ปีหน้าว่ากันใหม่! 6 ปัจจัยส่งผลสิงห์เจ้าท่าโอกาสลุ้นแชมป์ลีกลิบหลี่

 

แน่นอนว่าก่อนเริ่มต้นออกสตาร์ทซีซั่น 2020/2021 ปฏิเสธไม่ได้ว่า การท่าเรือ เอฟซี คืออีกหนึ่งทีมลุ้นแชมป์ศึก โตโยต้า ไทยลีก ฤดูกาลนี้ หลังพวกเขาเดินหน้าเสริมผู้เล่นบิ๊กเนมทั้งตัวไทยและนอกเข้ามาเสริมทัพอย่างต่อเนื่อง

 

ทว่าเมื่อการแข่งขันออกสตาร์ทผลงานของพวกเขากลับทำได้ไม่ตามเป้าที่ว่างไว้ จนการแข่งขันฤดูกาลนี้กำลังจะเข้าสู่โค้งสุดท้าย รองจ่าฝูงอย่าง “สิงห์ท่าเรือ” มีแต้มตามหลัง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด 16 คะแนน กับโปรแกรมที่เหลือ 10 นัด เพราะฉะนั้นต้องยอมรับว่าโอกาสของพวกเขาเริ่มน้อยลงทุกขณะ

 

มีอยู่หลายปัจจัยซึ่งส่งผลให้ การท่าเรือ ยากจะลุ้นแชมป์ในซีซั่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบรรดานักเตะแกนหลักซึ่งผลงานไม่ต้องเนื่อง, ปัญหาเกมรับที่เราเห็นได้ชัดในหลายเกม หรือแม้กระทั่งกุนซือที่ดูยังขาดประสบการณ์พอสมควร

 

วันนี้ Ufaarena ขอพสมาดูกันว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ การท่าเรือ เอฟซี เหลือโอกาสลุ้นแชมป์ โตโยต้า ไทยลีก ฤดูกาล 2020/2021 น้อยบงทุกที จะมีอะไรกันและมันส่งผลกับพวกเขามากน้อยแค่ไหน

 

 

นักเตะแกนหลักฟอร์มไม่ต่อเนื่อง

 

ต้องยอมรับว่านี่ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นกับ การท่าเรือ เอฟซี ณ เวลานี้ กับผลงานบรรดาผู้เล่นแกนหลักซึ่งยังฟอร์มไม่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะแนวรุกที่ผลิตสกอร์ให้กับทีมไม่สม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นนักเตะอย่าง เนลสัน โบนีญ่า หรือ อดิศักดิ์ ไกรษร รวมถึงศูนย์หน้าตัวใหม่ ยานนิค โบลี่

 

ขณะที่ผู้เล่นริมเส้นอย่าง บดินทร์ ผาลา, นูรูล ศรียานเก็ม หรือแม้กระทั่ง ปกรณ์ เปรมภักดิ์ หากสามารถรักษาฟอร์มการเล่นของตัวเองให้ดีต่อเนื่อง การท่าเรือ จะเพิ่มความอันตรายจากเกมด้านกว้างขึ้นอีกเยอะ ซึ่งหากวันใดทั้งสามคนทำผลงานได้ดีทีมมักได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ แต่หากพวกเขาเล่นไม่ออกเป็นเรื่องยากทันทีกับการเก็บชัยชนะสำหรับ “สิงห์เจ้าท่า” เพราะนอกจากจะลุ้นทำประตูแล้วพวกเขายังเป็นตัวทำเกมให้กับทีมด้วย

 

ส่วนแนวรับนักเตะอย่าง เอเลียส ดอเลาะ และ วรวุฒิ นามเวช ถือเป็นการจับคู่ที่ค่อนข้างลงตัว หากทั้งคู่เล่นอยู่ในฟอร์มที่ดีถือเป็นงานใหญ่สำหรับฝ่ายตรงข้ามทันที แต่หากตรงกันข้ามก็อาจเป็นฝันร้ายของทีมตัวเองได้เช่นกัน

 

 

แนวรับเสียประตูง่าย

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่า “สิงห์ท่าเรือ” คือทีมที่ถลุงประตูคู่แข่งเป็นกอบเป็นกำตลอดซีซั่น 2020/2021 ที่ผ่านมา ทว่าเกมรับก็ถือเป็นปัญหาใหญ่ของพวกเขาเช่นกัน ซึ่งหลังลงเล่นเกมลีก 20 นัด ลูกทีม “โค้ชอู๊ด” สระราวุฒิ ตรีพันธ์ โดนเจาะตาข่ายไปแล้ว 26 ลูก มากสุดอันดัน 2 ในบรรดาทีมท็อปไฟว์ของตาราง เป็นรองแค่เพียง ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ซึ่งเสีย 31 ประตู

 

ปัญใหญ่ของแนวรับ การท่าเรือ เอฟซื คือการโดนโต้กลับเร็วซึ่งเราเห็นได้ชัดเจนมากจากเกมบุกแพ้ สมุทรปราการ ซิตี้ 6 – 3 บ่อยครั้งที่เราเห็นแผงแนวรับดันขึ้นไปเล่นเกมรุกเกินครึ่งสนาม หรือแม้กระทั่งลุ้นโอกาสทำประตูจากเตะมุม ทว่าหลายครั้งพวกเขาโดนคู่แข่งสวนกลับเร็วและเสียประตู

 

ส่วนอีกหนึ่งจุดที่น่าหนักใจคือการโดนโจมตีบริเวณริมเส้น เนื่องจากผู้เล่นตำแหน่งผู้แบ็คทั้งสองฝั่งเต็มสูงขึ้นไปเล่นเกมรุก โดยเฉพาะทางฝั่งซ้ายอย่าง เควิน ดีรมรัมย์ ซึ่งต้องยอมรับว่าจังหวะเล่นเกมรุกเขาทำได้ดีไม่แพ้ใครในลีก แต่เกมรับยังคงต้องพัฒนายกระดับการเล่นให้ดีขึ้นกว่าเดิม และนั่นจะให้เขากลายเป็นหนึ่งในแบ็คซ้ายที่ดีที่สุดของเมืองไทย แน่นอน

 

 

เจอเกมใหญ่เอาตัวไม่รอด

 

ถือเป็นผลงานที่ค่อนข้างน่าผิดหวังสำหรับการเผชิญหน้ากับบรรดาทีมใหญ่ในฤดูกาลนี้สำหรับ การท่าเรือ เอฟซี โดยตลอดสองเกมหลังสุดซึ่งพบกับทั้ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ลูกทีม “โค้ชอู๊ด” พ่ายแพ้ให้กับคู่แข่งทั้งสองนัด

 

โดยหากนับสถิติตลอด 5 เกมที่ผ่านมาซึ่ง การท่าเรือ เอฟซี พบกับทีมกลุ่มลุ้นแชมป์อย่าง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด, สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด พวกเขาชนะแค่เพียง 2 เกม เสมอ 1 เกม และแพ้ 2 เกม ถือว่าพวกเขาเสียแต้มเยอะมากให้คู่แข่งโดยตรง

 

อย่างไรก็ตามโปรแกรม 3 นัดที่เหลือ สำหรับการเล่นอีกหนึ่งเกมกับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด, สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด และ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด หากพวกเขาสามารถทำผลงานได้ดี และจ่าฝูงอย่าง “เดอะ แรบบิท” มีช่วงสะดุดพลาด ก็อาจเป็นไปได้เช่นกันกับการพลิกสถานการณ์ลุ้นแชมป์ซีซั่นนี้

 

 

นักเตะหลายคนยังไม่มีประสบการณ์ลุ้นแชมป์

 

แม้พวกเขาถูกยกให้เป็นตัวเต็งลุ้นแชมป์ตลอดหลายซีซั่นที่ผ่านมา แต่หากมองตามความเป็นจริงแล้วผู้เล่นหลายคนของ “สิงห์ท่าเรือ” ดูยังขาดประสบการณ์สำหรับการเบียดแย่งแชมป์อยู่พอสมควร

 

เห็นได้จากช่วงท้ายฤดูกาลที่ผ่านมา เมื่อโปรแกรมเดินทางมาถึงช่วงโค้งสุดท้าย การท่าเรือ เอฟซี พลาดให้กับคู่แข่งต่อเนื่อง จนทำให้พวกเขาหมดลุ้นแชมป์ในท้ายที่ เมื่อมองผู้เล่นที่มีอยู่หลายคนยังไม่เคยมีประสบการณ์เบียดลุ้นแชมป์แบบเข้มข้นมาก่อน แม้กระทั่งนักเตะคนสำคัญอย่าง เซร์คิโอ ซัวเรซ หรือ เนลสัน โบนีญ่า ส่วนนักเตะไทย จะมีแค่ ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ชาริล ชัปปุยส์, อดิศร พรหมรักษ์ และ อดิศักดิ์ ไกรษร ซึ่งเคยผ่านการคว้าแชมป์มาแล้ว ทว่าพวกเขายังไม่สามารถยึดตัวหลักของทีมได้

 

 

ขาดแฟนบอลคอยหนุนหลัง

 

เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ขาดหายไปและส่งผลกระทบต่อทีมอย่าง “สิงห์คลองเตย” ไม่น้อย สำหรับแฟนซึ่งถูกส่งห้ามเขาสนามตลอดช่วงออกสตาร์ทซีซั่นช่วงเลกสอง เพื่อหลีกเลี่ยงการระบาดของไวรัสโควิด-19

 

เป็นที่รู้กันดีว่าผู้เล่นคนที่ 12 ของ การท่าเรือ เอฟซี คือส่วนสำคัญในการพลักดันทีมมาตลอด กระทั่งประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ เมื่อซีซั่นที่แล้ว รวมถึงการลุ้นแชมป์ไทยลีก 2 – 3 ฤดูกาลที่ผ่านมา

 

โดยตลอดหลายนัดที่ผ่านมาซึ่งไม่มีแผนบอลอยู่ในสนาม เราเห็นได้ชัดเลยว่า การท่าเรือ ลดความน่ากลัวสำหรับคู่แข่งไปเยอะพอสมควร เช่นเดียวกันบรรดาลูกทีม สระราวุฒิ ตรีพันธ์ ดูขาดแรงกระตุ้นไม่น้อยเช่นกัน เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่แฟนบอลได้รับอนุญาตให้กับเขาสนาม แพท สเตเดี้ยม ความคึกคักและความน่ากลัวของ “สิงห์ท่าเรือ” จะกลับคืนมาอีกครั้งแน่นอน

 

 

กุนซือยังไม่ดีพอ

 

นี่คือประเด็นซึ่งกำลังถูกพูดถึงตลอด 2 – 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับผลงานและอนาคตของ “โค้ชอู๊ด”สระราวุฒิ ตรีพันธ์ กุนซือ การท่าเรือ เอฟซี คนปัจจุบัน ซึ่งออกสตาร์ทกับทีมได้อย่างยอดเยี่ยม ทว่าช่วงหลังกำลังตกสถานการณ์อันยากลำบาก แพ้ถึง 4 เกม ตลอด 6 นัดหลังสุด

 

แม้เทรนเนอร์วัย 41 ปี เน้นทำเกมสไตล์เกมรุกอันดุดัน ทว่าหากมองไปที่เกมรับถือว่าน่าผิดหวังสุดๆ 6 เกมหลังสุด พวกเขาเสียไป 13 ประตู ซึ่งนี่ถือเป็นจุดสำคัญซึ่งทำให้ การท่าเรือ โอกาสลุ้นแชมป์เริ่มลิบหลี่ลงทุกขณะ

 

ดูแล้วมีโอกาสเยอะพอสมควรกับการที่ สระราวุฒิ ตรีพันธ์ ได้อยู่กับ การท่าเรือ เอฟซี จนกระทั่งจบซีซั่นนี้ แต่หากเขาไม่สามารถพาทีมประสบความสำเร็จตามเป้าของสโมสร เชื่อได้เลยว่าเราคงได้เห็นหน้าผู้จัดการคนใหม่ในถิ่น แพท สเตเดี้ยม แน่นอน