พรีวิว พรีเมียร์ลีก : ลิเวอร์พูล vs เลสเตอร์ ซิตี้

 

พรีวิว พรีเมียร์ลีก : ลิเวอร์พูล vs เลสเตอร์ ซิตี้

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน 2563 เวลา 02.15 .

ถ่ายทอดสด : True Premier Football HD1

ราคาต่อรอง : ลิเวอร์พูล ต่อ 1 ลูก

สนาม : แอนฟิลด์

 

ความพร้อมของทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล : หงส์แดงมีผลงานก่อนเข้าช่วงเบรกทีมชาติที่ยอดเยี่ยมทีเดียว เมื่อพวกเขาสามารถคว้าชัยได้ 5 จาก 6 นัดหลังสุด โดยเกมเดียวที่ไม่ชนะคือการเสมอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งในนัดนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือของทีม จะขาด โจ โกเมซ , เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ , เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่มีอาการบาดเจ็บทั้งหมด รวมถึงจะไม่มี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ติดเชื้อโควิด-19 ขณะที่ในรายของ ติอาโก้ อัลคันทาร่า กับ รีส วิลเลี่ยมส์ ยังต้องรอเช็คสภาพความฟิตอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ยังมีข่าวดีตรงที่พวกเขาจะได้ ฟาบินโญ่ กลับมาประจำการในแดนกลางอีกครั้ง ส่วนสามประสานในแดนหน้า จะเป็น ดิโอโก้ โชต้า , ซาดิโอ มาเน่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่

 

เลสเตอร์ ซิตี้ : จิ้งจอกสยามก็มีผลงานที่ร้อนแรงไม่แพ้กัน เมื่อพวกเขาเดินหน้าเก็บชัยมาแล้ว 6 นัดรวด ซึ่งในเกมนี้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส นายใหญ่ของทีม จะหมดสิทธิ์ใช้งาน ดาเนี่ยล อมาร์ตี้ย์ , คักลาร์ โซยุนคู และ วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ ที่มีอาการบาดเจ็บทั้งหมด ขณะที่ในรายของ ริคาร์โด้ เปเรร่า ยังอยู่ในช่วงเรียกความฟิต โดยในแนวรุก เจมส์ แมดดิสัน กับ ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ จะสร้างสรรค์เกมบุกร่วมกัน พร้อมวาง เจมี่ วาร์ดี้ ไว้คอยปิดบัญชีในแดนหน้า

 

สถิติที่เคยพบกันมา 5 นัดหลังสุด : ลิเวอร์พูล ชนะ 4 ครั้ง , เสมอกัน 1 ครั้ง

 

นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม

ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ (GK) , เนโก้ วิลเลี่ยมส์ , นาธาเนี่ยล ฟิลลิปส์ , โจเอล มาติป , แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน , ฟาบินโญ่ , จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม , เจมส์ มิลเนอร์ , ดิโอโก้ โชต้า , ซาดิโอ มาเน่ , โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่

 

เลสเตอร์ ซิตี้ (3-4-2-1) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล (GK) , เวสลี่ย์ โฟฟาน่า , จอนนี่ อีแวนส์ , คริสเตียน ฟุคส์ , ทิโมธี คาสตานเญ่ , ยูริ ตีเลอม็องส์ , นอมปาลีส เมนดี้ , เจมส์ จัสติน , เจมส์ แมดดิสัน , ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ , เจมี่ วาร์ดี้

 

วิเคราะห์ : แม้ตามหน้าเสื่อ ลิเวอร์พูล จะดูเหนือกว่า แต่ช่วงหลัง เลสเตอร์ มาแรงจริงๆ โดยนอกจากพวกเขาจะคว้าชัยมา 6 เกมติดต่อกันแล้ว 3 นัดหลังสุดเด็กๆของบีร็อดยังกดคู่แข่งไปถึง 9 ประตู และเสียไปเพียงลูกเดียว อีกปัจจัยที่สำคัญคือเรื่องสภาพทีมของหงส์แดงที่มาเสียตัวหลักเพิ่มอีกในช่วงฟีฟ่าเดย์ จึงเป็นไปได้ยากที่ทีมของคล็อปป์จะยังเล่นได้ตามมาตรฐานเดิม ฉะนั้น เมื่อมองจากฟอร์มของ เลสเตอร์ และสภาพทีมของ ลิเวอร์พูล แล้ว งานนี้เชื่อว่าจิ้งจอกสยามจะไม่กลับออกจากแอนฟิลด์ด้วยความพ่ายแพ้

 

ผลที่คาด : เสมอ 2-2