พรีวิวเชลซี 2019-20: บทพิสูจน์ของแลมพาร์ดกับจุดเริ่มต้นที่เต็มไปด้วยอุปสรรค

 

สิงโตน้ำเงินคราม ถือเป็นทีมในกลุ่มบิ๊ก 6 ที่มีปัญหามากที่สุดในการเตรียมทีมสู้ศึกฤดูกาล 2019-20 เนื่องจากพวกเขาต้องเริ่มนับหนึ่งกับกุนซือคนใหม่ที่ไม่ได้มีประสบการณ์ในเกมระดับสูงอย่าง แฟรงค์ แลมพาร์ด ทั้งยังต้องเสียสตาร์ตัวแบกทีมอย่าง เอเดน อาซาร์ ไปให้กับ เรอัล มาดริด อีก และที่สำคัญที่สุด คือไม่สามารถซื้อนักเตะเข้ามาเสริมทีมได้ตลอดทั้งซีซั่นนี้ หลังถูก ฟีฟ่า สั่งแบนจากกรณีที่ทำผิดกฎเกี่ยวกับการเซ็นสัญญาแข้งเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี

 

ซึ่งนี่ จะเป็นภารกิจสุดหินในการหวนคืนของตำนานหมายเลข 8 แห่งถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ และด้วยปัจจัยที่กล่าวไป ก็ไม่ใช่งานง่ายเลยที่ เชลซี จะพุ่งชนความสำเร็จในฤดูกาลนี้ ฉะนั้น บางทีแฟนสิงห์บลูส์อาจจะต้องท่องคำๆหนึ่งเอาไว้ให้ขึ้นใจสำหรับปีแรกของ แลมพาร์ด นั่นก็คือ… “อดทน”

 

 

จุดแข็ง กองกลางแน่นปึ้ก

 

 

แม้ เชลซี จะไม่สามารถซื้อใครเข้ามาเพิ่มได้ แต่ถ้าลองกวาดสายตาดูในกรณีที่ทุกคนฟิตสมบูรณ์ แผงมิดฟิลด์ของสิงโตน้ำเงินครามจะมีตัวที่พร้อมส่งลงสนามมากถึง 8 ราย ทั้งยังมีคุณสมบัติให้เลือกใช้งานที่หลากหลาย อย่างเช่นในบทบาทกองกลางตัวรุก หากต้องการความแข็งแกร่งในการพักบอลและจังหวะยิงประตูที่หวังผลได้ก็เลือก รอสส์ บาร์คลีย์ แต่ถ้าต้องการจังหวะส่องไกลบวกกับการจ่ายบอลคมๆก็เลือก เมสัน เมาท์

 

หรือในบทบาทตัวเชื่อมเกม ที่พวกเขามีทั้งการผ่านบอลของ จอร์จินโญ่ การพาบอลบุกตะลุยของ มัตเตโอ โควาซิช และความแข็งแกร่งของ รูเบน ลอฟตีส-ชีค นอกจากนี้ หน้าที่ตัดเกมที่เป็นตำแหน่งตายตัวก็ยังมี ติมูเอ้ บากาโยโก้ ไว้คอยสแตนบาย เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เพราะฉะนั้น ไม่ว่า แลมพาร์ด จะเปลี่ยนไปใช้ระบบ 4-2-3-1 , 4-4-2 แบบไดมอนด์ หรือ 4-3-3 เจ้าตัวก็จะมีกองกลางทุกประเภทให้เลือกใช้งาน รวมถึงมีผู้เล่นไว้คอยทดแทนและสับเปลี่ยนหมุนเวียนตลอดเวลา

 

จุดอ่อน ไร้เพชฌฆาตชั้นยอด

 

 

แทมมี่ อับราฮัม , มิตชี่ บาตชูอายี่ และ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ คือสามกองหน้าตัวหลักที่ เชลซี มีในตอนนี้ ซึ่งถ้ามองเบื้องต้นจากชื่อชั้น เห็นได้ชัดว่าไม่มีคนไหนที่สามารถขู่คู่แข่งได้เลย และฟอร์มในช่วงปรีซีซั่นก็ไม่มีใครเด่นขึ้นมาโดดๆ ทั้งนี้ เมื่อไปดูในเรื่องของสถิติเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา จริงอยู่ที่ อับราฮัม นำโด่งมาเลยด้วยการกดไปถึง 25 ประตู จาก 37 นัดที่ลงสนามให้กับ แอสตัน วิลล่า แต่นั่นก็เป็นเพียงเวทีที่ยังพิสูจน์อะไรไม่ได้มากอย่าง เดอะ แชมเปี้ยนชิพ

 

ส่วน บาตชูอายี่ ยิงไปได้เพียง 9 ประตู จาก 36 นัด ที่ลงล่าตาข่ายให้กับ บาเลนเซีย ในครึ่งฤดูกาลแรก และ คริสตัล พาเลซ ในครึ่งฤดูกาลหลัง ขณะที่ในรายของ ชิรูด์ แม้ใน ยูโรปา ลีก จะซัดระเบิดไปถึง 11 ประตู จาก 14 นัด แต่จาก 27 เกมที่ลงสนามในพรีเมียร์ลีก เจ้าตัวยิงได้แค่ 2 ลูกเท่านั้น และในแผนของ แลมพาร์ด ที่ตัวเป้าต้องมีความเร็วด้วย หัวหอกเฟรนช์แมนจึงอาจเป็นได้เพียงตัวเปลี่ยนเกมเวลาต้องการทีเด็ดจากลูกกลางอากาศ

 

ดังนั้น เมื่อมองจากสถิติและการที่ แลมพ์ มอบความไว้วางใจให้ อับราฮัม สวมเบอร์ 9 ดาวยิงวัย 21 ปี จึงน่าจะเป็นตัวเลือกแรกในตำแหน่งนี้ หลังจากนั้น แฟนสิงห์ก็คงต้องมาภาวนาว่าฟอร์มถล่มประตูในลีกรองจะสามารถเอามาใช้งานได้กับสมรภูมิอันดุเดือดอย่างพรีเมียร์ลีก

 

แผนการเล่นที่คาด

 

แฟรงค์ แลมพาร์ด พาทีมทัวร์อุ่นเครื่องปรีซีซั่นโดยใช้แผน 4-2-3-1 เป็นหลัก โดยมีแผนที่ใช้รองลงมาคือ 4-4-2 แบบไดมอนด์ ดังนั้น เราจะคาดการณ์ตัวนักเตะโดยยึดจากแผนตั้งต้นอย่าง 4-2-3-1

 

ผู้รักษาประตู : เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า

แบ็คขวา : เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า

คู่ปราการหลังตัวกลาง : อันโตนิโอ รูดิเกอร์ – เคิร์ท ซูม่า

แบ็คซ้าย : เอเมอร์สัน

คู่กองกลางตัวต่ำ : เอ็นโกโล่ ก็องเต้ – จอร์จินโญ่

ปีกขวา : วิลเลี่ยน

ปีกซ้าย : คริสเตียน พูลิซิช

กองกลางตัวรุก : รอสส์ บาร์คลีย์

กองหน้า : แทมมี่ อับราฮัม

 

 

การเสริมทัพที่น่าสนใจ คริสเตียน พูลิซิช

 

 

จริงอยู่ที่ เชลซี ไม่สามารถซื้อใครเพิ่มได้ในตลาดซื้อขายช่วงซัมเมอร์นี้ แต่พวกเขาก็ได้ผู้เล่นใหม่เข้ามาเสริมทัพหลายราย ด้วยการดึงเหล่านักเตะที่ปล่อยยืมตัวกลับมาใช้งาน ทั้ง แทมมี่ อับราฮัม , มิชี่ บาตชูอายี่ , เมสัน เมาท์ , เคเนดี้ , เคิร์ท ซูม่า , ฟิคาโย่ โทโมรี่ หรือแม้กระทั่ง ติมูเอ้ บากาโยโก้

 

อย่างไรก็ตาม มีหนึ่งเดียวที่เป็นการเซ็นเข้ามาใหม่ นั่นก็คือ คริสเตียน พูลิซิช ที่สิงโตน้ำเงินครามคว้ามาจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ตั้งแต่ตลาดซื้อขายเดือนมกราคม ซึ่งเจ้าตัวถือเป็นการเข้ามาเสียบช่องว่างที่ เอเดน อาซาร์ ทิ้งไว้โดยตรง และจากผลงานที่ปีกทีมชาติสหรัฐอเมริกาเคยฝากเอาไว้กับเสือเหลือง ต่อเนื่องมาจนถึงฟอร์มอันน่าประทับใจกับต้นสังกัดใหม่ในช่วงปรีซีซั่น งานนี้แฟนสิงห์บลูส์ก็อาจจะไม่ต้องกังวลเท่าไหร่กับการจากไปของดาวเตะชาวเบลเยี่ยม

 

คีย์แมนฤดูกาลนี้ จอร์จินโญ่

 

 

โปรดลบภาพ จอร์จินโญ่ ยอดนักแปะในยุคของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ออกจากหัว เพราะภายใต้ระบบการเล่นของเจ้านายคนใหม่ ห้องเครื่องชาวอิตาเลี่ยนจะได้ใช้ศักยภาพของตัวเองอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย จากที่เคยต้องยืนต่ำคอยโฮลบอลอย่างเดียว เจ้าตัวจะมีทั้งอิสระในการดันขึ้นสูง และสามารถออกบอลสั้นยาวที่เสี่ยงกว่าเดิมเพื่อปั้นเกมรุกได้

 

ที่สำคัญ เขายังไม่ต้องมาฝืนสังขารตัวเองในการไล่ตัดเกม เพราะมี เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่ถูกปรับกลับมาเล่นเกมรับอย่างที่ถนัดคอยรับภาระปัดกวาดให้อยู่แล้ว ดังนั้นในฤดูกาลนี้ นักเตะที่เคยได้ชื่อว่าเป็นลูกรักของ ซาร์รี่ จะกลายมาเป็นหัวใจในแดนกลางของ แลมพาร์ด อย่างแท้จริง