ฝืนได้แค่ปีเดียว : 10 ทีมน้องใหม่ฟอร์มพังกับฤดูกาลที่ 2 พรีเมียร์ลีก

 

หลังมีข่าวออกมาได้ซักพักก็มีการประกาศอย่างเป็นทางการในเวลาต่อมาว่า คริส ไวล์เดอร์ แยกกทางจากการทำหน้าที่ผู้จัดการทีมของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด แล้ว

 

ทีมดาบคู่ที่ ไวล์เดอร์ พาเลื่อนชั้นขึ้นมาพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลก่อน ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมเกินคาดจนจบปีนั้นด้วยอันดับ 9 ตาราง แต่ทว่าในฤดูกาลล่าสุดนี้ ผลงานกลับต่างกันราวฟ้ากับเหว เมื่อเก็บได้เพียง 14 แต้มจาก 28 นัด รั้งบ๊วยส่อแววตกชั้นกลับไปเริ่มในแชมเปี้ยนส์ชิพอีกหน

 

สิ่งเหล่านี้คืออาการที่หลายคนในวงการฟุตบอลเรียกว่า ‘Second Season Syndrome’ ซึ่งเป็นอาการเคยขึ้นกับหลายต่อหลายทีมน้องใหม่ที่ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาในพรีเมียร์ลีก โดยฤดูกาลแรกนั้นโชว์ฟอร์มได้หวือหวาพอสมควรจนเอาตัวรอดไปได้ แต่พอฤดูกาลที่สองเริ่มออกอาการเป๋จนแก้ไม่ตก ต้องร่วงตกชั้นกันไปตั้งต้นกันใหม่

 

แน่นอนว่า เชฟฯยู ไม่ใช่ทีมแรกที่ติดเชื้อประหลาดนี้ และ UFA ARENA จะพาไปพบกับอีก 10 สโมสรน้องใหม่ก่อนหน้านี้ที่ฟอร์มดีซีซั่นแรก แต่ผลงานกลับตาลปัตรในฤดูกาลถัดมา

 

 

มิดเดิ้ลสโบรห์ | 1996-97

 

 

มิดเดิ้ลสโบรห์ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมหลังเลื่อนชั้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลแรก ภายใต้การคุมทีมของ ไบรอัน ร็อบสัน ด้วยการจบอันดับ 12 ในตาราง พร้อมกับช่วยให้ นิคกี้ บาร์มบี้ และ จูนินโญ่ 2 แข้งหน้าใหม่ ประสานงานกับทีมชุดเก่าได้อย่างเข้าขารู้ใจ

 

นั่นทำให้ สิงห์แดง ทะเยอทะยานยิ่งกว่าเดิมในฤดูกาลต่อมา ทั้งการคว้า เอเมอร์สัน และ ฟาบริซิโอ ราวาเนลลี่ ด้วยค่าตัวที่แพงใช่เล่น ซึ่งทำให้เกมรุกของพวกเขาอันตรายกว่าเดิม ทว่าเกมรับกลายเป็นจุดที่ทีมแก้ไม่ตก 

 

แม้จะเข้าชิงบอลถ้วยถึง 2 รายการอย่าง ลีกคัพ และเอฟเอ คัพ แต่ก็อกหักทั้ง 2 ถ้วย แถมอาการบาดเจ็บของผู้เล่นในทีมก็ทำให้ โบโร่ ฟอร์มบู่กู่ไม่กลับตกชั้นไปด้วยอันดับที่ 19 ร่วงไปพร้อม ๆ กับ ซันเดอร์แลนด์ และ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์

 

 

แบรดฟอร์ด | 2000-01

 

 

แบรดฟอร์ด ในยุคที่ พอล จิลเวลล์ กุมบังเหียน สร้างเรื่องสุดเหลือเชื่อด้วยการเอาชนะ ลิเวอร์พูล ในวันสุดท้ายของฤดูกาล 1999-2000 ช่วยให้อยู่รอดปลอดภัยกับปีแรกในลีกสูงสุด แต่ จิลเวลล์ ก็ลาออกในซัมเมอร์ปีนั้น หลังมีรายงานว่าไม่ได้รับความไว้วางใจจากบอร์ด ก่อนไปรับงานกับ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์แทน

 

คริส ฮัตชิ่งส์ อดีตตมือขวาของ จิลเวลล์ ถูกดันขึ้นเป็นกุนซือคนใหม่ แต่การที่ชนะแค่เกมเดียวจาก 12 นัดแรกในลีก ทำให้เขาถูกแทนที่ด้วย จิม เจฟเฟอร์รี่ย์ส ซึ่งก็ทำผลงานได้ไม่ต่างกัน

 

‘ทีมไก่แจ้’ เลี่ยงครั้งใหญ่ด้วยการคว้า สแตน คอลลี่ย์มอร์ แต่ก็แยกทางหลังลงเล่นเพียง 8 เกม ขณะที่ เบเนโต้ คาร์โบเน่ แข้งใหม่ที่ได้ค่าเหนื่อย 40,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ กลับยิงเพียง 5 ลูกในลีก ก่อนจะตกชั้นไปแบบไม่มีใครแปลกใจนัก

 

 

อิปสวิช ทาวน์ | 2001-02

 

 

อิปสวิช ทาวน์ เริ่มต้นในฤดูกาล 2000-01 ในฐานะน้องใหม่ตัวเต็งตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก แต่พวกเขากลับหักปากาเซียนด้วยการจบอันดับ 5 ในตาราง คว้าตั๋วไปเล่น ยูฟ่า คัพ ได้อย่างเหลือเชื่อ ทำให้ ซัมเมอร์นั้น จอร์จ เบอร์ลี่ย์ ได้ลงทุนคว้าผู้เล่นอย่า ฟินิดี้ จอร์จ อดีตปีกอาแจ็กซ์ชุดแชมป์ยุโรปมาร่วมทีม แต่ก็ไม่สามารถช่วยให้ทีม ‘ม้าขาว’ ทำผลงานได้ดีกับฟุตบอลยุโรปฤดูกาลแรกของสโมสรในรอบ 19 ปี

 

แม้ไปไกลถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายในยูฟ่า คัพ แต่บอลลีก อิปสวิช กลับชนะแค่เกมเดียวจาก 18 นัดแรก การคว้าชัยได้ 7 จาก 8 นัดในช่วงกลางฤดูกาล ทำให้พวกเขามีหวังรอดตกชั้นอยู่บ้าง แต่วนเข้าฟอร์มเดิม และตกชั้นอย่างเป็นทางการในเกมสุดท้ายที่โดน ลิเวอร์พูล ถล่ม 5-0 

 

 

เวสต์บรอม | 2005-06

 

 

เวสต์บรอม กลายเป็นทีมแรกที่จมอยู่ท้ายตารางในช่วงคริสมาสต์ แต่กลับรอดตกชั้นได้แบบเหนือความคาดหมายในฤดูกาล 2005-06 แต่ 1 ปีหลังจากนั้นดูท่าจะเป็นเรื่องยากที่จะทำได้อีกหน

 

หลังรอดตกชั้น ‘เดอะ แบ็กกี้ส์’ ก็ยังไว้วางใจให้ ไบรอัน ร็อบสัน ทำหน้าที่ต่อไป แต่การเข้าพาทีมไม่ชนะใครเลยใน 13 เกมสุดท้ายของฤดูกาลต่อมา กลายเป็นความผิดพลาดเกินกว่าจะกลับไปแก้ไขได้แล้ว

 

เวสต์บรอม อาจใช้เวลาอยู่นอกโซนตกชั้นเป็นส่วนใหญ่ในฤดูกาลนั้น แต่การที่ พอร์ทสมัธ เร่งเครื่องคืนฟอร์มเก่งในช่วงท้าย ก็ทำให้พวกเขาต้องกลับไปเริ่มใหม่กันอีกครั้งในลีกรอง

 

 

เร้ดดิ้ง | 2007-08

 

 

เร้ดดิ้ง เลื่อนชั้นขึ้นมาในฐานะแชมป์ของ แชมเปี้ยนส์ชิพ ในปี 2006 และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรที่ขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดของอังกฤษได้ และทำผลงานได้เกินคาดด้วยคว้าอันดับ 8 เกือบได้สิทธิ์ไปเล่นในฟุตบอลยุโรปแบบหวุดหวิด

 

นั่นทำให้ฤดูกาลต่อมามีการปรับเปลี่ยนเสริมทัพ้เพื่อยกระดับทีมอีก แต่ปรากฏว่าสิ่งนั้นดูไม่ได้ผลในทีมของ สตีฟ ค็อปเปลล์ เท่าไหร่

 

‘เดอะ รอยัลส์’ แพ้ 8 เกมติดในลีกหลังช่วงคริสมาสต์ ซึ่งลากยาวถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2008 เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทีมสุ่มเสี่ยงต่อการตกชั้น และถึงจะเอาชนะ ดาร์บี้ ทีมบ๊วยได้ 4-0 ในวันสุดท้าย แต่ก็ไม่เพียงพอทำให้พวกเขารอดตกชั้นได้สำเร็จ เนื่องจาก ฟูแล่ม ทีมอันดับ 17 ที่มีแต้มเท่ากัน 36 คะแนน มีลูกได้เสียดีกว่า

 

 

ฮัลล์ ซิตี้ | 2009-10

 

 

ฤดูกาลแรกของ ฮัลล์ ซิตี้ ในพรีเมียร์ลีก แบ่งออกเป็น 2 ช่วง โดยในครึ่งฤดูกาล พวกเขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ถึงขนาดเคยขึ้นรั้งอันดับ 3 มาแล้ว แต่หลังจากเดือนธันวาคมเป็นต้นมา ทีมของ ฟิล บราวน์ ฟอร์มหลุดกระจายชนะแค่เกมเดียวจาก 21 นัดหลัง แต่ก็ยังรอดตกชั้นมาได้หวุดหวิดด้วยคะแนนเดียวเหนือโซนอันตราย

 

ช่วงซัมเมอร์ปี 2009 บราวน์ ได้ตามหาดาวยิงในลีกที่จะเสริมแนวรุกให้กับทีม ทั้ง ไมเคิ่ล โอเว่น หรือ เฟร์เซอร์ แคมป์เบลล์ แต่สุดท้ายก็ได้แค่ โจซี่ อัลทิดอร์ และ แยน แฟนเนกูร์ ซึ่งยิงรวมกันเพียง 5 ประตูเท่านั้น 

 

ด้วยผลงานที่ย่ำแย่ทำให้ บราวน์ ต้องกระเด็นออกจากตำแหน่งกุนซือ และถูกแทนที่โดย เอียน ดาวี่  แต่ก็ช่วยให้ ‘เดอะ ไทเกอร์’ กระเตื้องเพียงเล็กน้อย ก่อนตกชั้นไปตามระเบียบ

 

 

เบอร์มิ่งแฮม ซิตี้ | 2010-11

 

 

อเล็กซ์ แม็คลีช พา เบอร์มิ่งแฮม อยู่รอดปลอดภัยกับปีแรกในพรีเมียร์ลีกด้วยการรั้งอันดับ 9 ก่อนคว้าชัยเหนือ อาร์เซน่อล ในนัดชิงลีก คัพ ด้วยสกอร์ 2-1 ในฤดูกาลถัดมา

 

นิโคล่า ซิกิช และ โอบาเฟมี่ มาร์ติน คือ 2 แข้งจากทีม ‘ลูกโลก’ ที่ทำประตูได้ในวันนั้น แต่อาการบาดเจ็บของ 2 ดาวยิงตัวหลักทำให้ทีมไร้เขี้ยวเล็บในเกมรุก จนผลงานตกและพ่ายไป 5 จาก 6 เกมสุดท้ายในฤดูกาล 2010-11

 

ความพ่ายแพ้ต่อ สเปอร์ส 2-1 ในวันสุดท้ายทำให้ เบอร์มิ่งแฮม ตกชั้นอย่างเป็นทางการ และที่เจ็บปวดสำหรับแฟนลูกโลกมากที่สุดคือการที่ แม็คลีช ย้ายไปคุม แอสตัน วิลล่า คู่อริร่วมเมืองในซัมเมอร์นั้น

 

 

คิวพีอาร์ | 2012-13

 

 

คิวพีอาร์ รอดตกชั้นได้โดยมีแต้มเดียวเหนือโซนตกชั้นในฤดูกาล 2011-12 แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าการที่พวกเขาเอาชนะ เชลซี, ลิเวอร์พูล, อาร์เซน่อล และ สเปอร์ส ในถิ่นลอฟตัส โร้ด ก็มีส่วนทำให้อยู่รอดปลอดภัยในลีกสูงสุดเช่นกัน

 

บอร์ดยังไว้ใจ มาร์ค ฮิวจ์ส ที่เข้ามาแทน นีล วอร์น็อค และพาทีมรอดตกชั้นทำหน้านี้ต่อไปในฤดูกาลถัดมา แต่อยู่กับได้เพียง 10 เดือนเท่านั้น ก็ถูกปลด โดยให้ แฮร์รี่ เร้ดแนปป์ เข้ามาแทน ซึ่งเป็นช่วงที่ คิวพีอาร์ หล่นไปจมท้ายตารางแล้ว

 

ที่ดูวุ่นวายสุด ๆ ในซัมเมอร์ก่อนเริ่มฤดูกาล 2012-13 คิวพีอาร์ เซ็นแข้งใหม่และโละแข้งเก่ารวมกันกว่า 43 ราย แต่มีเพียง โลอิค เรมี่ ที่ทำผลงานได้น่าประทับใจสุดในบรรดาแข้งใหม่ ขณะที่ อาเดล ทารับต์ ก็วูบวาบเพียงชั่วครั้งชั่วคราว จนส่งผลให้ทีมตกชั้นไปในท้ายที่สุด

 

 

ฮัลล์ ซิตี้ | 2014-15

 

 

ฮัลล์ ที่ถูกคาดว่าจะตกชั้นตามสูตรทีมน้องใหม่ประสบความสำเร็จเกินคาดในฤดูกาล 2013-14 ด้วยจบอันดับที่ 16 พร้อมเข้ารอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ น่าเสียที่พ่ายให้กับ อาร์เซน่อล 3-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ

 

อัสเซม อัลลาม เจ้าของทีม ‘เดอะ ไทเกอร์’ จึงไฟเขียวให้งบเสริมทัพกว่า 40 ล้านปอนด์ ในการดึงแข้งใหม่ถึง 11 รายมาร่วมทีมในซัมเมอร์นั้น โดยมี อาเบล เอร์นานเดซ เป็นตัวชูโรงด้วยสถิติค่าตัวสโมสร 10 ล้านปอนด์ แต่ก็โชว์ฟอร์มได้ไม่ตามเป้า เมื่อยิงเพียงลูกเดียวจาก 21 เกม

 

ที่สำคัญ ฮัลล์ ไม่เคยกลับไปยอดเยี่ยมได้เช่นฤดูกาลก่อนอีกเลย แม้ขยับหนีจากโซนอันตรายได้บ้าง แต่ก็เร่งเครื่องไม่ขึ้นจนต้องหล่นไปเล่นแชมเปี้ยนส์ชิพอีกรอบ

 

 

ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ | 2018-19

 

 

เดวิด ว๊ากเนอร์ สร้าง ฮัดเดอร์สฟิลด์ ให้เลื่อนชั้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกด้วยงบประมาณอันน้อยนิด และพวกเขาก็พิสูจน์ให้เห็นว่านี่ไม่ใช่เรื่องฟลุกด้วยการเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2017-18 พร้อมจบด้วยอันดับที่ 16 

 

แต่ทีมฉายา ‘เจ้าตูบน้อย’ ก็ทำผลงานแย่ลงเรื่อย ๆ ในฤดูกาลต่อมา ไม่ว่าจะเป็นเกมรับที่เสียประตูง่าย รวมถึงเกมรุกที่สุดแสนจะฝืด และยิงเพียง 22 ประตูตลอดทั้งซีซั่น และ แยน ซีวาร์ท ที่เข้ามารับช่วงต่อจาก ว๊ากเนอร์ ที่โดนปลดในเดือนมกราคม ก็เอาชนะเพียงเกมเดียวเท่านั้น ก่อนจะกลายเป็นทีมที่ตกชั้นเร็วที่สุดในพรีเมียร์ลีกตั้งแต่เดือนมีนาคม ร่วมกับ ดาร์บี้ ที่เคยทำไว้ในปี 2008