ผลงานกลับตาลปัตร! 7 ทีมฟอร์มสลับขั่วหลังผ่านเลกแรกไทยลีก 2019

 

เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด กำลังกลับมาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมสุดๆ นับตั้งแต่ที่พวกเขาได้กุนซือคนใหม่อย่าง อเล็กซานเดอร์ กาม่า เข้ามากู้วิกฤตของทีม หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทัพ “กิเลนผยอง” ออกสตาร์ทซีซั่นได้อย่างน่าผิดหวังถึงขั้นจมดิ่งสู่บ๊วยของตารางมาแล้วในช่วงที่สองเฮดโค้ชคนเก่าทั้ง “โค้ชเบ๊” ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก และ ยุน จอง ฮวาน ยังคงรับตำแหน่งอยู่ ซึ่งถือว่าพวกเขาสามารถยกระดับสลับขั้วผลงานของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว

 

ขณะเดียวกันทางฝั่งของ การท่าเรือ เอฟซี จากที่พวกเขาเริ่มต้นได้ดีในช่วงเปิดฤดูกาล ทว่าตอนนี้ผลงานของพวกเขากลับกลายสภาพจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยก็ว่าได้ ซึ่งนี่ถือเป็น 2 ทีมที่เห็นได้ชัดว่าผลงานของพวกเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหนหลังผ่านช่วงเลกแรกในศึก ไทยลีก 2019

 

โดยในวันนี้ Ufaarena จะขอพาทุกท่านไปย้อนดูกันว่า 7 ทีมในศึกลีกสูงสุดของเมืองไทยซีซั่นนี้ ที่ผลงานกลับตาลปัตรหลังผ่านช่วงเลกแรกไปแล้วจะมีทีมไหนกันบ้าง ซึ่งบางทีมอาจจะสลับขั่วกลายเป็นทีมที่ดีขึ้นแบบผิดหูผิดตา ขณะเดียวกันบางทีมกลับถอยหลังดิ่งลงเหวอย่างไม่น่าเชื่อเช่นกัน

 

ตราด เอฟซี

 

ต้องยอมรับเลยว่าน้องใหม่ ตราด เอฟซี ภายใต้การคุมทีมของกุนซือใหญ่ พยงค์ ขุนเณร ออกสตาร์ทช่วงต้นซีซั่นได้อย่างยอดเยี่ยมสุดๆ โดยเฉพาะการที่พวกเขาเคยทำอันดับจนขึ้นไปติดกลุ่มท็อป 5 ของตารางมาแล้ว ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทัพ “ช้างขาวจ้าวเกาะ” ผลงานร้อนแรงเกิดคาดส่วนหนึ่งมาจากฟอร์มของแข้งจอมถล่มประตูอย่าง ลอนซาน่า ดูมบูย่า ดาวยิงตัวเก่งที่ซัดไปแล้วถึง 14 ประตู ในซีซั่นนี้

 

ทว่าหลังจากผ่านช่วงครึ่งทางฤดูกาลแรกบนลีกสูงสุดของ ตราด เอฟซี ผลงานของพวกเขากลับดร็อปลงไปดื้อๆ ตลอด 8 เกมหลังสุดที่ผ่านมาลูกทีมของ พยงค์ ขุนเณร แพ้ไปถึง 6 นัด และเก็บชัยชนะได้แค่เพียง 2 เกม ทำให้ตอนนี้พวกเขาตกลงมาอยู่อันดับที่ 11 ของตาราง และอยู่ห่างจากโซนตกชั้นแค่เพียง 3 แต้มเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตามอีก 9 นัดที่เหลือในศึก ไทยลีก 2019 ยังพอมีเวลาให้พวกเขากลับมาแก้ไขข้อผิดพลาดของตัวเอง โดยเฉพาะผลงานยามได้ลงสนามในบ้านที่ต้องเร่งยกระดับให้กลับมาแข็งแกร่งเหมือนช่วงต้นซีซั่นให้ได้ หากยังอยากจะอยู่โลดแล่นบนลีกสูงของเมืองไทยต่อไปในซีซั่นหน้า

 

สมุทรปราการ ซิตี้

 

อีกหนึ่งทีมที่ออกสตาร์ทด้วยผลงานร้อนแรงเกิดคาดคงหนีไม่พ้น สมุทรปราการ ซิตี้ สโมสรซึ่งอุดมไปด้วยเหล่านักเตะดาวรุ่งอนาคตไกลที่ต้องการจะโชว์ผลงานเพื่อพิสูจน์ฝีเท้าของตัวเองบนลีกสูงสุดแดนสยาม และยังมีกุนซือฝีมือดีอย่าง “โค้ชอั๋น” สุรพงษ์ คงเทพ ผู้ที่สามารถยกระดับให้ทีม “เขี้ยวสมุทร” ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในทีมลุ้นแชมป์ ไทยลีก ได้อย่างเต็มตัวในฤดูกาลนี้

 

ผลงานของ สมุทรปราการ ซิตี้ ในช่วงเลกแรกต้องยอมรับเลยว่าแข็งแกร่งสุดๆ นักเตะหลายคนต่างทำผลงานได้อย่างน่าสนใจไม่ว่าจะเป็น พีรดล ฉ่ำรัศมี หรือ พิชา อุทรา สองกำลังสำคัญที่ก้าวขึ้นไปติดทีมชาติไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมไปถึงในรายอื่นๆทั้ง นพพล พลคำ, ธีระพล เยาะเย้ย และ อิบสัน เมโล่ ก็ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สโมสรแห่งนี้ก้าวขึ้นมาเป็นทีมแกร่งระดับแถวหน้าของลีกได้สำเร็จ

 

จุดเปลี่ยนสำคัญของพวกเขาเกิดขึ้นหลังเฮดโค้ชอย่าง สุรพงษ์ คงเทพ ตัดสินใจแยกทางกับทีม ก่อนที่ เท็ตสึยะ มุรายามะ เทรนเนอร์ชาวญี่ปุ่นจะถูกดึงตัวเข้ามารับงานแทน แต่ผลงานช่วงแรกเรียกได้ว่ากระเสือกกระสนพอควร จนถึงต้อนนี้พวกเขาก็ยังคงค้นหาฟอร์มเก่งของตัวเองเหมือนช่วงต้นซีซั่นไม่ได้เลย โดยเฉพาะ 5 เกมหลังสุดในลีก สมุทรปราการ แพ้ไปแล้วถึง 4 นัด และเก็บชัยชนะได้เพียงแค่แมตช์เดียวเท่านั้น

 

 

การท่าเรือ เอฟซี

 

ทัพ “สิงห์เจ้าท่า” เริ่มต้นซีซั่นด้วยการถูกคาดหวังให้เป็นหนึ่งในทีมที่มีโอกาสจะก้าวขึ้นมาลุ้นเบียดแย่งแชมป์ ไทยลีก กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในซีซั่นนี้ ซึ่งหลังประเดิมคิ๊กออฟเกมแรกของฤดูกาลลูกทีมของ จเด็จ มีลาภ ก็ไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวัง เมื่อพวกเขาออกสตาร์ทช่วงต้นซีซั่นได้อย่างยอดเยี่ยม และสามารถก้าวขึ้นไปรั้งตำแหน่งจ่าฝูงได้สำเร็จติดต่อกันหลายสัปดาห์เลยทีเดียว ท่ามกลางความหวังลึกๆ ของแฟนบอลในถิ่น แพท สเตเดี้ยม ที่ต้องการเห็นสโมสรซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานแห่งนี้ ผงาดคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของไทยให้ได้สักครั้ง

 

แต่แล้วจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญก็มาถึง เมื่อ การท่าเรือ เอฟซี เปิดบ้านพ่ายแพ้เกมนัดสำคัญให้กับ บุรีรมย์ ยไนเต็ด 3 – 1 ส่งผลให้พวกเขาเสียจ่าฝูงของตารางให้กับทัพ “ปราสาทสายฟ้า” ทันทีในเกมนัดที่ 14 ของฤดูกาล

 

หลังจากนั้นสถานการณ์ของลูกทีม “มาสเซอร์เด็จ” เริ่มแผ่วลงอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาไม่ชนะใครเลยติดต่อกันถึง 5 เกม นับตั้งแต่ที่แพ้ให้กับ บุรีรมย์ และเก็บได้แค่เพียง 2 แต้มเท่านั้น ทำให้ การท่าเรือ อันดับรูดลงมาอยู่ที่ 3 ของตาราง อย่างไรก็ตามโอกาสในการลุ้นแชมป์ของพวกเขายังคงเปิดกว้างอยู่พอสมควรภายใต้การทำทีมของกุนซือคนใหม่อย่าง “โค้ชโชค” โชคทวี พรหมรัตน์ เนื่องจากมีแต้มห่างจ่าฝูงในตอนนี้อย่าง สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด แค่เพียง 3 คะแนนเท่านั้น กับอีก 9 เกมที่เหลือในซีซั่นนี้

 

 

พีทีที ระยอง

 

หลังจากพูดถึงทีมที่ผลงานกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือไปแล้ว คราวนี้เราจะขอมาพูดถึงทีมที่ทำผลงานได้ไม่ค่อยดีในช่วงเปิดฤดูกาล ก่อนที่พวกเขาจะสามารถยกระดับทีมของตัวเองได้สำเร็จในช่วงครึ่งซีซั่นหลังกันบ้าง โดยทีมแรกที่ต้องพูดถึงคงหนีไม่พ้น พีทีที ระยอง อีกหนึ่งสโมสรน้องใหม่ที่ออกสตาร์ทซีซั่นได้อย่างทุลักทุเลสุดๆ 10 เกมแรกของฤดูกาลพวกเขาแพ้ไปถึง 5 แมตช์ และเก็บได้แค่เพียง 9 แต้มเท่านั้น

 

กระทั่งเกมนัดสำคัญที่พวกเขาสามารถเปิดบ้านเอาชนะ ชลบุรี เอฟซี ได้สำเร็จในเกมนัดที่ 13 ของฤดูกาล ถือเป็นการเรียกความมั่นใจกลับมาสู่ทีมได้ดีทีเดียว บวกกับการดึงตัว เดนนิส มูริลโล่ ดาวเตะตัวเก่งชาวแซมบ้ากลับมาอยู่กับทีมอีกครั้ง นั่นทำฟอร์มของทัพ “พลังเพลิง” ร้อนแรงขึ้นต่อเนื่องแตกต่างจากช่วงต้นซีซั่นอย่างสิ้นเชิง

 

โดยตลอด 10 เกมหลังสุดที่ผ่านมา ลูกทีมของ “โค้ชโจ” ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น เดินหน้ากวาดแต้มไปได้ถึง 18 คะแนน ทำให้ทีมขยับจากโซนท้ายตารางขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 8 ได้สำเร็จ และพวกเขาก็ยังคงมองถึงการจบฤดูกาลด้วยตัวเลขที่สูงกว่านี้อีกด้วย

 

 

ชลบุรี เอฟซี

 

ชลบุรี เอฟซี คือหนึ่งในทีมบิ๊กเนมของศึกไทยลีกปีนี้ ที่ออกสตาร์ทซีซั่นได้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร หลังจากที่ผ่าน 10 เกมแรกของซีซั่นลูกทีมของ “โค้ชโบ้” จักรพันธ์ ปั่นปี เก็บไปได้แค่เพียง 12 แต้ม จากนั้นอีกไม่นานเจ้าตัวได้ตัดสินใจลาออกเพื่อรับผิดชอบกับผลงานที่เกิดขึ้น เปิดทางให้กับ “โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ เข้ามารับงานแทน

 

โดยในเกมแรกที่เฮดโค้ชวัย 51 ปี ลงประเดิมคุมข้างสนามให้กับทัพ “ฉลามชล” เขาสามารถพาทีมเอาชนะคู่ปรับสำคัญอย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ได้ทันที และถือเป็นการเรียกความมั่นให้กับลูกทีมของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว

 

หลังจากนั้น ชลบุรี เอฟซี ในยุค “โค้ชเตี้ย” ที่มีนักเตะมากประสบการณ์อย่าง ดัสกร ทองเหลา, ธีรเทพ วิโนทัย และ สินทวีชัย หทัยรัตนกุล เป็นแกนหลัก ยังคงทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ สามารถเอาชนะได้ทั้ง บุรีรัมย์ ยูไรเต็ด และ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด จนทำให้พวกเขาขยับขึ้นมารั้งอยู่ในอันดับที่ 7 ของตาราง และมีคะแนนห่างจากโซนท็อป 5 แค่เพียง 6 แต้มเท่านั้น

 

 

สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด

 

ถึงแม้ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด อาจจะไม่ใช่ทีมที่เริ่มต้นซีซั่นได้น่าผิดหวังอะไรนัก กลับถือว่าค่อนข้างทำได้ดีเลยด้วยซ้ำกับการถูกยกให้เป็นหนึ่งในทีมเต็งลุ้นแชมป์ ไทยลีก ฤดูกาลนี้ ทว่าหลังผ่านครึ่งซีซั่นแรกพวกเขากลับถูกจับตามองมากขึ้นไปอีก หลังกลายเป็นทีมเดียวในบรรดากลุ่มนำของตารางที่ยังคงรักษาผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง

 

ทัพ “กว่างโซ้งมหาภัย” พัฒนาผลงานของตัวเองได้ดีขึ้นมากหลังจบเลกแรก และการดึงตัวดาวรุ่งอย่าง เอกนิษฐ์ ปัญญา กลับมาลงสนามเป็นตัวจริงให้กับทีม ดูจะเป็นทางเลือกที่ถูกต้องไม่น้อยเลยทีเดียวหลังจากที่แข้งวัย 19 ปี ระเบิดฟอร์มเก่งได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเกมที่ลูกทีมของ ไอล์ตัน ดอส ซานโตส ซิลวา พลิกล็อคเอาชนะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้แบบขาดรอย 4 – 0 ส่งผลให้พวกเขาแซงขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงได้สำเร็จ

 

ดูแล้วความร้อนแรงของ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด น่าจะยังไม่หยุดยั้งแค่นี้แน่นอน และมีโอกาสไม่น้อยเหมือนกันที่พวกเขาจะสร้างประวัติศาสตร์ก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกของสโมสรได้สำเร็จในปีนี้ด้วย

 

 

เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

 

เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ออกสตาร์ทซีซั่นได้อย่างน่าผิดหวังสุดๆภายใต้การทำทีมของ “โค้ชเบ๊” ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก ตลอด 5 เกมแรกของฤดูกาล พวกเขาเก็บได้แค่เพียง 6 แต้มเท่านั้น ก่อนที่ “กิเลนผยอง” จะประกาศแต่งตั้ง ยุน จอง ฮวาน เทรนเนอร์ชาวเกาหลีใต้เข้ามาคุมทีมแทน แต่ผลงานก็ยังไม่ดีขึ้นจนทีมจมดิ่งลงสู่อันดับบ๊วยของตารางในท้ายที่สุด

 

แต่แล้วได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายในถิ่น เอสซีจี สเตเดี้ยม อีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาได้ตัดสินใจคว้าตัว อเล็กซานเดอร์ กาม่า เข้ามารับตำแหน่งเฮดโค้ชเป็นรายที่ 3 ของสโมสรในปีนี้ และดูเหมือนว่าคราวนี้ทัพ “กิเลนผยอง” จะเดินมาถูกทางสักที เพราะนับตั้งแต่กุนซือชาวบราซิลเลี่ยนเข้ามาทำทีม เขาสามารถยกระดับการเล่นของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ให้ดีขึ้นได้เรื่อยๆ และกลับมาเป็นทีมที่น่ากลัวอีกครั้งได้สำเร็จ

 

โดยปัจจุบันลูกทีมของ อเล็กซานเดอร์ กาม่า  ขยับจากโซนท้ายตารางขึ้นมารั้งอยู่ในอันดับที่ 6 ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังพวกเขาโชว์ผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง ตลอด 7 เกมหลังสุด ซึ่งสามารถคว้าชัยชนะได้ถึง 6 นัด และไม่แพ้ใครเลยแม้แต่แมตช์เดียว