พรีวิวยูโร2020 กลุ่ม E : กระทิงดุกับสายที่ไม่ง่ายต่อการเข้ารอบ 

หากดูจากชื่อชั้นของทั้ง 4 ชาติในกลุ่ม E แม้ทัพ “กระทิงดุ” ทีมชาติ สเปน เจ้าของแชมป์ 2 สมัยซ้อน เมื่อปี 2008 และ 2012 ดูเหมือนจะเป็นตัวเต็งที่จะเข้ารอบต่อไป แต่ต้องบอกเลยว่าเพื่อนร่วมสายอย่าง โปแลนด์ ,สวีเดน  และ สโลวาเกีย ไม่ใช่ทางที่จะผ่านไปได้ง่ายๆแน่นอน  เรียกว่าประมาทไม่ได้เด็ดขาด 

 

วันนี้ UefaArena จะพามาชำแหละกันให้ดูว่าแต่ละชาตินั้นจะม๊โอกาสเข้ารอบมากน้อยเพียงใด ในการแข่งขันลูกหนังชิงแชมป์ ยุโรป หนนี้่ 

 

 

 

ทีมชาติ สเปน 

 

ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง  : อันดับ 6 

 

ผู้จัดการทีม: หลุยส์ เอ็นริเก้ 

 

ผลงานรอบคัดเลือก : แชมป์กลุ่ม F 

 

ผลงานในยูโร 2016 (หนที่แล้ว)  : เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย

 

ผลงานดีที่สุดในยูโร :  แชมป์ 3 สมัย (1964, 2008, 2012)

 

โปรแกรมการแข่งขัน : ดวล สวีเดน วันที่ 14 มิ.ย. ,ดวล โปแลนด์ วันที่ 19 มิ.ย. ,ดวล สโลวาเกีย วันที่ 23 มิ.ย. 

 

 

ภาพรวม : เรียกว่ามีดราม่าตั้งแต่ก่อนการแข่งขันจะเริ่มเมื่อทัพ “กระทิงดุ” ชุดนี้กลายเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ไร้เงาแข้งจากสโมสร เรอัล มาดริด โดย หลุยส์ เอ็นริเก้ ตัดชื่อแข้งอย่าง เซร์คิโอ รามอส ,นาโช่ เฟร์นานเดซ ,อิสโก้ หรือ มาร์โก อาเซนซิโอ ออกจากทีม พร้อมกันนี้ยังใส่ชื่อนักเตะมาเพียง 24 ราย ทั้งที่ ยูโร หนนี้สามารถใส่ได้ถึง 26 รายด้วย  ขณะเดียวกันล่าสุดกัปตันทีมชุดนี้อย่าง เซร์คิโอ บุสเกสต์ ห้องเครื่องคนสำคัญก็ติดเชื้อโควิด-19 ทำให้จะหมดสิทธิ์ลงเล่นในเกมแรกแน่นอนแล้ว

 

 

หากมองไปถึงจุดแข็งคงต้องบอกว่าอาจจะเป็นการที่ เอ็นริเก้ นั้นเลือกที่จะมองไปข้างหน้า และทำให้ทีมชุดนี้เข้าสู่ยุคใหม่แบบเต็มตัว นั่นอาจเป็นเรื่องดีที่ทำให้ทุกคนเต็มไปด้วยความกระหายที่จะเป็นแชมป์  ส่วนจุดอ่อนก็แน่นอนว่าการตัดแข้งตัวเก๋าออกไปหลายรายน่าสนใจว่าพวกเขาจะยังแสดงศักยภาพออกมาได้เต็มที่หรือไม่ และหากว่ากันตามจริงนี่คือ สเปน ยุคใหม่ที่ไม่ได้เป็นเต็งแชมป์เหมือนที่ผ่านมาอีกต่อไป 

 

นักเตะคีย์แมน : เฟร์ราน ตอร์เรส 

 

ภายใต้การคุมทัพของ เอ็นริเก้ ที่ต้องการให้ทุกคนเล่นแบบเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  แทนที่แสงสปอร์ตไลท์จะส่องไปที่เพียงแข้งคนใดคนหนึ่ง นั่นทำให้หากจะหาแข้งคีย์แมนของทีมชุดนี้ซักคน เราคงต้องพล่าวถึง ตอร์เรส ที่แม้อาจจะดูว่ายังเป็นดาวรุ่งในทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่กับผลงานที่เล่นให้กับทัพ กระทิงดุ ดาวเตะวัย 21 ปี ซัดไปได้ถึง 6 ประตูจาก 10 นัดในทีมชาติ โดยบทบาทในทีมของเขาคือการเป็นเล่นเป็นตัวรุกอิสระ ที่จะคอยขับเคลื่อนเกมรุกของทีมชุดนี้นั่นเอง 

 

แข้งน่าจับตา : เปดรี้ 

 

เปโดร กอนซาเลซ โลเปซ  หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ “เปดรี้”  วันเดอร์คิดส์วัย 18 ปี จาก บาร์เซโลน่า ผู้มี อันเดรีย อิเนียสต้าเป็นไอดอล ก้าวกระโดดขึ้นสู่ทีมชาติชุดใหญ่ ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมตลอดระยะเวลาที่เล่นให้กับทัพ “เจ้าบุญทุ่ม” ในฤดูกาลที่ผ่านมา ด้วยความที่เขาเป็นกองกลางที่มีเทคนิคยอดเยี่ยม, หาพื้นที่ว่างได้ดี, ครองบอลเหนียวแน่น และมีวิสัยทัศน์ในการผ่านบอลที่สุดยอด  น่าสนใจว่าเขาจะได้รับโอกาสจาก เอ็นริเก้ ในยูโร หนนี้มากน้อยเพียงใด 

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

ทีมชาติ สวีเดน 

 

ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง  : อันดับ 18

 

ผู้จัดการทีม:   ยานเน่ อันเดอร์สสัน

 

ผลงานรอบคัดเลือก :รองแชมป์กลุ่ม F 

 

ผลงานในยูโร 2016 (หนที่แล้ว)  :  ตกรอบแบ่งกลุ่ม 

 

ผลงานดีที่สุดในยูโร :   รอบรองชนะเลิศ (1992)

 

โปรแกรมการแข่งขัน : ดวล สเปน วันที่ 14 มิ.ย. ,ดวล สโลวาเกีย วันที่ 18 มิ.ย. ,ดวล โปแลนด์ วันที่ 23 มิ.ย. 

 

ภาพรวม : น่าเสียดายไม่น้อยสำหรับทัพ “ไวกิ้ง” ชุดนี้ เมื่อ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช สุดยอดดาวยิงตัวเก่าที่หวนกลับมารับใช้ชาติอีกครั้ง ได้รับาดเจ็บ ทำให้ชวดมาเล่นยูโรหนนี้  อย่างไรก็ตามแนวรุกของพวกเขายังมีทีเด็ดสุดๆ ไม่ว่าจะเป็น อเล็กซานเดอร์ อิซัค กองหน้าของเรอัล โซเซียดัด รวมไปถึง เดยัน คูลูเซฟกี้  จาก ยูเวนตุส และ เอมิลล์ ฟอร์สเบิร์ก จาก แอร์เบ ไลป์ซิก  ส่วนจุดที่ยังเป็นปัญหาของทีมชุดนี้น่าจะอยู่ที่เกมรับเนื่องจากมีเพียง วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ จากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เป็นแกนหลัก  

นักเตะคีย์แมน : เอมิลล์ ฟอร์สเบิร์ก 

 

ตัวขับเคลื่อนเกมของทัพ “ไวกิ้ง” จาก แอร์เบ ไลป์ซิก ผลงานของ ฟอร์สเบิร์ก ทำได้อย่างประทับใจมาตั้งแต่ฟุตบอลโลกเมื่อปี 2018 จนมาถึงปัจจุบันเรียกได้ว่านี่คือแข้งที่ทีมขาดไม่ได้อย่างแท้จริง 

 

แข้งน่าจับตา : อเล็กซานเดอร์ อิซัค 

 

มีนักเตะเพียง 5 คนเท่านั้นที่ยิงประตูในลาลีกา สเปน ได้มากกว่า  อิซัค ในฤดูกาลนี้ หลังเขาซัดไปถึง 17 ประตูในฤดูกาลนี้ ช่วยทีมจบอันดับ 6 ของตาราง ซึ่งเป็นผลงานส่วนตัวที่ดีที่สุดของ ดาวยิงวัย 21 ปี  และด้วยความสูงกว่า 190 เซนติเมตร ทำให้เขาจะกลายเป็นหนึ่งในกองหน้าที่สูงที่สุดในยูโรหนนี้ด้วย เรียกว่ามีทั้งความเร็วและความแข็งแกร่งรวมกันไปเลย 

 

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ทีมชาติ โปแลนด์ 

 

ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง  : อันดับ  21

 

ผู้จัดการทีม: เปาโล ซูซ่า (โปรตุเกส)

 

ผลงานรอบคัดเลือก : แชมป์กลุ่ม  G 

 

ผลงานในยูโร 2016 (หนที่แล้ว)  : เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย

 

ผลงานดีที่สุดในยูโร :   เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย (2016)

 

โปรแกรมการแข่งขัน : ดวล สโลวาเกีย วันที่ 14 มิ.ย. ,ดวล สเปน วันที่ 19 มิ.ย. ,ดวล สวีเดน วันที่ 23 มิ.ย. 

 

ภาพรวม :  หลังจบหายนะในศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่พวกเขาจบด้วยอันดับบ๊วยของกลุ่ม  ยูโร หนนี้ หวกเขาต้องการแก้ตัวให้ได้  ซึ่งด้วยตัวผู้เล่นในทีมชุดนี้ที่มีหลายแข้งประสบการณ์ค่อนข้างน้อยกับทัวร์นาเมนต์ใหญ่ น่าสนใจว่าพวกเขาจะทำได้ดีมากแค่ไหนกับกลุ่มสุดหินนี้ และอีกหนึ่งในปัญหาที่น่าปวดหัวคือการแย่งชิงตำแหน่งผู้รักษาประตูมือ 1 ที่มีทั้ง วอสเซียค เซสนี่ จาก ยูเวนตุส และ ลูคัส ฟาเบียนสกี้ จาก เวสต์แฮม ซึ่งแม้รายแรกจะเป็นตัวจริงก่อนหน้านี้ แต่ฟอร์มนั้นดร็อปลงไปอย่างน่าใจหาย ผิดกับ ฟาเบียนสกี้ ที่ระเบิดฟอร์มกับทัพขุนค้อนอย่างต่อเนื่อง  

 

นักเตะคีย์แมน : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ 

 

การมีสุดยอดกองหน้าหมายเลข 1 ยุคนี้ ที่ซัดไปถึง 41 ประตูให้กับ บาเยิร์น มิวนิค ต้นสังกัด คงไม่มีอะไรต้องพูดถึงว่าใครคือแข้งตัวความหวังสูงสุดของทีม อย่างไรก็ตาม เลวานดอฟสกี้ จำเป็นต้องสร้างโอกาสให้ตัวเอง และคอยเชื่อมเกมกับเพื่อนร่วมทีมให้ได้มากที่สุด หากหวังที่จะยิงประตูเพื่อโอกาสผ่านเข้ารอบต่อไป

 

 

แข้งน่าจับตา : ยาคุม โมเดอร์

 

ห้องเครื่องวัย 22 ปีของสโมสร ไบรท์ตัน มีการเล่นที่เปรียบได้ดั่ง เซร์คิโอ บุสเกตส์ ของบาร์เซโลน่า ด้วยทักษะของเขาที่สามารถแย่งบอลคู่แข่งได้อย่างยอดเยี่ยม และเป็นเหมือนห้องเครื่องของทีมชาติโปแลนด์ชุดนี้    และเชื่อเหลือเกินว่าหากผลงานของทีมดี โมแดร์ น่าจะเป็นหนึ่งในแข้งเนื้อหอมในช่วงซัมเมอร์นี้อย่างแน่นอน  

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ทีมชาติ สโลวาเกีย 

 

ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง  : อันดับ  36

 

ผู้จัดการทีม:  สเตฟาน ทาร์โกวิช 

 

ผลงานรอบคัดเลือก :  แชมป์เพลย์ออฟกลุ่มบี 

 

ผลงานในยูโร 2016 (หนที่แล้ว)  : เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย

 

ผลงานดีที่สุดในยูโร :   : เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย(2016)

 

โปรแกรมการแข่งขัน : ดวล โปแลนด์ วันที่ 14 มิ.ย. ,ดวล สวีเดน วันที่ 18 มิ.ย. ,ดวล สเปน วันที่ 23 มิ.ย. 

 

ภาพรวม : นับเป็นเพียงหนที่ 2 ในประวัติศาสตร์เท่านั้นที่ สโลวาเกีย ผ่านเข้าถึงรอบสุดท้าย ยูโร ได้ หลังครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นเมื่อ 5 ปี ที่แล้ว ซึ่งพวกเขาก็หวังว่าหนนี้จะทำผ่านเข้ารอบได้ลึกกว่าครั้งที่แล้ว ซึ่งทีมชุดนี้ต้องบอกว่าปัญหาใหญ่ที่สุดเลยคือเรื่องความสม่ำเสมอของทีม เพราะก่อนหน้านี้ในเกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก พวกเขานั้นเอาชนะ รัสเซีย ไปได้ แบบพลิกความคาดหมาย 2-1 แต่หลังจากนั้นกลับต้องเจอผลการแข่งขันที่น่าตกใจเมื่อทำได้เพียงเสมอกับ ไซปรัส และ มอลตา 

 

 

นักเตะคีย์แมน : มาเร็ค ฮัมซิค , มิลาน สคริเนียร์ 

 

 แม้ว่า  ฮัมซิค จะไม่ได้ค้าแข้งกับ นาโปลี แล้วและย้ายไปเล่นให้กับ โกเตนเบิร์ก ทีมในลีก สวีเดน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าดาวเตะวัย 33 ปี จะไร้ความสำคัญกับทีมชาติ เขายังเป็นกัปตันทีมที่คอยบัญชาการเกมในแดนกลางชุดนี้อย่างขาดไม่ได้   ส่วนอีกแข้งที่น่าจะเป็นดาวดังที่สุดของทีมในยุคนี้อย่าง มิลาน สคริเนียร์  ปราการหลัง อินเตอร์ มิลาน เพิ่งคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา มา จะเป็นคีย์แมนในแผงแนวรับให้กับทัพ สโลวัก ชุดนี้อย่างแน่นอน 

 

แข้งน่าจับตา : เดวิด สเตรเลค 

 

ดาวยิงวัย 20 ปี ของสโมสร สโลวาน บราติสลาว่า ซัดไปถึง 7 ประตู จากการเล่น 16 นัดในฤดูกาลนี้ และประเดิมสนามในทีมชาติไปแล้วในเกมที่พบกับ ไซปรัส และ มอลตา เมื่อเดือน มี.ค.  ซึ่งสื่อหลายสำนักต่างยกย่องว่านี่คือหนึ่งในแข้งที่น่าจะเป็นอนาคตของวงการลูกหนัง  สโลวาเกีย  ซึ่งใน ยูโร 2020 หนนี้ น่าสนใจว่าเขาจะได้รับโอกาสลงสนามมากน้อยเพียงใด 

 

 

วิเคราะห์ทีมที่จะผ่านเข้ารอบ :  เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มที่มีชาติที่แข็งแกร่งทั้ง 4 ทีม หากให้เลือกทีมอันดับ 1 ของกลุ่มที่จะผ่านเข้ารอบต่อไป ก็ไม่น่าจะผิดไปจาก สเปน ที่เรียกได้ว่าผู้เล่นนั้นยังอยู่ในระดับท็อปกว่าใครเพื่อน น่าจะเอาตัวรอดไปได้  ส่วนอันดับ 2 เชื่อว่า โปแลนด์ กับ สวีเดน ที่จะเจอกันในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม เกมนั้นจะเป็นการชี้ชะตาว่าใครดีพอที่จะผ่านเข้ารอบตามทัพ “กระทิงดุ” ไป