ผมซี้คนนี้! 5 แข้งที่ควรได้บัลลงดอร์มากกว่าผู้ที่ถูกเลือก

 

 

บางครั้งผู้ที่มีสิทธิเลือกก็อาจจะเลือกผิดก็เป็นได้

 

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมารางวัลบัลลงดอร์ มุ่งเน้นที่จะมอบให้กับดาวเด่นหรือซุปตาร์คนสำคัญเป็นหลัก

 

จึงไม่แปลกใจเลยที่ทุกวันนี้เงื่อนๆไขในสัญญาของนักเตะดังๆจะเพิ่มออปชั่นสำหรับการคว้ารางวัลอันทรงเกียรตินี้เข้าไปด้วย เพื่อเป็นเหยื่อล่อให้ผู้เล่นระดับพรีเมี่ยม กระตือรือร้นขึ้นเป็นสองเท่ากับโอกาสไขว่คว้ารางวัลนี้มาเชยชม

 

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีผู้เล่นได้รับรางวัลนี้แบบเป็นเอกฉันท์และยอมรับได้ แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่น่าจะได้แต่กลับได้ไปครองแบบอึ้งกิมกี่เลยทีเดียว ซึ่งอาจเป็นเพราะการเลือกที่ผิดพลาดของผู้ที่มีสิทธิลงคะแนนโหวตก็เป็นได้ 

 

ซึ่งในวันนี้ทีมงาน UFA Arena.com จะพาไปติดตามกันว่ามีแข้งดังรายไหนบ้างที่ควรได้รับรางวัลบัลลงดอร์มากกว่านักเตะที่ถูกเลือก

 

5.ซีดานควรเป็นโรนัลโด้ (1998)

 

เป็นที่รู้กันดีว่าการพาตราไก่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 1998 ที่ประเทศของพวกเขาเป็นเจ้าภาพแถมยังเป็นผู้ยิง 2 ประตูในนัดชิงชนะเลิศนั้นเป็นส่วนหนึ่งทำให้ซีดานได้รับเลือกให้คว้าบัลลงดอร์ แต่อย่างไรก็ตามมันไม่ค่อยยุติธรรมนักที่จะบอกว่าในปี 1997-98 เขาเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในโลก เพราะในสโมสรยูเวนตุสเขาไม่ได้โชว์ผลงานที่โดดเด่นมากนัก

 

ในฤดูกาลดังกล่าวเป็นปีที่ซิซูทำผลงานได้ดีที่สุดตลอด 5 ปีที่อยู่กับเจ้าม้าลาย โดยทำไปได้ 11 ประตูกับอีก 8 แอสซิสต์ แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้เขาคว้ารางวัลนี้ไปครองที่ 244 คะแนน ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่างดาวอร์ ซูเคอร์ที่ 176 คะแนน

 

 

 

กระนั้นก่อนที่ซีดานจะก้าวไปเป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลก เขาเคยมีรอยด่างพร้อยในศึกเวิลด์คัพปี 98 หลังโดนใบแดงในนัดที่พบกับซาอุดิอาระเบียของรอบแบ่งกลุ่มนัดที่ 2 ทำให้ถูกแบนไป 2 เกม จากนั้นเขาก็พ้นโทษกลับมาและโชว์ฟอร์มแจ่มในการดวลกับอิตาลีของรอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนจะเงียบสงัดในเกมกับโครเอเชียในรอบรองชนะเลิศ

 

ถัดจากนั้น 2 ปีในยูโร 2000 ซีดานก็สานต่อฟอร์มที่สุดยอด ด้วยการพาเลอ เบลอส์ คว้าถ้วยยุโรปมาครองได้สำเร็จ

 

สำหรับรางวัลดังกล่าวนั้น โรนัลโด้ ได้เพียงอันดับที่ 3 แม้จะพาต้นสังกัดอย่างอินเตอร์ มิลานคว้าถ้วยยูฟ่าคัพและเกือบจะช่วยงูใหญ่ได้แชมป์สคูเด็ตโต้ในปี 97-98 เหยินใหญ่ทำประตูได้ 24 ลูกรวมทุกรายการกับสโมสร นอกจากนั้นยังยิงอีก 4 ประตูในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 98 เขาได้รับรางวัลลูกโลกทองคำในปี 1997 แต่ก็พลาดในปี 1998

 

 

4.ฟิโก้น่าจะเป็นซีดาน (2000)

 

นี่เป็นปีทองของซีดานเลยก็ว่าได้ แต่รางวัลกลับตกไปที่หลุยส์ ฟิโก้ ซึ่งเขาไม่ได้โชว์ฟอร์มเทพอะไรให้เป็นที่ประจักษ์มากนัก ในปีนั้น อีกอย่างทีมชาติโปรตุเกสของเขาก็ตกรอบรองชนะเลิศในศึกยูโร 2000 ด้วยน้ำมือของทีมชาติฝรั่งเศสของซิซูอีกต่างหาก

 

การได้รางวัลบัลลังดอร์ครั้งที่ 2 ของซีดานคงจะเร็วเกินไป แต่เขาก็ควรจะได้รางวัลดังกล่าวจริงๆ แม้จะมีฤดูกาลที่ย่ำแย่กับยูเว่ (5 ประตู 39 นัด รวมทุกรายการ) แต่ด้วยฟอร์มที่สุดจ๊าบของเขาในยูโร 2000 ก็พิสูจน์ให้ชาวโลกเห็นแล้วว่าเขาสุดยอดขนาดไหน

 

ปี 2000 นั้นรางวัลบัลลงดอร์สมควรที่จะเป็นของเขามากกว่าปี 98 ที่ฝรั่งเศส เพราะปีที่ได้แชมป์โลกนั้นซีดานยังไม่โดดเด่นเท่าปีดังกล่าว และนับจากนั้นมาเพลย์เมกเกอร์หัวไข่ดาวในตำนานก็กลายเป็นแข้งระดับโลกที่กวาดแชมป์ระดับสโมสรและส่วนตัวให้กับตัวเองอีกมากมาย

 

ต้องบอกว่า ฟิโก้ คงมีความสุขมากในปี 2000 หลังเขานำทัพบาร์เซโลน่าเข้าสู่รอบรองชนะเลิศของยูฟ่าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกและเข้าป้ายอันดับ 2 ในลาลีกาด้วยการทำไป 14 ประตูกับอีก 14 แอสซิสต์จาก 51 เกมรวมทุกรายการ หลังจากนั้นเขาก็ย้ายข้ามไปอยู่กับคู่อริอย่างเรอัล มาดริดด้วยค่าตัวสถิติโลกและโชว์ผลงานได้อย่างร้อนแรงให้กับราชันชุดขาวเรื่อยมาจนกระทั่งหมดสัญญา

 

ยิ่งไปกว่านั้นฟิโก้ยังเป็นคีย์แมนคนสำคัญเช่นเดียวกับซีดานในฐานะกัปตันทีมทีมชาติของพวกเขา จนกลายเป็นตำนานของโปรตุเกสจวบจนถึงทุกวันนี้

 

 

 

ด้วยฝีเท้าของฟิโก้แล้วคงไม่ต้องสาธยายให้ใครได้รู้ว่าเขาเก่งแค่ไหน แต่เขากลับไม่สามารถช่วยทีมฝอยทองไปถึงฝั่งฝันในศึกยูโร 2000 ได้ เพราะดันไปแพ้ทีมชาติฝรั่งเศสของซีเนอดีน ซีดานในรอบรองชนะเลิศ นั่นคือทัวร์นาเม้นต์ที่ใกล้เคียงที่สุดแล้วของฟิโก้ ผิดกลับซีดานที่ได้รางวัลระดับนานาชาติครบหมดทุกอย่าง

 

ซีดานอาจไม่ใช่หนึ่งเดียวที่สามารถครองแชมป์ฟุตบอลยูโรได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลในการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติ

 

ในปี 2016 ฟิโก้ ออกมาเปิดเผยว่า ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ น่าจะเป็นแคนดิเดตกับการคว้ารางวัลบัลลังดอร์ หลังโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจในยูโร 2000 โดยปีนั้นเจ้าชายหมาป่าได้รับการโหวตเป็นลำดับที่ 14 

 

บางทีคำพูดของฟิโก้อาจจะเป็นแค่คำอวยพรวันเกิดของต๊อตติเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงในปี 2000 ยังมีตัวเลือกอีกหลายรายที่เหมาะสมกับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ก่อนที่ซิซูจะได้ไปครอง

 

 

3.โอเว่นน่าจะเป็นราอูล (2001)

 

ล่าสุดในการไลฟ์สดผ่านทางอินสตาแกรมระหว่างอเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ และโรนัลโด้ R9 กล่าวว่า  เดล ปิเอโร่ พร้อมกับ ราอูล, ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ,เปาโล มัลดินี่และโรแบร์โต้ คาร์ลอส ,มองว่ารางวัลบัลลงดอร์ในปี 2001 ควรตกเป็นของราอูล

 

เมื่อมองดูในปี 2020 ไมเคิล โอเว่น ถือว่าเป็นนักเตะที่โชคดีมากกับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลก ซึ่งหลังจากอายุ 25 ปี ฝีเท้าของเขาก็เริ่มดรอปลง กลายเป็นผู้เล่นฝีเท้าธรรมดาคนหนึ่ง ผิดกลับสมัยตอนที่เริ่มต้นอาชีพใหม่ๆ

 

มันเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจที่โอเว่นคว้ารางวัลดังกล่าว เพราะตลอดฤดูกาล 2000/01 เขาได้รับบาดเจ็บเกือบทั้งซีซั่น โดยลงเล่นไปเพียง 28 นัดในลีก ทำไปได้ 16 ประตู แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาฉายแสงออกมาก็คือแมตช์ที่ยิงใส่อาร์เซน่อลในรอบชิงชนะเลิศของถ้วยเอฟเอคัพจนพาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ได้สำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้นยังทำแฮตทริกในเกมที่บุกไปถล่มทีมชาติเยอรมันที่มิวนิคในเดือนตุลาคมของปีดังกล่าว

 

 

 

มันคือสิ่งที่เป็นที่ลิเวอร์พูลคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ในปี 00/01 แต่โอเว่นกลับโชว์ฟอร์มไม่โดดเด่นมากนักในลีกคัพ โดยทำไปแค่ 4 ประตูในถ้วยยูฟ่าคัพ

 

ในทางกลับกันราอูลสามารถพังตาข่ายไปถึง 24 ประตูในลาลีกาจาก 36 เกมให้กับเรอัล มาดริดจนพาสโมสรผงาดคว้าแชมป์ได้สำเร็จ แถมยังคว้ารางวัลดาวซัลโวเป็นสมัยที่ 2 ในรอบ 3 ปี และในถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกเขายังซัดไปได้อีก 7 ลูก อีกทั้งยังมีส่วนช่วยพาต้นสังกัดเอาชนะบาเยิร์น มิวนิคในรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะกรุยทางสู่นัดชิงชนะเลิศและคว้าแชมป์ในบั้นปราย แม้เขาจะไม่มีชื่ออยู่บนสกอร์บอร์ดก็ตามที

 

สิ่งที่ทำให้ราอูลดูดีในสายตาของคนในวงการลูกหนังน่าจะเป็นการทำผลงานได้ดีทั้งในนามสโมสรและทีมชาติ ผิดกลับโอเว่นที่มักโดดเด่นกับแค่ทีมชาติอังกฤษเท่านั้น ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วราอูลทิ้งห่างหลายวาเลยทีเดียว เขามักจะเอ็นจอยในชุดสีขาวมากกว่าชุดสีแดงของทีมชาติสเปน

 

 

2.โรนัลโด้น่าจะเป็นริเบรี่ (2013)

 

“มันเป็นความผิดหวังอย่างแรงสำหรับเส้นทางสายอาชีพนักฟุตบอลแบบผม”ฟร้องค์ ริเบรี่ กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับเลอกิ๊ป

 

6 ปีหลังจากพลาดรางวัลบัลลงดอร์ในปี 2013 เขาก็เดินหน้าคว้าแชมป์กับบาเยิร์น มิวนิคต่อไป ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าการที่คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้รางวัลดังกล่าวไปครอง ยังคงคาใจของปีกเลือดเฟรนช์แมนรายนี้อยู่เป็นแน่

 

ถ้าการตัดสินรางวัลดังกล่าววัดจากการทำประตู มันก็ง่ายมากที่จะเลือกว่าใครสมควรได้มันไป เพราะลิโอเนล เมสซี่ที่ทำไปได้ถึง 60 ลูก ส่วนคริสเตียโน่ โรนัลโด้ยิงไป 55 ประตู ขณะที่ริเบรี่ทำได้แค่เพียงโชว์ฟอร์มเทพให้กับบาเยิร์นในปี 2013 เท่านั้น ซึ่งสุดท้ายแล้วมันก็เพียงพอที่จะทำให้แข้งชาวโปรตุเกสปาดหน้าเข้าวินในที่สุด

 

 

ริเบรี่ ยิงได้ 11 ประตูกับอีก 23 แอสซิสต์ในปี 2012/13 รวมทุกรายการ และยังพาต้นสังกัดประสบความสําเร็จในถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกที่เวมบลีย์ร่วมกับคู่หูของเขาอย่างอาร์เยน ร็อบเบน นอกจากนี้เขายังระเบิดพลังทำ 2 แอสซิสต์ในรอบรองชนะเลิศเลก 2 กับบาร์เซโลน่าที่คัมป์นู ทำให้บาเยิร์นเข้ารอบชิงชนะเลิศด้วยผลประตูรวมที่มากกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าอับอายและหายนะของเจ้าบุญทุ่มเลยก็ว่าได้

 

นั่นเป็นสิ่งที่ริเบรี่เข้าใกล้มากที่สุดแล้วกับรางวัลนี้ ที่สุดท้ายสตาร์ชาวโปรตุเกสก็คว้าไปนอนกอดในปี 2012/13 ส่วนอันดับที่ 2 เป็นของเมสซี่ด้วย 165 คะแนน ซึ่งพาบาร์เซโลน่าคว้าแชมป์ลาลีการวมไปถึงดาวซัลโวเหนือคู่แข่งอย่างบาร์เซโลน่า

 

และนี่คือจุดสูงสุดแล้วในเส้นทางการค้าแข้งของริเบรี่ และจะเป็นสิ่งที่เขาจะจดจำไม่มีวันลืม

 

 

1.เมสซี่น่าจะเป็นสไนจ์เดอร์ (2010)

 

นี่อาจเป็นการมอบรางวัลที่ผิดพลาดมากที่สุดของวงการฟุตบอลสมัยใหม่เลยก็ว่าได้ ในเรื่องของผลโหวตลงคะแนน เมื่อพิจารณาจากผลงานของสไนจ์เดอร์ในปี 2010 ว่าควรได้หรือไม่ ทั้งการโชว์ฟอร์มสุดยอดกับสโมสร? เหมาะกับผู้ชนะไหม? การยิงประตูรวมไปถึงการทำแอสซิสต์? การพาทีมชาติฮอลแลนด์เข้าชิงฟุตบอลโลก?

 

ในปี 2010 สไนจ์เดอร์เป็นผู้เล่นที่มีบทบาทอย่างมาก ซึ่งอาจจะเป็นฤดูกาลเดียวตลอดทศววรษของเขาเลยก็ว่าได้ที่พีคสุดๆแล้ว ในขณะที่สถิติของเขาก็ไม่ธรรมดา (41 เกม 8 ประตูและ 15 แอสซิสต์ รวมทุกรายการ) มันเป็นสิ่งที่เขาได้ทำไว้กับผลงานตลอดทั้งฤดูกาล 2009/10 ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า 12 เดือนนั้นเป็นปีทองเขาเลยทีเดียว

 

พูดง่ายๆก็คือสไนจ์เดอร์ของอินเตอร์ ใกล้เคียงมากที่สุดแล้วกับรางวัลบัลลงดอร์ งูใหญ่ขายซลาตัน อิบราฮิโมวิชให้กับบาร์เซโลนาในช่วงฤดูร้อนปีนั้นหลังเกมเปิดซีซั่นกับบารี่ แต่ก็ได้ตัวมิฟิลด์ชาวดัตซ์มาร่วมทีมในช่วงโค้งสุดท้ายของตลาดซื้อขายนักเตะ และเขาก็กลายเป็นจิ๊กซอชิ้นสำคัญในฟันเฟืองของโชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือของทีมในเวลานั้น ซึ่งสำหรับอินเตอร์แล้วสไนจ์เดอร์มีค่ามากๆหากมองย้อนกลับไป

 

 

 

สไนจ์เดอร์ได้แสดงศักยภาพที่ทัดเทียมกับกาก้าสุดยอดตัวรุกของเอซี มิลานในปี 2007 ซึ่งโชว์ฟอร์มได้อย่างแจ่มแจ๋วจนพาเนรัซซูรี่ผงาดคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกอย่างเหลือเชื่อ ซึ่งผลงานในถ้วยยุโรปของเขาก็ไม่ธรรมดาเมื่อซัดไป 2 ประตูและจ่ายให้เพื่อนยิงอีก 4 แอสซิสต์

 

ในปีนั้นสไนจ์เดอร์ยังสานต่อฟอร์มฮอตจากอินเตอร์ด้วยการพาอัศวินสีส้มทะลุผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศของศึกฟุตบอลโลกที่แอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพ และถ้าลูกยิงของอาร์เยน ร็อบเบน ที่ถวายพานมาจากสไนจ์เดอร์เข้าประตูไปในช่วง 45 นาทีของครึ่งหลัง บางทีพวกเขาอาจจะคว้าแชมป์โลกไปแล้ว ถ้าไม่มาโดนลูกยิงของอันเดรส อิเนียสต้าในช่วงต่อเวลาพิเศษทำให้สเปนได้ชูโทรฟี่เวิลด์คัพไปครอง

 

สิ่งที่น่าสังเกตมากที่สุดเกี่ยกับสไนเดอร์ก็คือห้องเครื่องชาวดัตช์ไม่ได้แม้แต่จะขึ้นไปบนโพเดี่ยม ในขณะที่ลิโอเนล เมสซี่นั้นคงไม่มีใครปฏิเสธความอัฉริยะของเขา แต่ในปี 2010 เขาโดดเด่นเท่าสไนเดอร์หรือไม่? ผลงานของเขาในฟุตบอลโลกเป็นที่ประจักษแก่สายตาผู้คนทั่วโลก ผิดกลับฝั่งทีมชาติอาร์เจนไตน์ที่มีแต่เรื่องปวดหัวในการจัดทีมลงสนามของโค้ช

 

ในความเป็นจริง 1 ใน 6 ครั้งของรางวัลบัลลงดอร์ที่เมสซี่ได้ไปนั้น บางทีมันอาจะเป็นของสไนจ์เดอร์สมัยหนึ่งก็เป็นได้