ศึกลูกหนังพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันเสาร์ “จิ้งจอกสีน้ำเงิน” เลสเตอร์ ซิตี้ เปิดรัง คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เริ่มเกมมาเพียง 19 นาที เป็น ทีมเยือน ปีศาจแดง ที่มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ บรูโน่ แฟร์นานเดส จ่ายบอลให้ เมสัน กรีนวู้ด หน้ากรอบเขตโทษ ก่อนจะซัดด้วยซ้ายบอลพุ่งเข้าเสาสองอย่างเฉียบขาด
จากนั้นหลังผ่านมาครบครึ่งชั่วโมงเต็ม เลสเตอร์ ที่เปิดเกมรุกแลกไม่ยอมแพ้และมาได้ประตูตีเสมอ 1-1 จนได้ เมื่อ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ที่หลุดมาในกรอบเขตโทษ ก่อนจะจ่ายให้ ยูริ ตีเลมานส์ ได้ซัดบอลย้อยเข้าเสาสองอย่างสวยงาม หมดสิทธิ์ที่ ดาบิด เดเกอา จะเซฟไว้ได้
ช่วงเวลาที่เหลือครึ่งแรกรูปเกมยังคงดูสูสี แต่ยังไม่มีใครทำประตูเพิ่มเสมอกันอยู่ 1-1
เข้าสู่ครึ่งหลัง รูปเกมทั้งสองทีมยังดูสูสี และพยายามแย่งบอลกันในแดนกลาง แต่เจ้าบ้านมีโอกาสลุ้นทำประตูมากกว่า จนในที่สุดนาที 78 ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 2-1 จนได้ จากลูกเตะมุม บอลมาถึง พัตสัน ดาก้า ได้ยิงในกรอบเขตโทษ แต่ ดาบิด เดเกอา ใช้ขาเซฟไว้ได้ แต่บอลยังหลุดมาเข้าทาง คัลการ์ โซยุนซู แปโล่งๆเข้าไป
ผ่านมาถึงช่วงท้ายเกมนาที 83 ยูไนเต็ด ยังไม่ยอมแพ้ เมื่อมาไล่ตีเสมอ 2-2 จากจังหวะที่ ลินเดอเลิฟ เปิดบอลยาวมาถึง มาร์คัส แรชฟอร์ด ตัวสำรองได้หลุดเข้าไปยิงโล่งๆ ผ่านมือ แคสเปอร์ ชไมเคิล เข้าไป
จากนั้นเพียงนาทีเดียว เมื่อ เลสเตอร์ เอาบอลมาเขี่ย และได้ประตูขึ้นนำ 3-2 ทันที เมื่อ อโยเซ่ เปเรซ เปิดบอลจากซ้าย หลุดแนวรับทีมเยือนมาถึง เจมี่ วาร์ดี้ ซัดเน้นๆเข้าไปอย่างสวยงาม
เข้าสู่ช่วงทดเจ็บ เลสเตอร์ มาได้ประตูฝังชัย 4-2 จากลูกตั้งแเตฝั่งขวา ตีเลมานส์ เปิดเซตพีซเข้ามาในกรอบเขตโทษ บอลแฉลบ วิคตอร์ ลินเดอ เลิฟ หลุดเข้ามาถึง พัตสัน ดาก้า แปเน้นๆไม่มีเหลือ
ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำประตูกันเพิ่มไม่ได้ จบเกม เลสเตอร์ ถล่มเอาชนะ แมนฯยูไนเต็ด 4-2 คว้า 3 คะแนนสำคัญ พร้อมเขยิบขึ้นมาอยู่อันดับ 11 ของตาราง ส่วน ยูไนเต็ด หยุดสถิติไม่แพ้นอกบ้าน 29 เกม พร้อมร่วงมาอยู่อันดับ 5 จากการมี 14 แต้ม
ราชื่อผู้เล่น 11 คนแรกของทั้งสองทีม
เลสเตอร์ ซิตี้ (3-4-1-2) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล; แดเนียล อมาร์ตี,จอนนี่ อีแวนส์,ซากลาร์ โซยุนชู; ริคาร์โด้ เปไรร่า,ยูริ ตีเลมันส์,บูบาการี่ ซูมาเร่, ทิโมธี คาสตานเย่;เจมส์ เมดดิสัน; เจมี่ วาร์ดี้, เคเลชี่ อิเฮียนาโช่
แมนฯ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา; อารอน วาน-บิสซาก้า, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, แฺฮร์รี่ แม็คไกวร์, ลุค ชอว์, เนมานย่า มาติช, ปอล ป็อกบา ; เมสัน กรีนวู้ด, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, เจดอน ซานโช่; คริสติอาโน่ โรนัลโด้
