อย่ากังวล:  5 เหตุผลที่ผีไม่ต้องเศร้าหลังแห้วคว้านูนเญซ

อย่ากังวล:  5 เหตุผลที่ผีไม่ต้องเศร้าหลังแห้วคว้านูนเญซ

คงไม่มีอะไรผิดพลาดสำหรับดีลของ ดาร์วิน นูนเญซ ตกลงเงื่อนไขส่วนตัวกับ ลิเวอร์พูล เรียบร้อย รวมไปถึง เบนฟิก้า ต้นสังกัดของนักเตะ และคาดว่าน่าเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเร็วๆนี้

ดาวเตะทีมชาติอุรุกวัย ย้ายมาเล่นกับ ‘เหยี่ยวลิสบอน’ ในปี 2020 แต่ฤดูกาล 2021-22 ถือช่วงที่เขาแจ้งเกิดในเวทียุโรปอย่างเต็มตัว หลังกดไป 34 ตุงจาก 41 นัดทุกรายการ จนตกเป็นข่าวกับหลายสโมสรทั่วยุโรป 

โดยทีมที่เป็นข่าวหนักในช่วงที่ผ่านมา คงหนีไม่พ้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับทีมอริอย่าง ‘หงส์แดง’ และท้ายที่สุดเป็นทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ชนะในศึกนี้ เมื่อพร้อมจ่ายค่าตัว 68 ล้านปอนด์ บวกออปชั่นเสริม 17 ล้านปอนด์ รวมทั้งสิ้น 85 ล้านปอนด์ พร้อมเซ็นสัญญายาว 5 ปี

นี่กลายเป็นอีกครั้งที่ ‘ปีศาจแดง’ ต้องพลาดคว้านักเตะเป้าหมายของพวกเขาอีกครั้ง และนี่คงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่นอน แต่ทว่าหากพิจารณากันจริงๆ การพลาดดีลนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอย่างที่หลายคนกังวล

ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จึงขอพาไปวิเคราะห์ถึง 5 เหตุผลที่แฟนผีไม่ต้องคิดมาก เมื่อทีมรักกินแห้วกับการไล่ล่า นูนเญซ มาร่วมทีม

 

ต้องการกองกลางมากกว่ากองหน้า

Transfer rumours: Man Utd's De Jong bid; Nunez talks continue

หากไปไล่เรียงบรรทีมแชมป์พรีเมียร์ลีกตลอดปีหลังที่ผ่านมา สังเกตุได้ว่าทีมเหล่านั้นล้วนมีขุมกำลังที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะแดนกลางที่เป็นหัวใจหลัก ทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีทั้ง แฟร์นานดินโญ่ ในช่วงปีแรกๆที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก่อนส่งต่อให้ โรดรี้ รับช่วงต่อ หรือ ลิเวอร์พูล ที่มี ฟาบินโญ่ คอยตัดเกม สกรีนอยู่หน้าแผงหลัง 

ตัดภาพมาที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พวกเขาแทบไม่มีมิดฟิลด์ตัวรับอยู่ในทีมเลย แม้ เนมานย่า มาติช เป็นนักเตะคนเดียวในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาที่สามารถเล่นเป็นกองกลางประเภทนั้นได้ แต่ด้วยวัยที่มากขึ้น ทำให้เขาห่างไกลจากฟอร์มการเล่นสมัยพีกๆกับ เชลซี 

ขณะที่ตัวเลือกที่เหลือ หากไม่ผู้เล่นที่เน้นเกมรุก ก็เป็นกองกลางประเภท บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ หรือพวกผึ้งงานมากกว่า ทั้ง บรูโน่ แฟร์นานเดส, เฟร็ด, สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ หรือแม้กระทั่ง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ทีปล่อยให้ เอฟเวอร์ตัน ยืมไปใช้งานในครึ่งหลังฤดูกาลก่อน

นั่นชี้ให้เห็นว่า ‘ปีศาจแดง’ จำเป็นต้องหากองกลางตัวรับมาเสริมมากกว่าการคว้า นูนเญซ ที่เป็นกองหน้า ซึ่งปัจจุบันกำลังตกเป็นข่าวกับ เฟรงกี้ เดอ ยอง ของ บาร์เซโลน่า ขณะที่อีกกระแสก็เชียร์ให้ เทน ฮาก เลือกดัน เจมส์ การ์เนอร์ ลูกหม้อของทีมขึ้นเล่นชุดใหญ่แบบเต็มตัวในซีซั่นหน้า หลังมีส่วนสำคัญพา น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลที่ผ่านมา

 

ค่าตัวสูงเกินไปและไม่ใช่แข้งจาก 5 ลีกใหญ่ยุโรป

Darwin Nunez to break Virgil van Dijk's transfer record as Liverpool reach  agreement for goalscorer

จากการอ้างอิงของ Football Observatory เผยว่า แมนฯยูไนเต็ด คือทีมที่ใช้เงินในการเสริมทัพมากที่สุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ด้วยจำนวนเงิน 1.3 พ้นล้านปอนด์ และทำกำไรจากการขายนักเตะได้เพียง 395 ล้านปอนด์

จริงๆในช่วง 10 อันดับแรก มีทั้ง แมนฯซิตี้, บาร์เซโลน่า และ เชลซี ที่ใช้จ่ายเงินเสริมทัพมากกว่า ‘ปีศาจแดง’ ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่มีการขายนักเตะออกไปได้ถึง 600 ล้านปอนด์, 823 ล้านปอนด์ และ 1 พ้นล้านปอนด์ตามลำดับ ทำให้ทีมเหล่านี้มียอดสุทธิรวมน้อยกว่า

และที่สำคัญทั้ง 3 ทีมก็ประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์มากมายด้วย โดยเฉพาะ ซิตี้ ที่กวาดแชมป์ลีกได้ 6 ในช่วง 10 ฤดูกาลหลัง รวมไปถึงบอลถ้วยอีก 7 รายการ ขณะที่ ยูไนเต็ด มีเพียงแค่ เอฟเอ คัพ, ลีกคัพ และ ยูโรป้าลีกเท่านั้น

นั่นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับ ยูไนเต็ด หลังจบฤดูกาลที่ผ่านมา ทั้งการเปลี่ยนซีอีโอจาก เอ็ด วู้ดเวิร์ด เป็น ริชาร์ด อาร์โนลด์, การแต่งตั้ง เอริค เทน ฮาก เป็กุนซือคนใหม่, การเปลี่ยนทีมงานสต๊าฟ ซึ่งแน่นอนว่านโยบายการซื้อขายก็เปลี่ยนไปเช่นกัน

เพราะตลอด 10 ปีที่ผ่านมา การทุ่มนักเตะไม่ได้หมายความว่าทีมจะประสบความสำเร็จ แถมมีไม่กี่รายที่ทำผลงานได้คุมกับค่าตัวที่เสียไป นั่นจึงทำให้ ‘ปีศาจแดง’ ต้องคิดดีๆกับการซื้อแข้งใหม่หลังจากนี้

ค่าตัวของ นูนเญซ ที่ เบนฟิก้า ตั้งไว้ก็ถือว่าสูงเกินไปมากๆ กับราคา 80-85 ล้านปอนด์ แถมนักเตะที่เพิ่งค้าแข้งลีกสูงสุดในยุโรป แถมไม่ใช่ 5 ลีกใหญ่ของทวีป ได้แค่ 2 ฤดูกาลเท่านั้นเอง ซึ่งน่าเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ แมนฯยูไนเต็ด เลือกถอยออกมา

 

ยังมีโรนัลโด้

Manchester United identify Darwin Nunez as top transfer target with  Cristiano Ronaldo expected to leave – Paper Round - Eurosport

การเสียเอดินสัน คาวานี่ ที่หมดสัญญาในซัมเมอร์นี้ หรือ เมสัน กรีนวู้ด ที่ยังเคลียร์ไม่จบกับคดีทำร้ายแฟนสาว อาจทำให้ตัวเลือกในแดนหน้าของ แมนฯยูไนเต็ด ลดน้อยลงไป และอาจจำเป็นต้องไปหากองหน้าเข้ามาเพิ่ม

แต่ต่อให้ไม่สามารถพามาเพิ่มได้ เทน ฮาก ก็ยังมี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อยู่ ซึ่งฤดูกาลที่ผ่านมา เขาก็แสดงให้เห็นว่ายังสามารถแบกทีมได้อยู้ แม้ในวัย 37 ปี หลังซัดไปถึง 24 ประตูจาก 38 นัดในทุกรายการ ซึ่งถ้าหากไม่มี CR7 คอยยิงประตูสำคัญๆให้ พวกเขาก็คงวนเวียนอยู่กลางตารางแล้ว

แน่นอนว่าพี่โด้ คงไม่สามารถเค้นฟอร์มเก่งได้เกือบทุกนัด เหมือนที่เคยทำได้สมัยที่โคตรปังกับ เรอัล มาดริด แต่ด้วยฝีเท้าและความเป็นมืออาชีพของเจ้าตัว ก็น่าจะทำให้ใช้งานได้อย่างน้อยอีกฤดูกาล และหลังจากนั้นค่อยไปหากันใหม่ก็ยังไม่สาย 

นอกจากนี้ ยูไนเต็ด ก็ยังมีตัวเลือกอื่นในแดนหน้าอย่าง อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด อยู่ด้วย แม้ฟอร์มในช่วงปีที่ผ่านมา ทั้ง 2 คนอาจตกลงไปแบบน่าใจหาย แต่บางทีพวกเขาอาจกลับชาติมาเกิดใหม่ในยุคของ เทน ฮาก ก็เป็นได้ และนั่นจะทำให้การหากองหน้าใหม่ไม่จำเป็นอีกต่อไป

 

แข้งอเมริกาใต้คือของแสลงผี

Edinson Cavani opens up on Diego Forlan's influence on his career

นักเตะจากอเมริกาใต้ย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีกมากขึ้นตั้งแต่ช่วงยุค 2000 และไม่มีท่าทีว่าจะลดน้อยไปเลย ซึ่งมีหลายคนที่ประสบความสำเร็จ เช่น เซร์คิโอ อเกวโร่, หลุยส์ ซัวเรซ, แฟร์นานดินโญ่, คาร์ลอส เตเบซ 

แต่สำหรับ แมนฯยูไนเต็ด แล้ว พวกเขาดูไม่ค่อยถูกโฉลกกับนักเตะอเมริกาใต้สักเท่าไหร่ หากย้อนไปดูประวัติศาสตร์นับตั้งแต่ยุคพรีเมียร์ลีกก่อตั้ง 17 แข้งละตินอเมริกาที่เคยร่วมทีม และมีไม่กี่คนที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ยกตัวอย่างเช่น อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ราฟาเอล ดา ซิลวา, กาเบรียล ไฮน์เซ่ หรือแม้กระทั่ง เตเบซ ที่จบแบบไม่สวยหลังแยกทางไปซบทีมอริอย่าง แมนฯ ซิตี้ก็ตาม

ส่วนนอกนั้นไม่มีใครที่ทำผลงานได้สมราคาเลย โดยเฉพาะแข้งชาวอุรุกวัย ที่ดับสนิทในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ทั้ง ดีเอโก้ ฟอร์ลัน ที่สากกะเบือเข้าสิงยามเล่นกับ ‘ปีศาจแดง’, กิลเยร์โม่ บาเรล่า แบ็คขวาที่ถูกลืม หรือ คาวานี่ เองก็เหมือนจะดูดี แต่ก็โดนอาการบาดเจ็บรบกวนบ่อยๆจนใช้งานได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย

และบางทีกรณีของ นูนเญซ ก็อาจไม่ต่างกัน หากเขาเลือกย้ายมาสวมเครื่องแบบของ ยูไนเต็ด จริงๆ 

 

ดูเหมาะกับหงส์มากกว่า

Liverpool set to seal £64m Nunez transfer on six-year contract and will  target Ramsay next | Goal.com

การที่ ลิเวอร์พูล ได้พบกับ เบนฟิก้า ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้ายในฤดูกาลที่ผ่านมา ทำให้พวกเขาได้เห็นฝีเท้าของ นูนเญซ แบบเต็มตา แถมทำผลงานได้โดดเด่นในทั้ง 2 เลกด้วย หลังซัดไป 2 ประตู แม้สุดท้ายทีมจากโปรตุเกสจะพ่ายไปด้วยสกอร์รวม 4-6 ก็ตาม

นั่นคงทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้เห็นอะไรมากขึ้นในตัวของดาวยิงวัย 22 ปี มากกว่ารายงานในหน้ากระดาษของแมวมอง ก่อนเลือกเดินหน้าคว้านักเตะในซัมเมอร์นี้

เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นมาแล้วกับ ‘หงส์แดง’ ช่วงที่คว้า ลุยซ์ ดิอาซ จากปอร์โต้ มาร่วมทัพในช่วงตลาดหน้าหนาว หลังได้ยลฝีเท้าตอนที่ดวลกันในรอบแบ่งกลุ่ม แชมเปี้ยนส์ลีก และดาวเตะทีมชาติโคลอมเบีย ก็ปรับตัวเข้ากับทีมใหม่ได้อย่างรวดเร็ว

เดิมที คล็อปป์ ก็เป็นกุนซือที่เลือกซื้อนักเตะให้เข้ากับระบบทีมอยู่แล้ว และเชื่อว่าเขาก็มั่นใจว่า หอกดาวรุ่งชาวอุรุกวัยเข้าระบบทีม ถึงกล้าทุ่มเงินแบบจัดหนักอีกครั้งในตลาดหนนี้

อีกทั้งนักเตะจากอเมริกาใต้หลายคนดูโดดเด่นเฉิดฉายกับการเล่นให้ ‘หงส์แดง’ ในชุดปัจจุบัน ทั้ง อลิสซอน เบ็คเกอร์, ฟาบินโญ่, โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ หรือรายล่าสุดอย่าง ดิอาซ ก็อาจตอกย้ำให้ชัดเจนว่า นูนเญซ คงเหมาะกับเล่นให้ ลิเวอร์พูล มากกว่า แมนฯยูไนเต็ด 

ยิ่งพูดถึงเรื่องความสำเร็จแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่นักเตะจะเลือกไปเล่นใน แอนฟิลด์ มากกว่า โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ณ เวลานี้

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ชูอาเมนี่ตามรอย : ส่อง 9 แข้งมาดริดที่คว้ามาจากลีกเอิง
ชูอาเมนี่ตามรอย : ส่อง 9 แข้งมาดริดที่คว้ามาจากลีกเอิง