ตั้งแต่เจอร์เก้นส์ คล็อปป์ ก้าวขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมของลิเวอร์พูล นายใหญ่ชาวเยอรมันผู้นี้ได้เซ็นสัญญาคว้าผู้เล่นมามากหน้าหลายตา ซึ่งบางคนก็เล่นคุ้มค่าเหนื่อยและทำผลงานได้ดีส่วนบางรายก็ไม่สามารถปรับตัวหรือแจ้งเกิดได้ โดยนักเตะ 21 คนที่กุนซือเจ้าของฉายาเฮฟวี่ เมทัล ได้ดึงมานั้น มี 17 แข้งที่ยังอยู่ในชุดปัจจุบัน โดยในระยะเวลา 4 ปีเขาได้สร้างทีมที่โดดเด่นขึ้นมาภายใต้บรรดานักเตะที่เขาคัดสรรค์มาอย่างดิบดีจนพาสโมสรกลายเป็นยอดทีมของยุโรปในเวลานี้ ซึ่งวันนี้ทีมงาน UFA Arena.com จะพาไปจัดอันดับไล่เรียงกันสักหน่อยว่าการเซ็นสัญญานักเตะของคล็อปป์จากแย่สุดไปถึงดีที่สุดมีใครกันบ้าง
21.ลอริส คาริอุส
ลอริส คาริอุสเคยเป็นมือ 1 ให้กับหงส์แดงอยู่ช่วงหนึ่ง จนกระทั่งตกไปเป็นมือสองและก็หลุดจากวงโคจรสารบบในทีมชุดใหญ่ของลิเวอร์พูลไปเลย นายทวารชาวเยอรมันเป็นที่จดจำของเหล่าสาวกเดอะค็อปได้อย่างดิบดีกับความผิดพลาด 2 หนในรอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อปี2018
สำหรับตอนนี้คาริอุสถูกลิเวอร์พูลปล่อยตัวให้กับเบซิคตัสยืมตัวไปใช้งานเพื่อหวังจะเรียกฟอร์มเก่งกลับมาอีกครั้ง
20.แอนดี้ โลเนอร์แกน
แอนดี้ โลเนอร์แกน ถูกดึงตัวเข้ามาแบบฟรีๆระยะสั้นๆเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาหลังจากอลิสสัน เบ็คเกอร์ บาดเจ็บตั้งแต่เกมแรกในศึกพรีเมียร์ลีก โดยปัจจุบันผู้รักษาประตูจอมเก๋ารายนี้เป็นตัวเลือกอันดับ 4 ของทีมและโอกาสเฝ้าเสาของเขาในฤดูกาลนี้คงจะเป็นเรื่องยากไปแล้ว
19..อเล็กซ์ แมนนิงเกอร์
อเล็กซ์ แมนนิงเกอร์ ถูกเซ็นสัญญาเข้ามาในฐานะประตูมือสามของลิเวอร์พูลเมื่อปี 2016 และการปรากฏตัวครั้งแรกและครั้งเดียวของเขาเกิดขึ้นในแมตช์อุ่นเครื่องที่หงส์แดงโดนไมนซ์ถล่มไป 4-0 และหลังจากจบฤดูกาลดังกล่าวนายทวารชาวออสเตรียก็แขวนถุงมือปิดฉากอาชีพนักฟุตบอลอย่างเป็นทางการ
18.สตีเฟ่น คอลเกอร์
คล็อปป์เซ็นสัญญากับคอลเกอร์ในรูปแบบของการยืมตัวเมื่อเดือนมกราคมปี 2016 เขามักจะถูกส่งลงไปในสนามหลายต่อหลายครั้งยามที่ทีมต้องการประตู แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็ไม่ได้ย้ายมาอยู่กับลิเวอร์พูลแบบถาวร โดยปัจจุบันกองหลังชาวอังกฤษผู้นี้กำลังเล่นให้กับสโมสรในลีกตุรกีอย่างอลันยาสปอร์
17.เซปป์ ฟาน เด็น เบิร์ก
ลิเวอร์พูลได้เซ็นสัญญากับเซ็นเตอร์แบ็ควัย 17 ปีในช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมาตัดหน้าบาเยิร์น มิวนิคที่สนใจกองหลังอนาคตไกลรายนี้อยู่เช่นกัน เขาถูกคาดหมายว่าจะแจ้งเกิดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ โดยคล็อปป์ให้โอกาสเขาลงสนามไปแล้วในเกมคาราบาวคัพกับมิลตัน คีนส์ ดอนส์
16.ฮาร์วีย์ เอลเลียต
ฮาร์วีย์ เอลเลียตกลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นในศึกพรีเมียร์ลีก และเขาก็ถูกเชื่อมโยงกับบรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรปหลายทีมที่จ้องจะจับเขาเซ็นสัญญาเมื่อช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา แต่เขาตัดสินใจเลือกมาอยู่กับลิเวอร์พูลซึ่งเป็นทีมโปรดของเขา
เอลเลียตสร้างความประทับใจให้กับสโมสรใหม่ของเขาได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมอุ่นเครื่องเมื่อช่วงปรีซีซั่น ก่อนที่จะถูกส่งลงเล่นอย่างเป็นทางการในเกมลีกคัพกับเอ็มเคดอนส์
15.โดมินิค โซลันเก้
ลิเวอร์พูลเซ็นสัญญากับ โดมินิค โซลันเก้ในปี 2017 หลังจากเขาผงาดคว้ารางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมในทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ซึ่งอังกฤษได้เป็นแชมป์ในรายการดังกล่าว ส่วนการลงเล่นในชุดหงส์แดงเขาทำไปแค่หนึ่งประตูและได้รับโอกาสลงสนามให้กับทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่
เขาถูกขายให้กับบอร์นมัธในเดือนมกราคมปี 2019 ซึ่งลิเวอร์พูลได้กำไรจากการขายในครั้งนี้ประมาณ 16 ล้านปอนด์ และคงจะมีเพียงสิ่งนี้สิ่งเดียวที่พอจะทำให้เหล่าสาวกเดอะค็อปใจชื้นขึ้นมาบ้าง
14.มาร์โก้ กรูยิช
มาร์โก้ กรูยิช เป็นผู้เล่นรายแรกที่คล็อปป์เซ็นสัญญาเข้ามาในฐานะผู้จัดการทีมของลิเวอร์พูลเมื่อเดือนมกราคมปี 2016 โดยดาวเตะชาวเซอร์เบียลงสนามให้กับหงส์แดงไป 14 แมตช์ แต่ฟอร์มการเล่นของเขากลับไปโดดเด่นในเวทีบุนเดสลีกากับแฮร์ธ่า เบอร์ลิน
พา ดาได อดีตผู้จัดการทีมของ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน เคยกล่าวไว้ว่า ‘ผมอยู่ที่ แฮร์ธ่า มา 22 ปี และสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ไม่ได้มีเจตนาจะดูหมิ่นคนอื่นเลย แต่ผมคิดว่า มาร์โก้เป็นกองกลางที่ดีที่สุดเท่าที่สโมสรเคยมีมา”เวลาเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์เองว่าแข้งวัย 24 ปีมีค่าพอกับลิเวอร์พูลหรือไม่
13.รักนาร์ กลาวัน
รักนาร์ กลาวัน ถูกดึงเข้ามาเพื่อที่จะเป็นกำลังสำรองให้กับทัพหงส์แดงเมื่อปี 2016 เขาลงเล่นให้กับทีมไป 52 เกมในตลอดระยะเวลา 2 ฤดูกาล ก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับกายารี่ แฟนบอลลิเวอร์พูลชื่นชอบความเป็นมืออาชีพและทัศนคติของเขา แม้ว่าเซ็นเตอร์ฮาล์ฟชาวเอสโตเนียรายนี้ จะไม่โดดเด่นในเรื่องของเกมรับมากนักก็ตาม
12.นาบี เกอิต้า
แฟนบอลลิเวอร์พูลต้องใช้เวลาเกือบ 1 ปี กว่าจะเห็นฝีไม้ลายมือของ นาบี เกอิต้า ซึ่งถูกคาดหวังว่าจะเป็นการเสริมทัพที่ยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตามด้วยอาการบาดเจ็บทำให้เขาไม่ค่อยได้ลงสนามมากนัก แต่เมื่อใดที่เขาได้รับโอกาสเขาจะไม่ทำให้แฟนเดอะค็อปผิดหวังกับค่าตัว 50 ล้านปอนด์ที่เสียไปอย่างแน่นอน และด้วยวัยแค่ 24 ปี แข้งกาฬทวีปรายนี้จะกลายเป็นผู้เล่นที่สำคัญในอนาคตของเร้ด แมชชีนได้แบบไม่ต้องสงสัย
11.เอเดรียน
เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคมของปีนี้ เอเดรียนซึ่งไร้สังกัดอยู่ในเวลานั้นหลังจากถูกปล่อยตัวออกมาจากเวสต์แฮม จนกระทั่งสองสัปดาห์ต่อมาเขาโชว์เซฟจุดโทษช่วยให้ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ยูฟ่าซูเปอร์คัพมาครองได้สำเร็จและยังได้รับโอกาสเฝ้าเสาต่อเนื่องแทนที่อลิสสัน เบ็คเกอร์ ที่ได้รับบาดเจ็บ
10.เซอร์ดาน ชากิรี่
เซอร์ดาน ชากิรี่ เป็นผู้เล่นระดับคุณภาพอยู่แล้วสำหรับเวทีพรีเมียร์ลีก แต่คงไม่ใช่ในสีเสื้อของลิเวอร์พูล แต่ถึงอย่างไรเขาก็ทำประตูให้กับทีมได้ 6 ลูกและจ่ายให้เพื่อนร่วมทีมยิงประตูอีก 5 ครั้ง ดาวเตะทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์เป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอลเดอะค็อปเป็นอย่างมากในเกมที่เขาจัดการซัดคนเดียว 2 ตุงใส่อริตลอดกาลอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเมื่อซีซั่นก่อน
9.อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน
มีหลายคนที่ถากถางลิเวอร์พูลกับการใช้เงิน 35 ล้านปอนด์เพื่อแลกกับ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน แต่เขากลับกลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญของหงส์แดงในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังของปี 2017/18 ก่อนที่จะได้รับบาดเจ็บหนักจนต้องพักยาวเกือบปี
ดาวเตะทีมชาติอังกฤษกำลังเรียกฟอร์มเก่งและต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งตัวจริงในชุด 11 คนแรกกลับมา ซึ่งแมตช์ล่าสุดในเกมยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกกับเกงค์เขาก็ทำประตูสุดสวยให้กับทีมได้ด้วย
8.โจเอล มาติป
คล็อปป์ รู้ว่าการวางรากฐานในแนวรับของลิเวอร์พูลจำเป็นต้องอย่างมากในการต่อกรกับบรรดาสโมสรชั้นนำของยุโรป นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เขาเซ็นสัญญากับ โจเอล มาติป มาร่วมทีมแบบฟรีๆ
อดีตดาวเตะของชาลเก้ต้องต่อสู้กับอาการบาดเจ็บตลอดในช่วงสองฤดูกาลแรกของเขากับลิเวอร์พูล แต่เมื่อซีซั่นก่อนเขาก็จับคู่กับเวอร์จิล ฟาน ไดจ์คได้อย่างแข็งแกร่งในตำแหน่งปราการหลังตัวกลางและช่วยพาหงส์แดงผงาดคว้าถ้วยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกมาครองได้สำเร็จ
7.ฟาบินโญ่
ลิเวอร์พูลได้ทำการประกาศเซ็นสัญญากับ ฟาบินโญ่ สองวันหลังจากพวกเขาพ่ายแพ้ต่อเรอัล มาดริด ในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อปี 2018 ซึ่งก็น่าจะทำให้แฟนบอลเดอะค็อปลืมความผิดหวังของพวกเขาลงได้บ้างไม่มากก็น้อย เขาใช้เวลาพอสมควรในการปรับตัวให้คุ้นกับสไตล์บอลอังกฤษ โดยปัจจุบันเขาเป็นผู้เล่นที่ทีมขาดไม่ได้เลยทีเดียว
6.จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม
ไวจ์นัลดุม ย้ายจากนิวคาสเซิลมาอยู่กับลิเวอร์พูลเมื่อปี 2016 ซึ่งที่เซนต์เจมส์ปาร์คเขารับบทบาทในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกหรือไม่ก็ปีก แต่เมื่อมาอยู่ในมือคล็อปป์กุนซือชาวเยอรมันได้ปรับให้กองกลางชาวฮอลแลนด์ไปเล่นเป็นกองกลางเชิงรับและก็แจ้งเกิดแต่นั้นมา โดยไฮไลท์หนึ่งในการค้าแข้งของเขากับหงส์แดงก็คือการยิงประตูใส่บาร์เซโลน่าในรอบรองชนะเลิศในถ้วยยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก
5.อลิสสัน เบ็คเกอร์
ลิเวอร์พูลจัดการทุบสถิติโลกในตำแหน่งผู้รักษาประตูเมื่อพวกเขาเซ็นสัญญาคว้าตัวอลิสสันมาร่วมทีมเพื่อมาแทนที่ คาริอุส ที่โชว์ฟอร์มออกทะเลในถ้วยแชมเปียนส์ลีก ซึ่งแค่ฤดูกาลแรก อลิสสัน ก็ผงาดคว้ารางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมทั้งในพรีเมียร์ลีกและยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกรวมทั้งยังทำลายสถิติอีกมากมาย นอกจากนี้เขายังได้รับเลือกให้เป็นนายด่านที่ดีที่สุดของฟีฟ่าอีกด้วย
4.แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน
หลายคนคงไม่อยากจะเชื่อว่า ลิเวอร์พูล จะเซ็นสัญญากับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ซึ่งตกชั้นไปพร้อมกับฮัลล์ซิตี้ แล้วคำถามก็ตามมากมายเมื่อเขาไม่สามารถเบียดแย่งตำแหน่งแบ็คซ้ายของอัลแบร์โต โมเรโนได้ในช่วงครึ่งฤดูกาลแรกของปี 2017/18
แต่ ณ ปัจจุบันดาวเตะชาวสก็อตรายนี้กลายเป็นแบ็คซ้ายระดับโลกไปแล้วและเป็นผู้เล่นที่ขาดไม่ได้ในชุด 11 ตัวแรกของคล็อปป์ ซึ่งเมื่อมองย้อนกลับไปกับการลงทุนในครั้งนั้นอาจจะเป็นการซื้อตัวที่ดีที่สุดของลิเวอร์พูลรวมไปถึงกุนซืออย่างเจอร์เก้นส์ คล็อปป์ก็เป็นได้
3.ซาดิโอ มาเน่
ซาดิโอ มาเน่เป็นการเซ็นสัญญาที่มีมูลค่ามากที่สุดครั้งแรกของคล็อปป์ในฐานะผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล และดาวเตะชาวเซเนกัลก็เข้ามาอยู่ในชายคาแอนฟิลด์อย่างสมบูรณ์ เขาได้พัฒนาฝีเท้าและก้าวไปเป็นผู้เล่นที่เก่งที่สุดในโลกภายใต้การดูแลของคล็อปป์ เขาทำประตูให้กับหงส์แดงไป 68 ลูกและอีก 24 แอสซิสต์จากการลงสนามไปเพียง 136 นัด
2.โมฮาเหม็ด ซาลาห์
ครั้งหนึ่งตอนที่คล็อปป์ต้องการที่จะเซ็นสัญญากับยูเลี่ยน บรันด์ทของเลเวอร์คูเซ่น ผู้อำนวยการกีฬาสโมสรลิเวอร์พูลอย่าง ไมเคิล เอ็ดเวิร์ด ได้แนะนำและโน้มน้าวใจให้กุนซือชาวเยอรมันหันไปซื้อตัว โมฮาเหม็ด ซาลาห์ดีกว่าเพราะคิดว่าจะเข้ากับสไตล์ของทีมได้อย่างแน่นอน
ดาวเตะชาวอียิปต์ทำไป 78 ประตูและอีก 33 แอสซิสต์ในสีเสื้อของลิเวอร์พูลจากการลงสนามไปเพียง 117 เกม
1.เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค
คล็อปป์ต้องการเซ็นสัญญากับ ฟาน ไดจ์ค ในช่วงหน้าร้อนปี 2017 แต่ทางลิเวอร์พูลให้ล้มเลิกแผนการในครั้งนี้ไปเพราะเซาแธมป์ตันทำผิดกฏระเบียบของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ
นายใหญ่ชาวเยอรมันปฏิเสธที่จะดึงผู้เล่นคนอื่นเพื่อที่จะรอเซ็นสัญญากับกองหลังดัตช์แมนรายนี้ เขารอประมาณ 2-3 เดือนจนกระทั่งมกราคมปี 2017 เขาก็ได้เซ็นเตอร์แบ็คทีมชาติฮอลแลนด์สมใจอยากและในตอนนี้ฟาน ไดจ์ค กลายเป็นแนวรับที่เก่งที่สุดของโลกไปแล้วแถมยังมีลุ้นคว้ารางวัลบัลลงดอร์ในปีนี้อีกด้วย
