ที่อื่นไม่ไหว! 8 นักเตะคัมแบ๊คกัลโช่ หลังล้มเหลวในต่างแดน

กัลโช่

นับตั้งแต่ยุครุ่งเรืองของฟุตบอลอิตาลี มาจนถึงยุคปัจจุบัน ลีกแดนรองเท้าบูทมักเป็นที่แจ้งเกิดของนักเตะชั้นนำออกมาให้โลกลูกหนังได้เห็นกันมากมาย แต่เหมือนว่ามีบางคนที่เกิดมาเพื่อเล่นในอิตาลีเท่านั้น เพราะเมื่อย้ายออกไปต่างแดน ฟอร์มการเล่นกลับไม่เหมือนเดิม

วันนี้ UFAARENA จะพาไปดูว่ามีนักเตะดาวดังคนไหนบ้างที่ระเบิดฟอร์มเปรี้ยงกับเวที กัลโช่ เซเรียอา แต่กลับไปล้มเหลวในต่างแดนจนต้องย้ายกลับมาที่เดิม

 

ฆวน เซบาสเตียน เวรอน

An ode to Juan Sebastian Veron, Man Utd's right man at the wrong time

จอมทัพเลือดฟ้าขาวสร้างชื่อมากับการเล่นให้ลาซิโอ ด้วยการอยู่กับทีม 2 ฤดูกาลลงสนาม 79 นัด ยิง 14 ประตู 7 แอสซิสต์ พร้อมกับสไตล์การเล่นที่มีความโดดเด่นจน เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดรนทนไม่ไหวดึงเขาไปร่วมทีมด้วยค่าตัวระดับสถิติค่าตัวสูงสุดในเกาะอังกฤษเวลานั้นที่ 28.1 ล้านปอนด์ แต่แม้ว่าผลงานโดยรวม 2 ฤดูกาลที่อยู่กับทีมเจ้าตัวลงสนามไป 82 นัด ยิง 11 ประตู 15 แอสซิสต์ เหนือกว่าตอนที่เขาอยู่กับ อินทรีฟ้าขาวด้วยซ้ำ แต่รวมๆแล้วเขาไม่ค่อยที่จะเข้ากับระบบของทีมจนสุดท้ายปีศาจแดงก็ต้องปล่อยออกไปจากทีมแบบขาดทุนให้กับเชลซี

แต่การมาอยู่ที่สิงห์บลูผลงานของแข้งชาวอาร์เจนไตน์ก็ยังไม่ดีขึ้นก่อนจะโดนปล่อยกลับไปให้กับอินเตอร์ มิลานยืมตัว ฟอร์มก็กระเตื้องขึ้นมาบ้าง แต่สุดท้ายทางงูใหญ่ก็ไม่ได้สนใจซื้อขาด จนแล้วจนรอด เชลซีที่ไม่ได้ใช้งานเขาก็ปล่อยให้กลับไปค้าแข้งในบ้านเกิด และกลายเป็นจุดขาลงของเส้นทางอาชีพของดาวเตะรายนี้ ก่อนไปแขวนสตั๊ดกับทีมในบ้านเกิดอย่าง เอสตูเดียนเตส ลา พลาต้า ในปี 2017 

 

เฮอร์นาน เครสโป

Former Chelsea striker Hernan Crespo reveals he's "had orgies with many  women" in X-rated confession on live TV - Mirror Online

ยอดดาวยิงชาวอาร์เจนไตน์โด่งดังมากับ ปาร์ม่า และ ลาซิโอ ที่เจ้าตัวยิงประตูได้ไม่ต่ำกว่า 12 ประตูแทบทุกปี แม้ว่าการมาอยู่กับอินเตอร์ มิลานจะเจออาการบาดเจ็บเล่นงานจนไม่ได้ลงช่วยทีมมากนัก แต่ก็ยังยิงแตะสองหลักเหมือนเดิม จนเชลซีตัดสินใจไปดึงตัวมาในปี 2003 ซึ่งฤดูกาลแรกของเขาก็เปิดตัวได้สวย ลง 31 นัดยิง 12 ประตูรวมทุกรายการแต่ก็โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานบ่อยครั้ง ทำให้ในฤดูกาลถัดมาสิงห์บลูเลือกปล่อยเจ้าตัวกลับอิตาลีให้ เอซี มิลาน ยืมตัวและยังคงสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม

ด้วยฟอร์มการเล่นที่เริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทางแล้ว เชลซีตัดสินใจมอบเบอร์ 9 ให้ทันทีที่กลับจากการยืมตัว แต่ในซีซั่นนั้นเจ้าตัวยิงได้แค่ 13 ประตูจาก 42 นัดรวมทุกรายการ ซึ่งไม่เท่ากับความคาดหวังที่ทีมตั้งเอาไว้ แถมยังมีคู่แข่งอย่าง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา เพิ่มขึ้นมาอีก สุดท้ายก็ปล่อยฟรีกลับไปให้ อินเตอร์ มิลานในเวลาต่อมา แต่ด้วยอายุอานามที่มากขึ้นและสภาพร่างกายที่เจ็บบ่อยขึ้น ทำให้ฟอร์มของเขาค่อยๆตกลงไปเรื่อยๆ

 

อังเดร เชฟเชนโก้

Remembering Andriy Shevchenko's Chelsea career

อีกหนึ่งกองหน้าชั้นยอดในแดนรองเท้าบูทที่ถือเป็นตำนานของเอซี มิลาน เลยทีเดียวแถมยังเคยได้รางวัลบัลลงดอร์ ในปี 2004 อีกด้วย เรียกว่าการันตีความยอดเยี่ยมของฝีเท้าได้เป็นอย่างดี หลังจากค้าแข้งผ่านความท้าทายกับทีมมาหมดแล้ว ก็ถึงเวลาย้ายทีมในปี 2006 แข้งชาวยูเครนเลือกย้ายไปที่เชลซี ฤดูกาลแรกที่เปิดตัว เชว่าลงไป 51 นัดยิง 14 ประตูรวมทุกรายการ เรียกว่าไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่เลย

แต่ในซีซั่นถัดมาเจ้าตัวเจออาการบาดเจ็บเล่นงานจนได้ลงไปแค่ 25 นัดยิง 8 ประตู แถมไม่ได้ลงสนามในเกมนัดชิง แชมเปี้ยนส์ลีกอีกด้วย จนสุดท้ายสิงห์บลูก็เลือกปล่อยกลับไปเรียกฟอร์มกับทีมเก่าอย่าง เอซี มิลาน แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่หวัง ก่อนที่สุดท้ายก็ต้องยอมปล่อยฟรีไปให้ ดินาโม เคียฟทีมดั้งเดิมของตัวเอง

 

กาก้า

Real Madrid's Kaka looking to impress in tonight's El Clasico |  Sportslens.com

เทพบุตรเพลย์เมคเกอร์ที่สร้างชื่อมากับ เอซี มิลานในฐานะนักเตะที่มีความเร็ว ความคล่องตัว และการผ่านบอลที่ยอดเยี่ยม ซึ่งถ้าปีศาจแดงดำไม่ประสบปัญหาการเงิน เขาคงอยู่กับทีมไปจนแขวนสตั๊ด แต่ในปี 2009 แข้งแซมบ้าย้ายไปอยู่ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลกในเวลานั้นที่ 67.2 ล้านยูโร การมาอยู่กับราชันชุดขาวปีแรกกาก้า ลงไป 33 นัดยิง 9 ประตู 12 แอสซิสต์รวมทุกรายการ แต่ก็ดันเจออาการบาดเจ็บช่วงท้ายๆซีซั่นจนไม่ได้ช่วยทีมเต็มที่

ในซีซั่นถัดมาแทนที่จะได้โชว์ของเต็มที่แต่ก็มาบาดเจ็บตั้งแต่ต้นซีซั่นกว่าจะหายก็เลยครึ่งซีซั่นไปแล้ว แถมยังต้องมาเจ็บซ้ำอีก ทำให้ได้ลงสนามไปแค่ 20 นัดยิง 7 ประตู 6 แอสซิสต์รวมทุกรายการเท่านั้น หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ไม่ได้เป็นตัวหลักให้กับทีมอีกแล้ว ลากยาวมาจนปี 2013 มาดริดก็ทนไม่ไหวปล่อยเขากลับไปให้กับ มิลาน แบบไร้ค่าตัว ซึ่งดาวเตะชาวบราซิเลี่ยนก็สามารถกลับมาช่วยทีมได้ด้วยการลงสนามไป 37 นัด ยิง 9 ประตู 7 แอสซิสต์รวมทุกรายการ แต่ก็เป็นแค่ปีเดียวหลังจากนั้นก็ไปค้าแข้งต่อในแดนมะกันกับ ออร์แลนโด ซิตี้ 

 

มาริโอ บาโลเตลลี่

Jones shares one thing Balotelli refused to do in training

ดาวยิงเจ้าของฉายาจอมเกรียนที่สร้างชื่อมากับ อินเตอร์ มิลาน และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าการไปอยู่กับเรือใบสีฟ้าเป็นความล้มเหลว เนื่องจากเขามีส่วนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้ในปี 2011/12 แต่ด้วยพฤติกรรมส่วนตัวหลังจากนั้นก็ทำให้ฟอร์มเริ่มดร็อปลงไป และกลายเป็นเบียดแย่งตัวจริงกับ เซร์คิโอ อเกวโร่ไม่ได้

หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ถูกปล่อยกลับไป กัลโช่ เซเรียอา อีกครั้งกับ เอซี มิลาน ซึ่งก็สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในยุคที่ถือว่าเป็นยุคมืดของทีมกดไป 12 ประตู จาก13 นัด ซีซั่นต่อมาก็ยังคงทำผลงานได้ดีเช่นเดิมจน ลิเวอร์พูล ตัดสินใจไปดึงเกรียนโอ้กลับสู่เวทีพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง แต่นั่นก็กลายเป็นความล้มเหลวลงสนาม 28 นัด ยิงได้แค่ 4 ประตูรวมทุกรายการ จนสุดท้ายทีมปล่อยยืมมาให้ ปีศาจแดงดำยืมตัว 1 ซีซั่นก่อนปล่อยหมดสัญญาไปในที่สุด

 

สเตฟาน โยเวติช

Man City: Injuries meant Stevan Jovetic had to go says Manuel Pellegrini -  Manchester Evening News

หัวหอกชาวโมร็อคโค ที่สร้างชื่อมากับการเล่นให้ ฟิออเรนติน่า โดยเฉพาะในซีซั่น 2011/12 และ 2012/13 เรียกว่าเป็นช่วงพีคที่เจ้าตัวยิงประตูแตะ 2 หลัก 2 ซีซั่นติด ทำเอาแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ให้ความสนใจดึงเขาไปร่วมทีมในฐานะแบ็คอัพของ เซร์คิโอ อเกวโร่

แน่นอนว่าการมาในฐานะแบ็คอัพทำให้ตัวเขาไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามเท่าไรนักซีซั่นแรกทำได้เพียง 6 ประตูจาก 18 นัดรวมทุกรายการ ซีซั่นถัดมาก็ได้ลงไป 26 นัด ทำได้เพียง 5 ประตู จนสุดท้ายเรือใบทนไม่ไหวปล่อยไปให้กับ อินเตอร์ มิลาน ยืมตัวแต่การกลับมาที่อิตาลีเป็นหนที่สองก็ไม่สามารถกู้ฟอร์มเดิมกลับมาได้ ก่อนที่ ซิตี้จะปล่อยขาดไปให้งูใหญ่ และก็โดนปล่อยไปให้เซบีญ่ายืมตัวอีกที

 

จานลุยจิ บุฟฟ่อน

PSG star Buffon: I'm better than five years ago

ตำนานนายด่านม้าลายเลือกที่จะย้ายไปลุ้นถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกกับ เปแอสเช หลังหมดสัญญากับทางต้นสังกัดเมื่อปี 2018 หลังอยู่รับใช้ทีมมานานกว่า 17 ปี ซึ่งการไปที่ยอดทีมแดนน้ำหอม บุฟฟ่อนต้องแบ่งการลงเฝ้าเสากับ อัลฟอนโซ่ อเรโอล่า จอมหนึบเด็กปั้นของทีม จนได้ลงสนามไปแค่ 25นัดเก็บได้ 9 คลีนชีทรวมทุกรายการ แถมถ้วยบิ๊กเอียร์ที่หวังไว้ก็ต้องอกหักจากน้ำมือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในรอบ 16 ทีมอีกด้วย

หลังอยู่กับทีมได้ปีเดียว เป้าหมายที่ตั้งไว้ก็ไม่สำเร็จ ประกอบกับเปแอสเช ก็ไปดึงเอา เคย์เลอร์ นาบาสมาสู่ทีมด้วย ทำให้มือกาวชาวอิตาเลี่ยน เลือกย้ายกลับมาที่ ยูเวนตุส อีกครั้ง แต่คราวนี้มาในฐานะแบ็คอัพของ วอยเซียช เซสนี่ แทนซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร และปัจจุบันก็กลับไปอยู่กับปาร์ม่า สโมสรเริ่มต้นของตัวเองเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา

 

ชิโร่ อิมโมบิลเล่

Immobile's recent claims make me 'want to puke' - Zorc

หนึ่งในขุนพลที่พา เปสคาร่า เลื่อนชั้นมาบนเวที เซเรียอา ได้จนถูกดึงตัวออกไปในปีถัดมาเจ้าตัวเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากการค้าแข้งกับ เจนัว ต่อด้วยการระเบิดฟอร์มสุดยอดกับ โตริโน่ด้วยผลงาน 34 นัด 23 ประตูรวมทุกรายการ นั่นทำให้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เป็นทีมที่เข้ามาให้ความสนใจดึงเขาไปสู่ทีม และถือเป็นการออกไปค้าแข้งนอกบ้านเกิดครั้งแรกของเขาด้วย

แต่การย้ายมาอยู่กับเสือเหลืองกลับไม่เป็นอย่างที่คิดลงสนามไป 34 นัดยิง 10 ประตูจากทุกรายการ อยู่แค่ปีเดียวเลือกปล่อยไปให้เซบีญ่ายืมตัว แต่ผลงานก็ไม่ดีขึ้นลงสนาม 15 นัด ยิง 4 ประตูจากทุกรายการ สุดท้ายทีมดังจากแดนกระทิงก็เลือกขายไปให้กับ ลาซิโอ ในบ้านเกิดเจ้าตัวอีกครั้ง และถือเป็นการเกิดใหม่ของอิมโมบิลเล่ที่ยิงประตูถล่มทลาย จนคว้าดาว ซัลโวของลีกในฤดูกาล 2017/18 , 2019/20 และ 2021/22 เหมือนกับว่าเขาเกิดมาเพื่อเล่นในอิตาลีเท่านั้น

อย่าพูดถึง : 13 สถิติสุดแย่ที่ใครไม่อยากได้ในพรีเมียร์ลีก

อย่าพูดถึง : 13 สถิติสุดแย่ที่ใครไม่อยากได้ในพรีเมียร์ลีก