ผู้นำที่ตามหา? : รูเบน ดิอาส จะแก้ปัญหาแนวรับเรือใบอย่างไร

 

ด้วยปัญหาแนวรับที่ย่ำแย่อย่างมากทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ควักเงินกว่า 62 ล้านปอนด์ เพื่อคว้า รูเบน ดิอาส ปราการหลังอนาคตไกลจาก เบนฟิก้า มาร่วมทีมก่อนตลาดนักเตะปิดในเดือนตุลาคมนี้

 

ความคาดหวังย่อมมากขึ้นอยู่แล้ว ไม่ใช่เพียงเพราะค่าตัวมมหาศาลที่ เรือใบสีฟ้า จ่ายให้ยอดทีมจากโปรตุเกสไป แต่รวมไปถึงการเข้าช่วยแก้ไขแนวรับที่มีภาพรวมแย่ที่สุดในอาชีพผู้จัดการทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ด้วย

 

กุนซือชาวสแปนิช ไม่เคยโดนยิงถึง 5 ลูกในเกมเดียวมาก่อน แต่ก็เกิดขึ้นจนได้ในเกมพ่ายเลสเตอร์ คารัง 5-2 เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน ทว่านี่ก็เป็นปัญหาแนวรับของทีมที่คุ้นเคย อีกทั้งการเสีย แวงซองต์ กอมปานี ไปเมื่อ 1 ปีก่อนส่งผลกระทบอย่างที่ไม่ใครคาดดิดว่าจะเกิดขึ้น

 

แม้หลายคนรู้สึกว่าการขาดหายไปของ กองหลังชาวเบลเยี่ยม ไม่ได้ส่งผลมากขนาดนั้น เพราะเขาลงเล่นไปเพียง 13 นัดเท่านั้นในเกมลีกฤดูกาล 2018-19 แต่จำได้หรือไม่ว่าการเล่นเหล่านั้นอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อลุ้นแชมป์ และความเป็นผู้นำ,ความเยือกเยือน และ การจัดการที่ดี ทำให้เขาพาทีมคว้าชัยใน 16 นัดสุดท้ายของทุกรายการที่ลงเล่น

 

กอมปานี ผ่านช่วงพีกที่สุดไปนานแล้ว ไม่ได้มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะหยุดการสวนกลับของคู่แข่งได้ แต่บทบาทของเขาสร้างความสำคัญให้กับ แฟร์นานดินโญ่ และยังไม่มีใครเข้ามาทดแทนตำแหน่งนี้ได้ 

 

อายเมริค ลาปอร์ต เป็นกองหลังที่มีความสามารถยอดเยี่ยม เพียงแต่เขาไม่ใช่นักเตะประเภทที่สามารถเป็นผู้นำคนได้ แต่สำหรับ ดิอาส นั้นมีบุคลิกที่แตกต่าง และอาจเข้ามาเป็นผู้นำในแนวรับที่เรือใบสีฟ้าขาดหายไป แต่เพราะอะไรนั้น UFA ARENA จะทุกคนไปร่วมหาคำตอบผ่านบทความชิ้นนี้กัน

 

 

จากปากผู้ปลุกปั้น

 

 

ชูเอา ตรัลเยา เป็นโค้ชให้กับ เบนฟิก้า มานานกว่า 18 ปี และใช้เวลา 3 ปีในการร่วมงานกับ ดิอาส ช่วงปีแรกในทีมเยาวชน ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปเล่นในชุดใหญ่ในเวลาต่อมา ดิอาส เป็นกัปตันทีมที่พาเบนฟิก้าชุดเล็กเข้าชิงศึก ยูฟ่า ยูธ ลีก แม้จะเป็นฝ่ายแพ้ไป แต่ ตรัลเยา ก็ยังตื่นเต้นกับฝีเท้าของเขาเรื่อยมา

 

“ความรู้สึกเดียวที่มีต่อเขาคือความตื่นเต้น” เขากล่าวกับ สกาย สปอร์ต “ไม่ง่ายสำหรับเขาเลยที่ลา เบนฟิก้า เพราะเขาอยู่ที่นี่มานาน เขามาที่นี่ตั้งแต่เด็ก และตอนนี้เขากำลังย้ายออกไป แต่กลับกันการไปสโมสรอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ การได้ในพรีเมียร์ลีกกับหนึ่งในสโมสรดังของโลก คือความท้าทาย และเขาก็ตื่นเต้นกับมันด้วย”

 

“ทุกความทรงจำที่ผมมีเป็นเรื่องบวก เขาคือตัวอย่าง ต้นแบบสำหรับแข้งดาวรุ่ง เพราะสิ่งที่เขาทำในสนาม ในตอนซ้อม และการใช้ชีวิตของเขานอกสนาม”

 

ดิอาส เริ่มเล่นฟุตบอลที่บ้านของเขาใน อามาโดร่า ทางตอนเหนือของกรุงลิสบอน กับพี่ชาย อิวาน ซึ่งเป็นนักฟุตบอลอาชีพเช่นกัน แต่ของ ดิอาส นั้นดูไปได้ไกลกว่าในเส้นทางนี้ หลังจากเปลี่ยนตำแหน่งจากกองหน้าไปเล่นเป็นกองหลัง และถูก เบนฟิก้า คว้าไปร่วมทีมในวัย 11 ปี

 

“ตัวบ่งชี้ศักยภาพของเขาอยู่ที่นั่น ซึ่งบอกคุณว่าเขาจะมีอาชีพค้าแข้งที่ดี” ตรัลเยา อธิบายเพิ่ม “ตั้งแต่ตอนที่เขามาร่วมทีมเยาวชน ผมรู้ได้เลยว่าเขาจะทำได้ดีมากๆ คุณน่าจะได้เห็นเขาสมัยเด็กๆ แต่เมื่อผมได้ร่วมงานกับเขาอย่างใกล้ชิดในชุดยู-18 ผมรู้ได้ทันทีว่าเขาจะขึ้นไปในระดับสูงได้แน่”

 

“ไม่ใช่เพราะพรสวรรค์ของเขา มันเป็นเพราะความสามารถในการทำงาน ความคิดของเขาในทุกๆการซ้อม ทุกๆวัน ความสามารถของเขาสุดยอดมาก เขาพิเศษจริงๆ”

 

 

ผู้นำโดยธรรมชาติ

 

 

เพียงไม่นาน แฟนบอลเบนฟิก้า ได้ก็เห็นฝีเท้าของ ดิอาส เต็มสองตา เมื่อเขาก้าวขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ในเดือนกันยายนปี 2017 หลังจากขาย วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดิอาส จบฤดูกาลแรกในทีมชุดใหญ่ด้วยการมีชื่อติดทีมชาติโปรตุเกสชุดลุยฟุตบอลโลกปี 2018 และเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ แฟร์นานโด ซานโตส หิ้วไปสู้ศึกในรัสเซีย

 

ดิอาส ได้รับการบ่มเพาะมาเป็นอย่างดีในตลอดหลายปีที่ผ่านมา  เขาเคยสวมปลอกแขนกัปตันทีมฝอยทองชุดชิงแชมป์โลกยู-20 ในปี 2017 ลุยเซา ตำนานกองหลังเบนฟิก้า ก็กล่าวชมว่าเขาจะเข้ามาผู้นำได้อย่างเต็มตัว และ ตรัลเยา ก็ให้เขาเป็นกัปตันทีมชุดเล็กในระดับสโมสร

 

“เขาคือกัปตันของผม แต่เขาไม่ใช่แค่กัปตันของผมเท่านั้น เขาเป็นกัปตันในทุกๆรุ่นที่เขาเล่น เพราะโปรไฟล์ของเขาเป็นของผู้นำโดยธรรมชาติ เขาชอบที่จะเป็นผู้นำ เขารู้วิธีนำ รู้วิธีที่จะเป็นกระบอกเสียงของโค้ชในสนามและในห้องแต่งตัว” 

 

“เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับความเป็นผู้นำ”

 

“คุณจะได้เห็นที่ ซิตี้ เมื่อเขาปรับตัวได้ เขาจะชี้นำทุกอย่าง ผมหมายถึงในทางที่ดีนะ เขาจะเป็นกระบอกเสียงของโค้ช ผู้เล่นที่สามารถช่วยเหลือทีมให้ทำงานได้อย่างถูกต้อง”

 

“เขาไม่ใช่แค่ผู้นำที่แค่ตะโกนโวยวาย แต่จะโชว์ให้เห็นถึงพฤติกรรม การกระตุ้นผู้เล่นโดยบอกว่า ‘เอาหน่อย สู้หน่อย’ นอกจากนี้เขาจะเป็นผู้นำ บอกพวกเขาว่าพวกเขาควรทำอย่างไรเพื่อตอบโจทย์ไอเดียของ โค้ช เขาทำมันได้ 2 อย่างเลย”

 

 

เหมาะกับซิตี้หรือไม่?

 

 

นั่นคือสิ่งที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องการ ชัดเจน ซึ่งความต้องการของ กวาร์ดิโอล่า ในตำแหน่งนี้มีสูงมาก เนื่องจากไลน์แผงหลังที่ดันสูงเสี่ยงที่โดนจู่โจมแบบฉับพลัน การให้ความสำคัญในการสื่อสารและการจัดการจะช่วยให้ทีมรับมือกับการสวนกลับได้

 

ดิอาส ไม่ใช่ กองหลังที่รวดเร็วที่สุด และบางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำให้ ซิตี้ ถึงมองไปที่ตัวเลือกอื่นๆ ก่อนจะคว้าแข้งชาวโปรตุกีส มาร่วมทีม แต่เขาทำได้ดีในการดวลตัวต่อตัว โดยถูกคู่แข่งเลี้ยงแค่ครั้งเดียวในทุกๆ 330 นาทีในเกมลีกฤดูกาลก่อน 

 

สถิตินี้ดีกว่าทั้ง ลาปอร์ต และ เอริค การ์เซีย รวมไปถึง นิโคลาส โอตาเมนดี้ ที่ย้ายข้ามฝากไป เบนฟิก้า ซึ่งโดนคู่แข่งเลี้ยงผ่านในทุกๆ 99 นาที และในโปรตุเกส ดิอาส ก็คุ้นเคยกับความต้องการของบทบาทนี้อย่างดี

 

“เขารู้วิธีการเล่นกับทีมที่เน้นเกมรุก และเตรียมพร้อมรับความเสี่ยง” ตรัลเฮา อธิบายต่อ “เขาพร้อมเล่นในเกมรับที่ต้องจัดการกับสถานการณ์ที่ทีมขาดความสมดุล และกำลังเจอการโต้กลับ เขาพร้อมกับเรื่องนั้นเพราะ เขาเคยชินกับมันที่ เบนฟิก้า ไม่ใช่แค่กับทีมชุดใหญ่เท่านั้น แต่กับทีมทุกๆชุดในสโมสร”

 

“นี่เป็นวิธีที่เขาเติบโตมา การรับความเสี่ยง การดวลกับคู่แข่งหนึ่งต่อหนึ่งในแผงหลัง การหยุดเกมสวนกลับ เขาเคยชินกับการเล่นแบบนั้น นั่นคือเบื้องหลังของเขา เพราะฉะนั้น ผมจึงไม่เห็นว่าเขาจะมีปัญหาการปรับตัวในวิธีการเล่นแบบนั้น”

 

“เขาเป็นผู้เล่นที่สมบูรณ์แบบมากในแง่ของแนวทางการป้องกัน เขาสามารถเล่นกับแผงหลังที่ดันขึ้นสูงและมีพื้นที่เปิดด้านหลังเขา แต่ถ้าคุณขอให้เขาลงไปเล่นรับต่ำ เขาก็ทำได้ดีเช่นกัน เขาเล่นกับบอลได้ดี รู้ว่าเมื่อเขาสามารถออกบอลได้ ดังนั้นเขาจะสามารถปรับตัวได้เข้ากับความคิดของผู้จัดการทีมในแง่ของการเล่นอย่างรวดเร็วเช่นกัน”

 

นี่ถือเป็นการคาดหวังอย่างมากที่จะให้นักเตะเพียงคนเดียวแก้ไขปัญหาเกมรับของ ซิตี้ แต่ ดิอาส ก็อาจเป็นคนริเริ่มการหาทางออกในเรื่องนี้ ไม่ใช่เพียงฟอร์มการเล่นของเขาเท่านั้น แต่การมาของเขาจะช่วยให้พัฒนาฟอร์มการเล่นของคนที่อยู่รอบตัวเขาด้วย

 

และแฟนซิตี้เซ่นคงหวังว่า ดิอาส จะกลายเป็นผู้นำคนสำคัญในเกมรับที่ทำหน้าที่ได้ดีไม่แพ้ ผู้นำคนเก่าอย่าง กอมปานี ด้วยเช่นกัน