ผู้ท้าชิง : ผ่า 5 ทีมเบียดลุ้นแชมป์เซเรียอาจากม้าลาย

 

ลีกลูกหนังสูงสุดแดนมักกะโรนีหรือที่หลายๆคนรู้จักกันในนาม กัลโช่ เซเรีย อา กำลังจะเปิดฉากในไม่ช้าภายในสัปดาห์หน้า แต่ว่าฤดูกาลใหม่นี้ดูแตกต่างไปจากปีก่อนค่อนข้างมากเลย

 

แน่นอนว่าเต็งแชมป์เบอร์หนึ่งในปีนี้ย่อมหนีไม่พ้น ยูเวนตุส ยอดทีมแห่งตูริน ที่กวาดแชมป์ลีกมาได้ 8 สมัยซ้อน หลังการมาของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในซัมเมอร์ที่แล้ว ช่วยให้ เบี่ยงโคเนรี่แข็งแกร่งกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ทิ้งห่างทีมอันดับ 2 ในลีกถึง 11 แต้ม

 

มากไปกว่านั้นในซัมเมอร์นี้พวกเขายังเสริมทัพแบบจัดหนักกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์, ลูก้า เปเยกรินี่, อารอน แรมซี่ย์, อาเดรียน ราบิโอต์ รวมไปถึงการกลับมาอีกครั้งของ จานลุยจิ บุฟฟ่อน ยิ่งทำให้ม้าลายแกร่งทุกจุดและสามารถจัดทีมดีๆได้ถึง 2 ชุดเลย

 

 อย่างไรก็ตาม การที่พวกเขาต้องเสีย มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี กุนซือคนเก่งไป ทำให้ยูเวนตุสอาจไม่ใช่ทีมเดิมเหมือนในปีที่ผ่านมา ต่อให้ได้ เมาซิริโอ ซาร์รี่ เข้ามาเป็นแม่ทัพคนใหม่ของทีมก็ตาม

 

นั่นทำให้คอบอลอิตาลีมองว่า ฤดูกาล 2019-20 จะแตกต่างจากปีก่อนอย่างชัดเจน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตูริน บวกกับ การกลับมาของ อันโตนิโอ คอนเต้ รวมไปถึงการเสริมทัพของทีมคู่แข่งต่าง ทำให้โอกาสที่แชมป์เซเรียอาจะเปลี่ยนมือไปอยู่ทีมกับอื่นๆนอกเหนือจากยูเวนตุสก็มีมากกว่าครั้งไหนๆในรอบ 8 ปีที่ผ่านมา

 

ทาง UFA ARENA จึงขอพาทุกท่านไปวิเคราะห์เจาะลึก 5 ทีมดังในลีกเลี่ยนที่มีโอกาสเขย่าบัลลังก์แชมป์จากยูเวนตุสได้ในฤดูกาล 2019-20 นี้

 

 

อินเตอร์ มิลาน

 

 

ทีมงูใหญ่จบฤดูกาลที่แล้วด้วยอันดับ 4 ในตาราง พร้อมกับดราม่าชุดใหญ่ของ เมาโร อิคาร์ดี้ อดีตกัปตันกองหน้าขวัญใจสาวกเนรัซซูรี่ที่ทำให้ทีมประสบปัญหาอยู่พักใหญ่

 

ประกอบกับผลงานของเหล่าแนวรุกในทีมที่เล่นกันได้ผิดฟอร์มสุดๆ ไม่ว่าจะเป็น ทั้งตัวอิคาร์ดี้, อิวาน เปริซิช และคนอื่นๆ ทำอินเตอร์ฯเกือบไม่ได้คว้าตั๋วใบสุดท้ายไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลนี้ และทำแต้มเหนือคู่อิรร่วมเมืองอย่าง เอซี มิลาน แค่แต้มเดียวเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม การที่อินเตอร์ มิลาน ได้ประกาศแต่งตั้ง อันโตนิโอ คอนเต้ อดีตกุนซือยูเวนตุส และ เชลซี ผู้เคยคว้าแชมป์เซเรียอา 3 สมัย และ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อีก 1 สมัย แทนที่ ลูเซียโน่ สปัลเล็ตติ นายใหญ่คนก่อน ช่วยให้เปลี่ยนโฉมให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นทันที

 

ในซัมเมอร์นี้ ทีมจากสีน้ำเงินจากมิลานได้เสริมทัพผู้เล่นได้น่ากลัวใช่ย่อย ทั้ง สเตฟาโน่ เซนซี่ และ นิโคโล่ บาเรลล่า ในแดนกลาง ส่วนในแนวรับได้ ดีเอโก โกดิน กองหลังจอมเก๋าชาวอุรุกวัย และ วาเลนติโน่ ลาโซโร่

 

แต่ที่โดนใจแฟนงูใหญ่มากที่สุดคงเป็นดีลของ โรเมลู ลูกากู กองหน้าร่างยักษ์คนใหม่ที่คว้าตัวมาร่วมทีมเป็นสถิติสโมสร 80 ล้านยูโร เมื่อบวกกับ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ หัวหอกดาวรุ่งชาวอาร์เจนไตน์ ที่ผลงานได้อย่างโดดเด่นในปีที่ผ่านมา น่าจะช่วยให้เกมรุกของทีมดูมีประสิทธิภาพมากขึ้นหลายเท่าตัว

 

แม้ฟอร์มจะต่ำกว่ามาตรฐานมากๆในฤดูกาลที่แล้ว แต่ด้วยการแต่งตั้งนายใหญ่คนใหม่ และ บรรยากาศในทีมที่ดูลงตัวมากขึ้น นี่อาจจะเป็นปีที่เนรัซซูรี่คว้าแชมป์ลีกมาครองได้เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีก็เป็นได้

 

 

นาโปลี  

 

 

ผู้ช้าชิงตลอดกาลอย่าง นาโปลี เป็นทีมที่ทำผลงานได้ใกล้เคียงกับ ยูเวนตุสมากที่สุดในฤดูกาลที่ผ่านมา แม้ว่าพวกเขามีแต้มตามหลังแชมป์เซเรียอาถึง 11 คะแนน

 

หลังจากที่ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ส่งไม้ต่อให้กับ คาร์โล อันเชล็อตติ ทีมอัซชูร่าก็กลับมาเป็นผู้ท้าชิงเต็มตัวอีกครั้ง โดยในปีนี้ พวกเขาได้เสริมแนวรับด้วยการคว้า คอสตาส มาโนลาส จากโรม่า เมื่อบวกกับ กองหลังตัวเก่งในทีมอย่าง คาลิดู คูลิบาลี่ ไม่แปลกที่พวกเขาจะกลายเป็นคู่หูเซนเตอร์แบ็คเบอร์ต้นๆของลีก

 

หากพิจารณาถึงฟอร์มการเล่นเมื่อฤดูกาลที่แล้ว นาโปลีถือว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยมเลย แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่สามารถยืนระยะสู้กับทีมม้าลายได้ตลอดรอดฝั่ง

 

อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค หัวหอกชาวโปล สลัดอาการบาดเจ็บมาเล่นแบบเต็มๆฤดูกาลได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมเมื่อ 3 ปีก่อน และทำผลงานได้ดีเกินคาด หลังซัดไปถึง 17 ประตูในลีก คว้าดาวซัลโวประจำทีมไปครอง รวมไปถึง ดรีส์ เมอร์เท่นส์ ที่แม้ยิงน้อยกว่า มิลิค แค่ลูกเดียว แต่แอสซิสต์ไปถึง 10 ลูก เลยทีเดียว

 

เมื่อมองไปที่ 3 ประสานแนวรุก มิลิค, เมอร์เท่าส์ และ อินซินเญ่ กับบรรดาแนวรับที่แข็งแกร่งประดุจหินผา ทำให้นาโปลีในปีนี้พร้อมแล้วที่จะเขย่าบัลลังก์และท้าทายอำนาจยอดทีมแห่งตูรินอีกครั้งในฤดูกาลใหม่นี้

 

 

ลาซิโอ

 

 

หากเทียบกับมาตรฐานที่เคยทำได้ในรอบหลายปีที่ผ่านมา ลาซิโอ สอบตกเป็นอย่างมากในฤดูกาลที่ผ่านมา หลังคว้าอันดับ 8 ไปครอง ซึ่งนั่นถือเป็นอันดับที่ต่ำที่สุดของพวกในลีกเขานับตั้งแต่ฤดูกาล 2015-16

 

การตั้งความหวังการยิงประตูไว้ที่ ชิโร่ อิมโมเบเล่ กองหน้าตัวเก่งของทีมเพียงเดียวดูเป็นผลักภาระให้เขามากจนเกินไป หลังหัวหอกชาวอิตาเลี่ยนยิงไป 15 ประตูเท่านั้น จากการลงเล่นในลีก 36 นัดในฤดูกาลที่แล้ว ทั้งๆที่ 3 ปีก่อน เขายิงให้ทีมได้ 20 ลูกต่อฤดูกาลเป็ยอย่างน้อย (29 ประตูฤดูกาล 2017-18, 23 ประตูฤดูกาล 2016-17) 

 

ที่แย่ไปกว่านั้นคือไม่มีนักเตะลาซิโอคนไหนนอกจาก อิมโมเบเล่ ที่ยิงแตะเลข 2 หลักได้ในปีที่ผ่านมา นับคนที่ดีที่สุดก็เป็น เฟลิเป้ ไคเซโด้ กองหน้าชาวเอกวาดอร์ที่ยิงเพียง 8 ประตูในลีกเท่านั้น

 

ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้อินทรีฟ้าขาวทำผลงานได้ย่ำแย่ ไม่ว่าจะเป็นการประตูหรืออันดับในลีก โดยพวกเขายิงได้มากกว่า เอซี มิลาน ทีมอันดับ 5 แค่ลูกเดียว (55 ลูก) หรือแม้แต่ทีมที่อันดับต่ำกว่าอย่าง ซามพ์โดเรียก็ยังยิงได้มากกว่าพวกเขาด้วยซ้ำ (60 ลูก)

 

ในช่วงตลาดนักเตะที่กำลังทำการอยู่ ซิโมเน่ อินซากี้ นายใหญ่ของทีมควรหาเพชรฆาตในแดนหน้าซักคนเพื่อมาแบ่งเบาภาระของ อิมโมเบเล่ ได้ หรือนักเตะที่สามารถสร้างสรรค์ประตูได้แบบ หลุยส์ อัลแบร์โต้, โยอาควิน คอร์เรอา และ เซอร์เก้ มิลินโควิช-ซาวิช (ถ้าเขายังไม่ย้ายทีมไปไหน)

 

หากทำได้แบบที่แนะนำได้จริงๆ อย่างน้อยที่สุดนี่ก็น่าจะช่วยให้พวกเขากลับไปในฟุตบอลยุโรปถ้วยใหญ่ได้อีกครั้ง

 

 

เอซี มิลาน

 

 

หลังจากเริ่มต้นได้แบบได้กระท่อนกระแท่นในฤดูกาล 2018-19 เอซี มิลานกลับมาเร่งเครื่องได้อย่างไม่มีใครคาดคิดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนธันวาคมยาวจนถึงเดือนมีนาคม ประจวบเหมาะกับการคว้า คริสตอฟ เปียเท็ค กองหน้าฟอรมแรงจากเจนัวมาร่วมทีมในตลาดหน้าหนาว ทำให้พวกเขาไม่แพ้ใครในลีกยาวนานถึง 10 นัด

 

ทว่าหลังจากพ่าย อินเตอร์ มิลานในศึก ดาร์บี้เดลล่ามาดอนนิน่า ช่วงกลางเดือนมีนาคม ฟอร์มการเล่นของ รอสโซเนรี่ก็ช็อตไปดื้อๆ คว้าชัยได้แค่ 2 ใน 8 เกมต่อมา และถูกม้ามืดอย่าง อตาแลนต้า ทำอันับแซงขึ้นไปคว้าตั๋วแชมเปี้ยนส์ลีกแทน

 

การพลาดอันดับท็อปโฟร์เพียงแค่แต้มเดียว ทำให้ภารกิจที่จะเหมาะกับพวกเขามากที่สุดในตอนนี้คือการกลับไปเล่นในฟุตบอลยุโรปถ้วยใหญ่ให้ได้อีกครั้ง โดยมีหัวหอกชาวโปลอย่าง เปียเท็ค เป็นกองหน้าตัวความหวังของทีม หลังซัดไป 18 ประตูในฤดูกาลแรกของเขา ณ แดนมักกะโรนี

 

เช่นเดียวกับ ซูโซ่ ที่แฟนปีศาจแดงดำต่างหวังไม่น้อยว่าเขาจะทำงานได้ดีไม่แพ้ครั้งก่อนๆ หลังซัดไป 7 ประตูกับ 10 แอสซิสต์ในฤดูกาลที่ผ่านมา รวมไปถึง ลูคัส ปาเกต้า เพลย์เมกเกอร์ดาวรุ่งชาวบราซิลที่ย้ายมาพร้อมกับ เปียเท็ค และประสานงานในแดนหน้าได้อย่างลงตัว  

 

บวกกับการได้ มาร์โก จามเปาโล กุนซือมือดีจาก ซามพ์โดเรีย มาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ น่าจะช่วยเพิ่มความแตกต่างและความสดใหม่ในถิ่น ซาน ซีโร่ มากกว่าปีก่อนพอสมควร

 

 

อาเอส โรม่า

 

 

ช่วงเป็นช่วงซัมเมอร์ที่น่าผิดหวังสำหรับโรม่าอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนผู้จัดการทีม, การเปลี่ยนผู้บริหารยกชุด และที่สำคัญคือการเสียนักเตะตัวหลักออกไป โดยที่พวกเขาไม่สามารถหาแข้งใหม่มาแทนได้แบบสมน้ำสมเนื้อเลย

 

เปาโล ฟอนเซก้า เข้ามาแทนที่ ยูเซบิโอ้ ดี ฟรานเชสโก้ ในตำแหน่งกุนซือ ขณะที่กัปตันทีมมากประสบการณ์ ดานิเอเล่ เด รอสซี่ ก็ลาทีมไปพร้อมกับ คอสตาส มาโนลาส, ลูก้า เปเยกรินี่ และ สเตฟาน เอล ชาราวี่ ซึ่งทั้ง 4 คนนี้คือแข้งคนสำคัญของหมาป่ากรุงโรมในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา

 

ในซัมเมอร์นี้ โรม่าได้คว้า เปา โลเปซ นายทวารคนใหม่มาร่วมทีม รวมด้วย เลโอนาร์โด้ สปินาซโซลา และ จานลูก้า มันชินี่ ในแผงหลัง อีกทั้งยังดึง จอร์แดน แวร์ตูร์ และ  อมาดู เดียวารา มาเสริมแกร่งในแดนกลาง 

 

ชัดเจนว่าฤดูกาล 2018-19 จัลโล่รอซซี่ทำผลงานได้อย่างไม่ควรจะเป็น หลังจากทำสถิติเสียประตูมากที่สุดของพวกเขาในรอบ 8 ปีหลังสุด ทั้งๆก่อนหน้านี้ 3 ปี พวกเขาติด 1 ใน 3 อันดับแรกในลีก และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแข้งหน้าใหม่ในแนวรับจะสามารถทดแทนการขาดหายไปของ มาโนลาส และแข้งตัวหลักคนอื่นๆได้ แม้ว่าโอกาสที่โรม่าจะกลับไปอยู่ในจุดที่เคยอยู่จะเป็นไปได้ยากในเร็วๆนี้ก็ตาม