ผมนี่สายรุก! 10 กลางรุกผลงานเด่นในพรีเมียร์ลีก

หากจะพูดถึงเพลเมกเกอร์หรือแปลเป็นไทยก็คือตัวสร้างสรรค์เกมหรือตัวทำเกมรุกนั้นเอง โดยในตำแหน่งนี้คือตัวขับเคลื่อนจังหวะเกมบุกของทีมอย่างแท้จริง และมีความสำคัญเป็นอย่างมากกับโอกาสที่ทีมจะพึ่งพาอาศัยนักเตะเหล่านี้กับโอกาสได้ประตู

ในศึกพรีเมียร์ลีกมีนักเตะประเภทนี้อยู่มากมาย แต่คนที่ทำผลงานได้อย่างดีเลิศประเสริฐศรี จนได้รับการยอมรับว่าคือที่สุดของการแบกทีมและสามารถตัดสินผลการแข่งขันได้ด้วยตัวคนเดียวมีอยู่ไม่กี่ราย และวันนี้ทีมงาน Gameover.Club ได้ทำการคัดเลือก 10 มิดฟิลด์ตัวรุกที่โชว์ผลงานได้เข้าตากรรมการมาให้ได้ติดตามกันว่ามีใครกันบ้าง

10.โรแบร์โต้ เปเรย์ร่า ( วัตฟอร์ด )

ภายใต้การคุมทีมของ ฆาบี้ การ์เซีย มิดฟิลด์ชาวอาร์เจนติน่าผู้นี้ยิงให้แตนอาละวาดในพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 6 ประตู กับอีก 1 แอสซิส

โดยการผ่านบอลของเขานั้นอยู่ที่ 86 เปอร์เซ็นต์และการวางยอลยาวที่ 75 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่การทำเกมรุกของเขานั้นมาจากทางด้านซ้ายของสนามซะเป็นส่วนใหญ่ในซีซั่นนี้

การ์เซียเคยกล่าวไว้ว่า“เปเรย์ร่าเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดคนหนึ่งในพรีเมียร์ลีก”และเขาเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่ทีมขาดไม่ได้

9.เดวิด บรู๊คส์ ( บอร์นมัธ)

มิดฟิลด์ดาวรุ่งวัย 21 ปี สัญชาติเวลส์รายนี้เพิ่งออกสตาร์ทในศึกพรีเมียร์ลีกให้กับทีมในฤดูกาลนี้เป็นปีแรกหลังบอร์นมัธ ซื้อตัวมากจาก เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดเมื่อช่วงหน้าร้อนปีที่แล้ว

เขายิงในลีกไปแล้ว 5 ลูกในซีซั่นนี้ จากการลงสนามไปทั้งหมด 19 เกม ถือว่าเป็นการซื้อขายตัวผู้เล่นที่ดีมากสำหรับสโมสรกับนักเตะอายุน้อย

เอ็ดดี้ ฮาว กุนซือของทีม เคยกล่าวไว้ว่า “เดวิด เป็นผู้เล่นที่สามารถสร้างจินตนาการเกมรุกให้ทีมได้แถมยังผ่านบอลจังหวะสุดท้ายได้อย่างเฉียบขาด”

ก่อนหน้านี้นั้นใครจะไปรู้ว่า บรูคส์ เคยอยู่กับแมนเชสเตอร์ซิตี้มาถึง 10 ปี ก่อนถูกปล่อยตัวออกมาเมื่อปี 2014 และไม่รู้ว่าซิตี้เห็นเจ้าตัวโชว์ฟอร์มหรูขนาดนี้ ยังคิดเสียดายอยู่ไหม

8.พอล ป็อกบา (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

ดาวเตะแชมป์โลกล่าสุดที่ รัสเซีย กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง หลังการจากไปของผู้จัดการทีมคนเก่าอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ ทีมีปัญหาไม่ค่อยลงลอยกันสักเท่าไร

และภายใต้การคุมทีมคนใหม่อย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ป็อกบาก็โชว์ฟอร์มเทพได้ทันทีตั้งแต่กุนซือรายนี้คุมทีมอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นผลงานที่พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที โดยเขาเป็นผู้เล่นที่มีค่าเฉลี่ยการยิงเข้ากรอบถึง 31 ลูกเลยทีเดียวในซีซั่นนี้ และยังสามารถผ่านบอลให้เพื่อนทำประตูถึง 6 ลูกในช่วงเวลาดังกล่าว นอกจากนี้สถิติที่เขาลงเล่นภายใต้ ผู้จัดการทีมคนใหม่นั้นถือว่าน่าทึ่งพอสมควร โดยค่าเฉลี่ยการเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งสำเร็จของเขานั้นอยู่ที่ 5 คนต่อเกมและยังมีเปอร์เซ็นต์การผ่านบอลที่แม่นยำอยู่ที่ 86 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่แค่เรื่องการผ่านบอลที่สุดยอดแล้ว เขายังยิงปรตูได้ดีอีกด้วย

เมื่อเร็วๆนี้เจสซี่ ลินการ์ด เพื่อนร่วมทีมปีศาจแดงกล่าวไว้ว่า “พอลนั้นกลับมาเล่นในแบบฉบับของตัวเองอีกครั้ง”

โดยแฟนบอลเรด เดวิลส์ยังคงให้กำลังใจเจ้าตัวอยู่ตลอดเวลา สุดท้ายแล้วเขาจะช่วย ยูไนเต็ด ติดอันดับไปเล่นฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลหน้าได้หรือไม่ ต้องคอยติดตามกัน

7.เจฟฟี่ ซิกูร์ดสัน (เอฟเวอร์ตัน)

ดาวเตะทีมชาติไอซ์แลนด์กลับมาลงเล่นเป็นตัวหลักให้ทีมท็อปฟี่อีกครั้งในฤดูกาลนี้ภายใต้ผู้จัดการทีมคนใหม่อย่าง มาร์โก้ ซิลวา หลังไม่ค่อยได้รับโอกาสจาก แซม อัลลาร์ไดซ์ กุนซือคนเก่าเท่าที่ควร

นายใหญ่ชาวโปรตุเกสให้อิสระในการทำเกมรุกแก่เขาได้อย่างเต็มที่ โดยเจ้าตัวทำไปแล้ว 8 ประตูกับอีก 3 แอสซิส ช่วยให้ทีมแห่งลุ่มแม่น้ำเมอร์ซี่ไซด์ มีผลงานที่ถือว่าน่าพอใจในระดับหนึ่ง

ตอนนี้เพลเมกเกอร์รายนี้เป็นผู้ทำประตูสูงสุดให้กับสโมสรเท่ากับ ริชาร์ลิสัน ดาวยิงตัวเก่งชาวบราซิล โดยค่าเฉลี่ยการยิงประตูนั้นอยู่ที่ 2 ลูกต่อเกมเลยทีเดียว และทีมท็อฟฟี่เมนหวังว่าฟอร์มการเล่นของเขาจะช่วยทีมให้ถึงเป้าหมายได้ในที่สุด

6.เจมส์ แมดดิสัน (เลสเตอร์ ซิตี้)

สตาร์ทีมชาติสก๊อตแลนด์และอดีตเพลเมกเกอร์ของ นอริช ซิตี้ ทีมในเดอะแชมเปี้ยนชิพ สร้างผลงานได้อย่างดีเยี่ยมเมื่อย้ายมาเล่นให้กับ สุนัขจิ้งจอก เลสเตอร์ในศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้

โดยทีมที่มีเจ้าของเป็นคนไทยได้ซื้อตัว แมดดิสัน มาด้วยราคา 20 ล้านปอนด์เมื่อช่วงก่อนเปิดซีซั่น 2018-19 และดาวเตะหนุ่มรายนี้ก็โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจด้วยการคอยสร้างสรรค์เกมรุกให้ เจมี่ วาร์ดี้ พังประตู ขณะที่เจ้าตัวนั้นทำประตูให้ต้นสังกัดปัจจุบันไปแล้ว 5 ลูกด้วยกัน แถมยังจ่ายบอลให้เพื่อนยิงอีก 3 แอสซิส

เขาไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ โดยเขาสามารถเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งไปได้ถึง 78% และยังมีส่วนสำคัญกับการส่งบอลให้เพื่อนทำประตูในเกือบทุกทุกเกมที่ลงสนาม

ทั้งนี้ 1 ประตูที่เจ้าตัวทำได้ในเกมที่เอาชนะวัตฟอร์ดเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมปีที่แล้ว ถือว่าเป็นลูกยิงที่สุดสวยเป็นอย่างยิ่ง

และเหมือนว่าอนาคตสำหรับเจ้าตัวในถิ่น คิงเพาเวอร์กำลังรอวันที่จะฉายแสงออกมา

5.เดเล่ อัลลี่ (สเปอร์ส)

ดาวเตะหนุ่มรายนี้แจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัว เมื่อย้ายจาก มินตัน คิงดอน เข้ามาอยู่ในสังกัดไก่เดือยทอง ภายใต้การทำทีมของ เมาริซิโอ ปอเช็ตติโน่ เขาทำผลงานในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกตัวกลางได้อย่างยอดเยี่ยมรวมไปถึงการเล่นทางด้านซ้ายของสนาม

อัลลี่ทำไปแล้ว 4 ประตูในซีซั่นแถมยังผ่านบอลเข้าเป้าถึง 80% เลยทีเดียว ที่สำคัญเขายังพาบอลไปกับตัวเพื่อหาพื้นที่เปิดบอลให้เพื่อนร่วมทีมรวมไปถึงการสอดจากแถวสองขึ้นไปยิงประตูอยู่บ่อยครั้ง

ในระดับทีมชาติอังกฤษนั้นเขาก็เป็นผู้เล่นคนสำคัญของสิงโตคำรามเช่นกัน ด้วยการช่วยเรื่องการเล่นเกมรับให้กับทีมโดยเขาสามารถเข้าสกัดบอลได้อย่างยอดเยี่ยม โดยค่าเฉลี่ยการแย่งบอลของเจ้าตัวอยู่ที่ 1.6 ต่อครั้ง จากทั้งหมด 90 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้เขายังช่วยบีบพื้นของคู่ต่อสู้ให้ได้เล่นบอลยากอีกด้วย

4.โรแบร์โต้ ฟีร์เมียร์โน่ (ลิเวอร์พูล)

ภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ดาวเตะชาวบราซิเลี่ยน คือหนึ่งในตัวเลือกแรกของกุนซือชาวเยอรมันรายนี้ โดยเขาสามารถยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้าได้เมื่อทีมใช้ระบบ 4-3-3 หรือเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกในแผน 4-2-3-1 โดยจะคอยช่วยปั้นเกมให้ ซาลาห์ พังประตู

เขาเป็นคนที่ครองบอลและไปกับบอลได้ดีแถมยังสามารถเปิดบอลให้เพื่อนได้เล่นง่ายและได้เปรียบทุกครั้งเมื่อบอลออกจากเท้าของเขา โดยผ่านครึ่งทางของลีกไปแล้วถึง 22 นัดเขาทำไป 8 ประตูกับอีก 3 แอสซิส และ2 ลูกสุดท้ายที่เขายิงได้ก็คือเกมที่เจอกับอาร์เซน่อลเมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน

เมื่อซีซั่นที่แล้วสามประสานในแนวรุกทั้ง มาเน่,ซาลาห์และฟีร์เมียร์โน่ ยิงรวมกันทั้งหมด 29 ลูก และในฤดูกาลนี้เป็นโอกาสที่ดีมากที่ทีมจะมีสิทธิ์คว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทีมจำเป็นต้องพึ่งพาสามแนวรุกเพื่อให้ถึงเป้าหมายให้จงได้

หากหงส์แดงอยากที่จะชูถ้วยพรีเมียร์ตอนเดือนพฤษภาคม ดาวยิงจากเมืองกาแฟรายนี้ต้องออกลีลาแซมบ้าช่วยทีมโดยเร็วที่สุด

3.ดาบิด ซิลวา (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

เป็นอีกครั้งที่มิดฟิลด์อัจฉริยะผู้นี้แสดงให้เห็นว่า เขาคือตัวสร้างสรรค์เกมอย่างแท้จริง เขาเปรียบเสมือนพ่อมดที่สามารถเสกอะไรก็ได้ตามใจชอบและยังเป็นหนึ่งในกองกลางตัวรุกที่ดีที่สุดของศึกพรีเมียร์ลีก

ซิลวาเพิ่งจะอายุ 33 ปีไปเมื่อไม่นานมานี้ แต่เขายังคงเป็นกำลังสำคัญให้ ซิตี้ อยู่ตลอดเวลา โดยสถิติการจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมนั้นอยู่ที่ 62 ครั้งต่อหนึ่งเกม ในขณะที่ในซีซั่นนี้เจ้าตัว ถอยลงต่ำไปอยู่ในตำแหน่งหมายเลข 8 ของทีมมากกว่าหมายเลข10 แต่ก็ยังรักษามาตรฐานการเล่นของตัวเองไว้ได้ตามตามเกณฑ์

ดาวเตะชาวสแปนิชยังมีค่าเฉลี่ยในการสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมพังประตูอยู่ที่ 2.4 ครั้งต่อเกม เขายังเป็นกุญแจสำคัญสำหรับกุนซืออย่าง กวาร์ดิโอล่า ในปีนี้ รวมไปถึง แบร์นาโด้ ซิลวา แนวรุกอีกคนที่จะคอยช่วยพาทีมแย่งแชมป์ลีกกับลิเวอร์พูลจนถึงนัดสุดท้าย

2.คริสเตียน อีริคเซ่น (สเปอร์ส)

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าดาวเตะทีมชาติเดนมาร์ครายนี้เป็นมิดฟิลด์ตัวรุกอีกคนที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก โดยเขาสามารถเล่นในบทบาทกองตัวทำเกมรุกอยู่ข้างหลังศูนย์หน้าอย่าง แฮรี่ เคนหรือบางทีก็ถอยต่ำลงมาคอยคุมจังหวะของเกมในแดนกลางสนาม

7 ประตูกับอีก 4 แอสซิส ที่ทำให้สเปอร์สในฤดูกาลนี้ ถือว่าเป็นผลงานที่สุดยอดจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่มีข่าวว่า เรอัล มาดริด อยากได้กองกลางรายนี้ไปร่วมทีม แต่คงไม่ง่ายแน่เพราะไก่เดือยทองตั้งค่าตัวของดาวเตะรายนี้ไว้ถึง 225 ล้านปอนด์

เขามีค่าเฉลี่ยในการผ่านบอลให้เพื่อนร่วมทีมสำเร็จถึง 84 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าเป็นผลงานที่น่าประทับใจมากของเจ้าตัว

อดีตนักเตะของอาแจ็กซ์ อัมเตอร์ดัม รู้จังหวะการเล่นของเกมเป็นอย่างดี ว่าตอนไหนควรจ่ายให้เพื่อนตอนไหนควรยิงประตู เขาเหมือน ซิลวา ตอนอายุ 26 ที่จะใช้ความคิดและมันสมองในการขับเคลื่อนบอลไปข้างหน้าอย่างสร้างสรรค์

หากสเปอร์สต้องการที่จะท้าชิงความเป็นหนึ่งทั้งกับลิเวอร์พูลและแมนฯซิตี้ในฤดูกาลนี้ จำเป็นอย่างมากที่ต้องพึ่งพาตัวรุกที่ถนัดสองเท้ารายนี้

1.แบร์นาโด้ ซิลวา  (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

อดึตดาวเตะของโมนาโก มีบทบาทอย่างมากในฤดูกาลนี้เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเป็นอีกหนึ่งคนที่ทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมจนเป็นตัวเลือกแรกก่อนเควิน เดอบรอยน์ในการจัดทัพลงสนามเป็นตัวจริงของกุนซืออย่าง เป็ป กวาร์ดิโอล่า

หลังจากใช้เวลาพอสมควรในการปรับสไตล์การเล่นให้เข้ากับต้นสังกัด จนในที่สุดเขาก็สามารถพัฒนาฝีเท้าและเป็นหัวใจในการเปิดเกมรุกให้ทีมอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการซัดไป 5 ประตูกับอีก 6 แอสซิส

แม้จะมีรูปร่างที่เล็ก โดยเขาหนักแค่ 64 กิโลกรัม แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาในการเล่นฟุตบอลของเจ้าตัว และตอบแทนสโมสรด้วยการผ่านบอลเข้าเป้าไปถึง 86 เปอร์เซนต์เลยทีเดียว มิหน่ำซ้ำยังจ่ายบอลแบบตัดสินเกมได้อีกถึง 1.99 เฉลี่ยแล้วเขาทำได้ 90 ครั้งต่อหนึ่งเกม

ดาวเตะชาวโปรตุเกสรายนี้มีคุณภาพครบถ้วนทุกอย่างที่ยอดมิดฟิลด์พึงจะมี ทั้งวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและจินตนาการที่ไร้ขอบเขต ทำให้เขาเป็นผู้เล่นแห่งอนาคตอย่างไม่ต้องสงสัย

เขาเล่นได้อย่างเข้าขากับเพื่อนร่วมทีมซิตี้ทุกคนและยังมีส่วนช่วยให้ทีมเก็บชัยชนะเหนือลิเวอร์พูลได้ในเกมลีกที่เจอกันล่าสุด ทำให้การแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกยังคงสูสีต่อไปและเขาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเม็ดเงินที่ลงทุนซื้อเขามานั้นคุ้มค่าแค่ไหน