด้วยการเปลี่ยนไปเล่นฟุตบอลแบบไดเร็กต์ในเกมพบ ‘หงส์แดง’ จนทำให้ คล็อปป์ หัวเสียเหมือนกัน

ซึ่งเจ้าตัวเปรยเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ก่อนเกมแล้วว่า “ผมชอบที่มีระบบที่เราใช้งานได้ เพื่อรักษาโครงสร้างและความสม่ำเสมอ นั่นทำให้ผู้เล่นรูปแบบที่ชัดเจน แต่แน่นอนว่าผมก็รู้ว่าต้องมีการยืดหยุ่นด้วยเช่นกัน” และนั่นคือสิ่งที่พวกเขาทำให้เกมพบยอดทีมจาก เมอร์ซี่ย์ไซด์

ทีมงานของเบรนท์ฟอร์ดทุกคนทำงานได้ดีในฤดูกาลนี้ และผู้ช่วย ไบรอัน รีเมอร์ สมควรได้รับเครดิตสำหรับรูปแบบเกมรับที่แข็งแกร่งและมีวินัย แต่การมี แฟรงค์ เป็นกุนซือทำให้พวกเขาทั้งหมดมั่นใจมากขึ้น แถมเป็นคนที่เหมาะสมในการเป็นผู้นำหรือเป็นหน้าเป็นตาให้กับสโมสร 

ผลกระทบของเขาที่มีต่อทีมในลีกสูงสุดทั้งในและนอกสนามนั้นเป็นปัจจัยสำคัญอย่างไม่ต้องสงสัย และคาดว่าเราจะเห็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมจากทีมของ แฟรงค์ อย่างแน่นอนในอีก 8 เดือนที่เหลือต่อจากนี้

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทีมน้องใหม่ประวัติศาสตร์ : เมื่อเร้ดดิ้งคว้าอันดับ 8 กับปีแรกบนลีกสูงสุด