ปีสุดท้ายในยุโรป : ฤดูกาลที่ถูกลืมเลือนของเสือเตี้ยในเซบีย่า

 

ไม่ว่า ดีเอโก้ มาราโดน่า จะไปค้าแข้งที่ไหน แทบทุกทีมล้วนยกให้เขากลายเป็นบุคคลสำคัญของสโมสรทั้งสิ้น

 

ทั้ง อาร์เจนตินอส จูเนียร์ สโมสรแรกของเสือเตี้ย ก็มีการตั้งชื่อสนามตามชื่อของเขา กับ โบคา จูเนียร์ ที่ค้าแข้งด้วยถึง 2 หน ก็มีเอ็กซ์คูซิส บ็อกซ์ ของตัวเอง และแฟนบอลก็ยังร้องเพลงเรียกชื่อเขาอยู่

 

ในยุโรป มาราโดน่า ก็ถูกจดจำในฐานะแข้งสถิติโลกตอนย้ายไปร่วมทีมบาร์เซโลน่า และ นาโปลี ที่ที่กลายเป็นตำนานของสโมสร และเป็นแชมป์โลกกับทีมชาติในเวลาต่อมา

 

แต่ก่อนที่เขาจะย้ายกลับไปเล่นในบ้านเกิด มีช่วงหนึ่งที่เขายังผจญภัยในยุโรปเป็นครั้งสุดท้าย และเป็นฤดูกาลที่ใครหลายคนลืมเลือน และนั่นก็คือช่วงเวลาอันแสนสั้นของ มาราโดน่า ในเซบีย่า 

 

ทีมในแคว้น อันดาลูเซีย เป็นทีมที่ไม่มีใครให้ความสนใจ และพอจะเข้าใจได้ว่าเหตุใดที่เป็นแบบนี้ เนื่องจากไม่มีความสำเร็จใดๆออกมาเป็นรูปธรรมเลยซักอย่างเดียวในยุคนั้น

 

แต่ความหวังก็เริ่มฉายแสงขึ้นมา เมื่อ มาราโดน่า ย้ายเข้ามา เขาประกาศว่าจะพาเซบีย่าเป็นแชมป์ หลังเคยทำได้ครั้งล่าสุดเมื่อเกือบ 50 ปีก่อน และสโมสรก็หลุดอันดับท็อปโฟร์มานานกว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งมันเป็นอะไรที่เหลือเชื่อมากๆว่าเขาจะทำได้

 

แต่แบบอย่างที่ดีก็มีอยู่ เช่น นาโปลี ที่ไม่เคยคว้าแชมป์ในอิตาลี เสือเตี้ย กลับพาพวกเขาชูแชมป์ลีกถึง 2 สมัย จนถูกยกย่องให้กลายเป็นเทพเจ้าของชาวเนเปิ้ลไปโดยปริยาย

 

มาราโดน่า เพิ่งพ้นโทษแบน 15 เดือนสำหรับการเสพโคเคน ซึ่งเขาเพิ่งมีอายุเพียง 31 ปีเท่านั้น ทำให้พอมีช่วงเวลาเชิดฉายอยู่ และการได้ร่วมงานกับ คาร์ลอส บิลาร์โด้ กุนซือเซบีย่า ที่เคยพา อาร์เจนติน่า คว้าแชมป์โลกในปี 1986 ก็เป็นสัญญานที่ดีเช่นกัน

 

แต่ทุกอย่างกลับพังไม่เป็นท่า และเป็นฤดูกาลที่วุ่นวายสำหรับทีมรวมถึงตัวของ มาราโดน่าด้วยเช่นกัน

 

 

เบื้องหลังดีลระดับโลก

 

 

บิลาร์โด้ รู้ดีว่าเขาถูกต่อต้าน เมื่อเข้ามารับงานกับ เซบีย่า ในซัมเมอร์ปี 1992 หลังเพิ่งจบครึ่งตารางร่างในลาลีก้ามาหมาดๆ 

 

“เราต้องยอมรับว่าแชมป์จะเป็นการขับเคี่ยวกับระหว่าง เรอัล และ บาร์ซ่า เท่านั้น” เขากล่าว

 

แต่โค้ชวัยเก๋าก็มีแผนเด็ดด้วยการคว้า ดีเอโก้ มาราโดน่า มาร่วมทีม

 

ไอคอนแดนฟ้าขาว คนที่ บิลาร์โด้ ใช้เป็นจุดศูนย์กลางในการสร้างทีมชุดแชมป์โลกที่ เม็กซิโก เมื่อ 6 ปีก่อน กำลังถูกแบนจากกีฬาลูกหนังด้วยข้อหาใช้สารเสพติด และไม่มีความตั้งใจจะกลับไปเนเปิ้ลอีก แต่สโมสรที่นั่นก็คงไม่ปล่อยตัวเขาแน่ๆ

 

หลุยส์ เควียร์วาส ประธานของเซบีย่า ได้สัญญาว่าจะกระชากเสือเตี้ยมาร่วมทีมให้ได้ แต่ข้อเสนอ 2.5 ล้านปอนด์ ก็ถูกปฏิเสธไป ซึ่ง บิลาร์โด้ ก็ขู่ว่าจะลาออก ถ้าแข้งคนโปรดของเขาไม่ย้ายมาร่วมทีม แต่ฤดูกาลนั้นก็เริ่มต้นในช่วงแรกโดยไม่มีเขา ทำให้ต้องมีการแทรงแซงจาก เซปป์ แบล็ตเตอร์ และ ฟีฟ่า ในดีลนี้

 

มหาอำนาจต่างๆกังวลว่า มาราโดร่า จะกลับมามีช่วงเวลาที่ดีในฟุตบอลโลกปี 1994 มีการประชุม 5 ชั่วโมงที่สำนักงานใหญ่ฟีฟ่า โดยมี แบล็ตเตอร์ เป็นผู้ช่วยจัดการดีลให้

 

ค่าตัวเพิ่มอีก 4.5 ล้านปอนด์ ถูกจ่ายไปโดย บริษัทสื่อในอิตาลีของ ซิลวิโอ แบร์คุสโลนี่ เพื่อการันตีว่า มาราโดน่าจะย้ายไปเซบีย่า ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าหลังจากนั้นเขาจะต้องเดินทางไปโชว์ฝีเท้าในเกมอุ่นเครื่องรอบโลก

 

สุดท้ายช่วงปลายเดือนกันยายนปี 1992 ดีเอโก้ ก็ย้ายมาร่วมทีมดังแคว้นอันดาลูเซียตามที่ บิลาร์โด้ ต้องการเสียที

 

 

จุดเริ่มต้น

 

 

งานนิทรรศการของเมืองเซบีย่าได้มีขึ้นตลอดซัมเมอร์นั้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบ 500 ปีที่ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เตรียมตัวเดินเรือเพื่อค้นพบโลกใหม่จากเมืองที่ตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำ กัวดาคิวี แต่มันก็ถูกปิดลงภายในอาทิตย์เดียวที่มาราโดน่าย้ายเข้ามา

 

ย้อนกลับไปในปี 1988 ในสมัยที่เล่นกับทีมชาติในเซบีย่า มาราโดน่าเคยบอกว่าเขาชื่นชอบแฟน เรอัล เบติส คู่อริของทีม แต่ในตอนนี้กลับถูกลืมอย่างง่ายดาย หนึ่งวันหลังจากที่เขาย้ายมาร่วมทีม สมาชิกของเซบีย่าเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดจาก 26,000 เป็น 40,000 ราย และขายตั๋วไปถึง 2.2 ล้านปอนด์

 

บิลาร์โด้ อธิบายเรื่องสำคัญให้กับทีมในตอนประชุมว่า เขา และทีมกลายเป็นเบื้องหลังแล้วในตอนนี้ นี่จะเป็นโชว์ของ มาราโดน่า แต่พวกเขาควรเชื่อใจความอัฉริยะของแข้งร่างเล็ก เขาจะพาเราไปในที่ที่พิเศษเอง ซึ่งไม่มีใครโต้แย้งหรือไม่เห็นด้วยแต่อย่างใด

 

มาโนโล่ ฆิมิเนซ ได้ส่งต่อปลอกแขนกัปตันให้กับ มาราโดน่า แต่การซ้อมในตอนเช้าถูกเลื่อนไปเป็นตอนบ่ายจากคำสั่งของ บิลาร์โด้ ซึ่งหลายคนสงสัยว่าคงมีเหตุผลอื่นมากกว่า

 

นิสัยชอบตระเวนราตรีของ มาราโดน่า ยังไม่เปลี่ยน เขาชอบปรากฏตัวท่ามกลางผู้คนมากมาย และขณะที่ยังอยู่ในโรงแรมของเมือง เขาขับรถเมอร์เซเดสชนในเวลาตีสอง

 

หลังจากนั้นไม่นาน เขาได้ย้ายไปอยู่หมู่บ้านของ ฮวน อันโตนิโอ ลุยซ์ โรมัน นักสู้วัวกระทิงชื่อดังระดับโลก ผู้มีฉายาว่า ‘สปาร์ตาคัส’ (Spartacus)

 

 

ระเบิดฟอร์มตอนอุ่นเครื่อง

 

 

ทุกอย่างเริ่มต้นได้อย่างสวยงามในเกมที่พบกับ บาเยิร์น มิวนิค ในวันที่ 28 กันยายนปี 1992 มาราโดน่าพาทีมเซบีย่าเอาชนะไปได้ 3-1

 

“มันเป็นเกมอุ่นเครื่อง” โฆเซ่ มิเกล เปรโต เพื่อนร่วมทีมกล่าว “แต่มันไม่เหมือนเกมไหนๆ มันเป็นโชว์ที่ยอดเยี่ยม”

 

ในเดือนพฤศจิกายนที่เสมอกับ ลาซิโอ ที่มี พอล แกสคอยน์ ไป 1-1 เสือเตี้ยเกือบยิงประตูชัยให้ทีมด้วยการจักรยานอากาศช่วง 2 นาทีสุดท้าย แต่บอลดันไปชนคานเสียก่อน

 

มีเกมกระชับมิตรทั้งกับ เซา เปาโล และ ปอร์โต้ แฟนบอลต่างพากันคลั่งไคล้เมื่อพบ มาราโดน่า ในเกมอุ่นเครื่องพบกับ กาลาตาซาราย ที่อิสตันบลู บางทีความทรงจำที่ดีที่สุด อาจเป็นการที่เขาได้กลับไป บัวโนสไอเรส เพื่อแข่งกับ โบคา จูเนียร์ สโมสรเก่าของเขา

 

“ผมไม่เคยเห็นความคลั่งไคล้จนกระทั่งผมได้เห็นสิ่งนั้น” เปรโตกล่าวต่อ

 

เมื่อกลับมาในลาลีก้า มาราโดน่า ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน ด้วยยิงประตูชัยจากจุดโทษในการประเดิมเกมลีกนัดแรกกับ เรอัล ซาราโกซ่า ในบ้าน แต่ช็อตที่หลายคนจำได้ดีติดตาคือตอนที่เขาพบฟรอยด์ห่อแซนด์วิชที่ม้วนเป็นลูกบอล ขณะกำลังเดินไปเตะมุม

 

 

แข้งชาวอาร์เจนไตน์ เดาะฟรอยด์ลูกนั้นอย่างเชื่องเท้าไม่ต่างจากลูกบอลจริงๆ สร้างความชอบใจแก่แฟนเซบีย่าอย่างมาก

 

“เขาเคยทำแบบนั้นหลายครั้งแล้วในตอนซ้อม” ราฟา ปาซ เพื่อนร่วมทีมอีกคนของเสือเตี้ยกล่าว

 

“เขาเห็นลูกมะนาวอยู่บนสนาม และเขาก็ใช้เท้าหยิบขึ้นมาและทำอย่างนั้นจนกว่าจะเบื่อ ลองนึกภาพคนอื่นๆในทีม มีการลองทำแบบนั้นเมื่อ ดีเอโก้ ไม่อยู่ มันเหลือเชื่อจริงๆ”

 

 

ที่รักของเพื่อนๆ

 

 

นอกจาฟอร์มการเล่นแล้ว มาราโดน่า ดูจะปรับตัวได้กับเพื่อนร่วมทีมใหม่อย่างไม่มีปัญหา ด้วยความเป็นคนที่เข้ากับผู้อื่นได้ง่าย มีน้ำใจ ทำให้กลายเป็นที่รักของคนอื่นๆตั้งแต่เริ่ม

 

มอนชี่ อดีตแข้งที่กลายเป็นผู้อำนวยการสโมสรในอีกหลายปีต่อมา จำได้ว่าเมื่อ มาราโดน่า เห็น นาฬิกาโรเล็กซ์ปลอม ก็ซื้อของแท้ให้ทันที ขณะที่คนอื่นๆจะได้เสื้อผ้า หรือมีโอกาสได้ลองขับรถสุดหรูของเขา และมีมื้อค่ำกับปาร์ตี้ด้วย

 

“มันสนุกสนานและมีความสุขมากๆ” ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ กุนซือแอตเลติโก้ มาดริด และรุ่นน้องร่วมชาติของเสือเตี้ยกล่าวถึงช่วงที่เขาเป็นกองกลางดาวรุ่งในทีมเซบีย่า

 

“การมาของ มาราโดน่าในเซบีย่า ณ ตอนนั้น เป็นก้าวที่สำคัญมาก เป็นช่วงสำคัญของทีม ดาวรุ่งหลายคนรู้สึกได้รับการช่วยเหลือจากเขา มันทำให้เราเติบโต และผมขอบคุณช่วงเวลานั้นที่ทำให้ผมได้เล่นฟุตบอลกับ มาราโดน่า”

 

เกมพบกับ สปอร์ติ้ง กิฆอน เป็นที่จดจำได้ดี รวมไปถึงเกมที่เอาชนะ เรอัล มาดริดได้ในเดือนธันวาคมเช่นกัน และเชื่อว่าคนที่น่าจะประทับใจสุดๆคงเป็น ดาวอร์ ซูเคอร์ 

 

 

หอกชาวโครแอต ยิงประตูแรกให้เซบีย่าในเกมวันนั้น และคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกกับ เรอัล มาดริด ในปี 1998 ก่อนจะคว้าดาวซัลโวบอลโลกปีเดียวกันที่ฝรั่งเศส

 

“เมื่อผมยังเด็ก ผมเคยดู ดีเอโก้ ผ่านทางโทรทัศน์ในห้องของผม” อดีตแข้งทีมชาติโครเอเชียย้อนความ

 

“จู่ๆ ผมก็พบว่าตัวเองได้ทานอาหารเช้า, ได้ฝึกซ้อม และใช้ห้องล็อกเกอร์ร่วมกันกับเขา ผมหวังว่าเขาจะสอนบางอย่างให้ผม ซึ่งท้ายที่สุดเขาก็เรียกผม”

 

“เขาบอกว่า : ‘ฉันไม่อยากให้นายวิ่งออกไปด้านข้าง แค่วิ่งก้มหน้าไปหาผู้รักษาประตู และฉันจะจ่ายบอลให้นายตรงนั้นเอง’ ”

 

“มีผู้เล่นไม่กี่คนบนโลกที่พูดแบบนั้น แต่เขาเป็นหนึ่งในนั้น ถ้าคุณเห็นประตูที่ผมทำให้ เซบีย่า มันจะมาในรูปแบบคล้ายกันเสมอ”

 

“มันเป็นบางอย่างที่จะอยู่กับผมตลอดไป”

 

 

ปัญหาที่ตามมา

 

 

เซบีย่า อยู่อันดับครึ่งบนตาราในลีก และกำลังอยู่ในตำแหน่งลุ้นไปเล่นบอลยุโรป โชคไม่ดีที่มันอยู่ได้ไม่นาน และปัญหาทุกอย่างก็เกิดขึ้นหลังจากนี้

 

มาราโดน่าถูกเรียกติดทีมชาติอาร์เจนติน่าอีกครั้ง อัลฟิโอ้ บาซิล กุนซือของทีมไม่สามารถเมินเขาได้อีกต่อไป หลังจากหายหน้าไป 2 ปี เขาก็ได้ลงเล่นในเกมอุ่นเครื่องหลายนัด และทำได้ดีไม่น้อย

 

กลับกันความสนใจในต้นสังกัดของเขาดูน้อยลง เกมลาลีก้ายังคงดำเนินต่อไป และมาราโดน่าก็ยังเป็นที่ต้องการของสโมสรในเกมพบกับ โลโกรเนส แต่เขากลับเดินทางออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสโมสร

 

หลังจากนั้นความสัมพันธ์ก็ไม่เคยกลับมาดีเหมือนเดิมอีกเลย

 

การเดินทางมาสนามน้อยลงกว่าเดิม เขามีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 2 สโตน (เกือบ 13 กิโลกรัม) ทำให้สโมสรเริ่มหาทางออกในเรื่องนี้ ซึ่งมีการรายงานว่า เสือเตี้ย ถูกติดตามโดยนักสืบเอกชน มีการจัดฉากสร้างเรื่องราวเพื่อทำให้เขาไม่รับเงินค่าจ้าง

 

ในเวลาต่อมา มาราโดน่า ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม หลังขับรถปอร์เช่ด้วยความเร็วสูงในเมือง

 

 

จุดจบของเรื่องราว

 

 

จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญคือเกมสุดท้ายในบ้านของ มาราโดน่า ที่เสมอกับ บูร์โกส 1-1 โดยในช่วงต้นครึ่งหลัง บิลาร์โด้ เปลี่ยนสตาร์ดังออกจากทีม และทั้งคู่ก็มีปากเสียงกันอย่างรุนแรง

 

นับตั้งแต่นั้น เขาก็ไม่เคยเล่นให้ เซบีย่า อีกเลย และลาเมืองนี้ไปวันที่ 23 มิถุนายน ปี 1993 หลังทีมจบอันดับ 7 ในตาราง หลุดอันดับลุยฟุตบอลยุโรป และ มาราโดน่า ส่งท้ายด้วยการฟ้องร้องทีม เนื่องจากค่าจ้างที่ยังค้างชำระ 

 

เรื่องราวการผจญภัยทั้งหมดจบลงด้วยความบาดหมางอันน่าเศร้า ทั้งๆที่เริ่มต้นกันได้อย่างสวยงามแท้ๆ ท้ายที่สุดการลงเล่น 26 เกมกับอีก 5 ประตู ก็ช่วยให้มาราโดน่ากลับไปติดทีมชาติอีกครั้ง และยิงประตูสำคัญในเกมพบกับ กรีซ ในบอลโลกปี 1994 ก่อนจะถูกส่งตัวกลับบ้านหลังตรวจพบสารกระตุ้น

 

แม้นี่จะเป็น 1 ปีที่มี่ความทรงจำดีๆแค่ชั่วครั้งชั่วคราวในทีมเซบีย่าของ มาราโดน่า แต่สำหรับผู้คนอื่นๆที่อยู่เหตุการณ์เหล่านั้น ต่อให้พวกเขาไร้ความสำเร็จกับสโมสรในฤดูกาลนั้น การได้เล่นเคียงข้าง ตำนานแข้งอย่าง มาราโดน่า ก็ให้รู้สึกไม่ต่างจากการคว้าแชมป์มาครองและมันจะเป็นความทรงจำที่ติดตัวพวกเขาไปอีกแสนนาน