น่าเสียดาย! 5 ประเด็น “ช้างศึก”แผ่วพ่ายออสซี่

“ท่าดีทีเหลว” อาจจะเป็นคำที่ดูรุนแรงไป แต่เอาจริงๆ ก็เหมาะสมที่จะนิยามให้กับเกมชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่ทีมชาติไทย พ่ายให้กับ ออสเตรเลีย ไปแบบน่าเสียดาย

 

จริงๆ เกมนี้ ไทย ถือว่าต่อยอดจากเกมแรกที่ถล่ม บาห์เรน 5-0 ได้ดี พวกเขาสู้กับทีมใหญ่ของทวีปได้แบบสูสี หรือบางช่วงบางตอนดีกว่าด้วยซ้ำ

 

แต่ด้วยหลายๆ ปัจจัยทำให้สุดท้ายแล้ว “ช้างศึก” ต้องเป็นฝ่ายพ่ายไป 1-3 โดยตลอดการดูเกมทั้ง 90 นาที ทีมงาน UFAARENA ขอจับเรื่องเด่นๆ ของเกมนี้ออกเป็น 5 ประเด็นดังต่อไปนี้

ในภาพอาจจะมี 1 คน, กำลังเล่นกีฬา, สนามกีฬา และ สถานที่กลางแจ้ง

ครึ่งแรกดีทุกอย่าง

 

แม้ 15 นาทีแรก ออสเตรเลีย จะเริ่มต้นเกมได้ดีกว่า ทว่าพอทีมชาติไทย ตั้งเกมได้ต้องบอกว่าพวกเขาเหนือกว่ายักษ์ใหญ่ของเอเชีย ก็ไม่ผิดนัก

 

รูปแบบการเล่นใน 45 นาทีแรกของทีม “ช้างศึก” เล่นได้อย่างน่าประทับใจ บอลทำชิ่ง 1-2 การเล่นสามเหลี่ยม การเบิ้ลบอลข้ามแนวรับ ทุกอย่างดูดีไปหมดจริงๆ

 

ขณะที่เกมรับจริงๆ ก็ทำได้ดี ดักตัดบอลได้บ่อยครั้ง ออสซี่ แทบไม่ได้ใช่ความตัวใหญ่ให้ได้เปรียบเลย เพราะเกมด้านข้างขึ้นไม่ได้ น่าเสียดายที่ไม่สามารถรักษาสกอร์นำไว้ได้ ไปหวังกินฟาวล์จนเสียสมาธิ ทำให้จังหวะดักสกัดช้าไปก้าวหนึ่งอย่างน่าเสียดาย

ในภาพอาจจะมี 1 คน, กำลังเล่นกีฬา และ สถานที่กลางแจ้ง

ขาดความเฉียบคม

 

ถ้าใครได้ชมเกมตลอด 45 นาทีแรกต้องบอกว่าทีมชาติไทย ทำต้องบอกเกมมันไม่ควรจบด้วยการเสมอ 1-1 เลย ทั้งการเสียประตูตีเสมอในช่วงท้ายเกม และที่สำคัญเราไม่เฉียบคมพอที่จะทำประตูที่สอง

 

จริงๆ ไทย สร้างโอกาสได้เยอะ แต่น่าเสียดายที่เปลี่ยนเป็นประตูเพิ่มไม่ได้ โดยเฉพาะ ศุภชัย ใจเด็ด ที่มีลุ้นมากกว่าใครๆ ไม่ว่าจะเป็นจังหวะกระโดดวอลเลย์ที่หมดน้ำข้าวต้มยิงเบาเกิน หรือจะเป็นบอลที่เพื่อนจ่ายทะลุช่องมาให้ แต่เจ้าตัวจับไม่ดีเลยไม่มีโอกาสยิง

 

ที่พูดถึงไม่ได้จะทำให้ “อาร์ม” เป็นแพะของทีม เพราะผลงานโดยรวมหัวหอกของ บุรีรัมย์ นั้นทำได้ดีแล้ว ทั้งการเก็บบอล ชิงจังหวะกับกองหลัง การผสานงานก็ลงตัว แถมยังขยันไล่บอลอีกตั้งหาก

 

ทว่าการขาด “สไตเกอร์” ที่สามารถเปลี่ยนเกมได้ มันคือปัญหาเรื้อรังของฟุตบอลไทย มาอย่างยาวนาน คือเราจะไประดับเอเชีย หรือระดับโลกไม่ได้เลย ถ้ายังผลิตยอดกองหน้าออกมาไม่ได้อยู่แบบนี้

ในภาพอาจจะมี 2 คน, ผู้คนกำลังเล่นกีฬา, สนามกีฬา และ สถานที่กลางแจ้ง

แผ่วครึ่งหลัง

 

เรียกว่าหนังคนละม้วนเลยก็ว่าได้ สำหรับเกมครึ่งหลัง ที่ ไทย ดูเฉื่อยลงไปแบบเห็นได้ชัด ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากการเสียขวัญกำลังใจหลังถูกตีเสมอในช่วงท้ายเกม ซึ่งหากเราปิดครึ่งแรกด้วยการเป็นผู้นำ คงเริ่มต้นครึ่งหลังได้ง่ายกว่านี้

 

อีกปัจจัยที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าก็คือเรื่องของ “พลังกำลัง” ที่ครึ่งแรกต้องบอกว่านักเตะไทย วิ่งกันเยอะ ลุยกันหนัก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เรี่ยวแรงจะถดถอยในครึ่งหลัง จนเป็นเหตุให้สมาธิแย่ลงไปด้วย

 

อีกเรื่องคือต้องชมทาง ออสเตรเลีย ที่แก้เกมดีด้วย พยายามเข้าถึงบอลเร็วขึ้นทำให้นักเตะไทยเล่นยาก เมื่อเอา 2 อย่างมารวมกันก็เป็นภาพที่ชัดเจนว่าแนวรับไทย จากที่เข้าถึงบอลเร็ว ก็ได้จ้อง ปล่อยให้ “จิ้งโจ้อันตราย” มีพื้นที่ มีเวลาในเกมรุก

ในภาพอาจจะมี 2 คน, ผู้คนกำลังยืน และ สถานที่กลางแจ้ง

แก้เกมไร้ผล

 

หลังจากชมเชยในเกมกับ บาห์เรน ที่ อากิระ นิชิโนะ ส่งสำรองคนไหนลงสนามาก็ทำได้ดีหมด ไม่ว่าจะเป็น กานต์นรินทร์ ถาวรศักดิ์, วรชิต กนิตศรีบําเพ็ญ และ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์

 

แต่เกมกับ ออสเตรเลีย ต้องยอมรับว่าตัวที่กุนซือชาวซามูไร ส่งลงมา แทบไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับทีมได้เลย โดยเฉพาะ นันทวัฒน์ สวนแก้ว ที่ลงมาแล้วเงียบกริบ

 

ขณะที่ วรชิต และ เจริญศักดิ์ ก็เจอเกมที่ยากและทำอะไรไม่ได้เลย เอาจริงๆ เกมรุกในครึ่งหลัง ไทย สร้างโอกาสได้น้อยมากๆ นอกจากลูกยิงไกลของ สรวิทย์ พานทอง แทบไม่มีลูกเสียวใดๆ ที่จะลุ้นตีเสมอได้เลย

ในภาพอาจจะมี 7 คน, ผู้คนกำลังยืน และ สถานที่กลางแจ้ง

เกมสุดท้ายเล่นยาก

 

หลังจากจบเกมที่สอง ทำให้สถานการณ์ของกลุ่มเอ ในตอนนี้ถือว่าบีบหัวใจมากๆ เพราะทั้ง 4 ทีมยังคงมีลุ้นเข้ารอบกันหมด ไม่ว่าจะเป็น ไทย, ออสเตรเลีย, อิรัก และ บาห์เรน

 

เอาจริงๆ คิดไม่ยาก นัดสุดท้ายจะเข้าตำราคู่ใครคู่มัน ใครทำดีกว่าก็จะตีตั๋วเข้าสู่รอบ 8 ทีมต่อไป โดย “ช้างศึก” ขอแค่เสมอ อิรัก ก็จะเข้ารอบทันที

 

ทว่าโจทย์แบบนี้เห็นกันมาเยอะแล้ว บอลที่เล่นเอาแค่เสมอต้องบอกว่า “ยาก” กว่าด้วยซ้ำ เพราะ อิรัก มีมุมเดียวคือต้องชนะให้ได้ ดังนั้นพวกเขาไม่ต้องคิดมากคือบุกให้ดีที่สุดเท่านั้้น

 

แต่ อากิระ นิชิโนะ มีช้อยส์ให้เลือกเยอะ จะเน้นรับเพื่อเอาผลเสมอ หรือจะบุกเพื่อยิงนำให้ได้ก่อน บอกเลยแค่คิดก็ปวดหัวแทนกุนซือเลือดซามูไรแล้ว