พรีวิว ฟุตบอลโลก (รอบชิงชนะเลิศ) : อาร์เจนติน่า – ฝรั่งเศส : 22.00 น.

ฟุตบอลโลก 2022

อาร์เจนติน่า – ฝรั่งเศส

สนาม : ลูซาอิล สเตเดี้ยม

วันอาทิตย์ที่ 18 ธ.ค.

เวลา : 22.00น.

ถ่ายทอดสด : ช่อง 7 สี หมายเลข 35, ทรูโฟร์ยู หมายเลข 24 และทรูสปอร์ต HD2

อัตราต่อรอง : เสมอ ฝรั่งเศส

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม เคยดวลมา 12 ครั้ง ในทุกรายการ อาร์เจนติน่า เหนือกว่าชนะได้ 6 เสมอ 3 และฝรั่งเศส ชนะ 3 ส่วนในฟุตบอลโลกเจอกัน 3 ครั้ง อาร์เจนติน่า ชนะได้ 2 ครั้งคือปี 1930 ชนะ 1-0 และปี 1978 ชนะ 2-1 ส่วนหนล่าสุดคือปี 2018 ในรอบ 16 ทีม ฝรั่งเศส บดชนะแบบสุดมันส์ 4-3 ก่อนจะทะลุเข้าไปคว้าแชมป์ได้สำเร็จ

 

ความพร้อมของเกม

อาร์เจนติน่า : “ฟ้าขาว” ล่าแชมป์ครั้งแรกในรอบ 36 ปี เส้นทางในรอบแบ่งกลุ่มพวกเขาประเดิมได้ไม่สวยนักกับการพ่ายให้กับ ซาอุดีอาระเบีย แบบช็อคโลก 1-2 และหยุดสถิติไม่แพ้ใครติดต่อกันเอาไว้ที่ 36 เกม จากนั้นรวมใจกลับมาเอาชนะ เม็กซิโก 2-0 ตามด้วยการต้อนโปแลนด์ด้วยสกอร์เดียวกัน พลิกสถานการณ์เข้ารอบด้วยเป็นแชมป์กลุ่ม ซี เข้ามาเล่นในรอบ 16 ทีม เฉือน ออสเตรเลีย ลงได้ 2-1, รอบก่อนรองชนะเลิศดวลเดือดกับ เนเธอร์แลนด์ เสมอ 2-2 ก่อนจะดวลจุดเอาชนะมาได้ 4-3 และล่าสุดคือรอบรองชนะเลิศ ถล่ม โครเอเชีย ขาดลอย 3-0

         ทีมของ ลีโอเนล สกาโลนี่ จะได้ มาร์กอส อคุนญ่า และกอนซาโล่ มอลเที่ยล สองฟูลแบ็กซ้าย-ขวา พ้นโทษแบนกลับมา ที่เหลือถือว่าค่อนข้างสมบูรณ์ตามรายงานไม่น่าจะมีปัญหาอะไรอยู่ที่ว่าจะเลือกจัดทัพแบบไหน เพราะในแต่ล่ะรอบที่ผ่านมา เปลี่ยนแท็คติกค่อนข้างบ่อย มีทั้ง 4-3-1-2, 4-3-3, 3-5-2 และเกมล่าสุดคือ 4-4-2

         แกนหลักแน่นอนที่สุดนั่นคือ ลีโอเนล เมสซี่ จอมทัพระดับซูเปอร์สตาร์ที่ลุ้นแชมป์โลกครั้งแรกในชีวิต หลังจากเคยผิดหวังมาในปี 2014 โดยครั้งนี้เขายิงไปแล้ว 5 ประตู กับ 3 แอสซิสต์ พร้อมกับจะทำสถิติโลกใหม่ด้วยการลงเล่นในบอลโลกมากที่สุด 26 เกม แซงหน้า “ซูเปอร์แมน”โลธาร์ มัทเธอุส ตำนานชาวเยอรมนี

เมสซี่ จะเล่นเป็นตัวฟรีในแดนรุก ร่วมกับ ฆูเลี่ยน อัลบาเรซ ดาวยิงวัยรุ่นที่สังหารไปแล้ว 4 ประตู ขณะที่แดนกลาง โรดริโก้ เดอ ปอล, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ และ อเล็กซิส แม็ค อลิสเตอร์ จะลงเดินเกม ส่วนอีกตำแหน่งนั้นขึ้นอยู่กับว่า ทีมจะเล่นแบบไหน ถ้าหากเล่น 3-5-2 จะเป็น ลิซานโดร มาร์ติเนซ ยืนเซ็นเตอร์แบ๊กด้านซ้าย แต่ถ้าเล่น 4-1-3-2 ที่ปรับจาก 4-4-2 ระหว่างเกมจากนัดที่แล้ว ก็จะเป็น เลอันโดร ปาเรเดส ที่ยืนกลางตัวสกรีนหน้าเซ็นเตอร์แบ๊ก

ฝรั่งเศส :    ฟากของแชมป์เก่า ฝรั่งเศส ภายใต้การคุมทีมของ ดิดิเย่ร์ เดสชองส์ ที่ลุ้นเป็นคนกุนซือคนที่สองต่อจาก วิตตอริโอ้ ปอซโซ่ ที่สามารถพาทีมป้องแชมป์ และยังลุ้นเป็นชาติที่สาม ในการป้องแชมป์ต่อจาก อิตาลี 1934 และ ปี1938 อีกทีมคือ บราซิล ปี 1958 และ ปี 1962 เส้นทางของพวกเขา ออกสตาร์ทด้วยการถล่ม ออสเตรเลีย 4-1 ตามด้วยเฉือน เดนมาร์ก 2-1 และปิดท้ายเปลี่ยนผู้เล่น 9 รายพ่ายให้กับ ตูนิเซีย 0-1 แต่ยังเข้ารอบมาด้วยเป็นแชมป์กลุ่ม ดี ในรอบ 16 ทีม ถล่ม โปแลนด์ 3-1, รอบ 8 ทีมเฉือน อังกฤษ 2-1 และดับฝันม้ามืด โมร็อกโก ในรอบตัดเชือก 2-0

         เกมนี้ตามรายงานข่าวปรากฏว่า ในแคมป์ของฝรั่งเศส มีปัญหาเรื่องอาการป่วยของนักเตะ แต่ยืนยันว่า ไม่ได้มีการระบาดของโควิด ซึ่งบางสื่อบอกว่าเป็นไข้หวัดอูฐ ที่กำลังระบาดในกาตาร์ โดยมีนักเตะของฝรั่งเศส ป่วยรวมกันล่าสุดก็คือ ราฟาเอล วาราน, อิบราฮิมา โกนาเต้, อาเดรียง ราบิโอต์ และ ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ส่วน ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ หายป่วยแล้ว นอกจากนี้ เตโอ แอร์กนองเดซ แบ๊กซ้ายที่พังประตูแรกในรอบตัดเชือกมีอาการบาดเจ็บที่สะโพก คาดว่าจะต้องเข็นลง

         กรณีที่ ราบิโอต์ ผ่านความฟิตจะได้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์คู่กับ ออเรเลียง ชูอาเมนี่ เหมือนเดิม โดยมี ยุสซุฟ โฟฟาน่า ที่ลงแทน ราบิโอต์ ในนัดก่อนรอเสียบ ส่วนปัญหาที่ ดิดิเย่ร์ เดสชองส์ ต้องปวดหัวหนักคือตำแหน่งเซนเตอร์ เพราะ อิบราฮิม่า โกนาเต้ เล่นได้อย่างโดดเด่นในรอบที่ผ่านมา ต้องตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนกลับมาใช้ อูปาเมกาโน่ หรือไม่ ที่เหลือเป็นชุดเดิมยึดระบบ 4-2-3-1 อุสมาน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์ และคีลิยัน เอ็มบาปเป้ เป็นสามประสานในแนวรุก โดยมี โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ยืนหน้าเป้า

11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

 

อาร์เจนติน่า (3-5-2): เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ, คริสเตียน โรเมโร่, นิโคลัส โอตาเมนดี้, ลิซานโดร มาร์ติเนซ, นาฮูเอล โมลีน่า, โรดริโก้ เดอ ปอล, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็ค อลิสเตอร์, มาร์กอส อคุนญ่า, ลีโอเนล เมสซี่ และฆูเลี่ยน อัลบาเรซ

ฝรั่งเศส (4-2-3-1): ฮูโก้ ญอริส, ฌูลส์ คุนเด้, ราฟาเอล วาราน, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, เตโอ แอร์กนองเดซ, ออเรเลียง ชูอาเมนี่, อาเดรียง ราบิโอต์, อุสมาน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบาปเป้ และโอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

 

ทรรศนะก่อนเกม : สูสีกันสุดๆ การเจอกันของ 2 ทีมแชมป์โลก 2 สมัย และแต่ละทีมก็มีแข้งตัวจิ๊ดมาดวลกัน เกมนี้เชื่อว่ารูปเกมจะออกมาสนุกก่อนจะเสมอกันใน 90 นาที และต้องต่อเวลาหาผู้ชนะ

 

สกอร์ที่คาด : ฝรั่งเศส ต่อเวลาชนะ 2-1