พรีวิว ยูโร 2020 กลุ่ม B : เบลเยี่ยมนอนมา,เดนมาร์กvsรัสเซีย,ฟินแลนด์ขอสร้างเซอร์ไพรส์

 

เบลเยี่ยม ทีมอันดับ 1 ของโลก โคจรมาปะทะกับเดนมาร์กและรัสเซีย สองอดีตแชมป์ยูโร โดยมีทีมน้องใหม่อย่างฟินแลนด์เข้ามาร่วมแจม… แต่ละชาติมีจุดแข็ง-จุดอ่อนอะไร , ใครบ้างที่น่าจับตามอง แล้วบทสรุปน่าจะออกมาแบบไหน วันนี้เราจะพาคุณไปส่องทุกแง่มุมของกลุ่ม B ในยูโร 2020 กัน

 

ทีมชาติเบลเยี่ยม

ฟีฟ่า แรงกิ้ง : 1

ผลงานที่ดีที่สุดในยูโร : รองแชมป์ (1980)

 

 

มาคราวนี้ ทีมที่เคยได้ชื่อว่าเป็น “ม้ามืด” อย่างเบลเยี่ยมจะเข้าสู่ทัวร์นาเมนต์ในฐานะทีมที่ดีที่สุดในโลกจากการจัดอันดับของฟีฟ่า ทั้งยังมาพร้อมกับผลงานอันสวยหรูในรอบคัดเลือก เมื่อพวกเขาเป็น 1 ใน 2 ทีมที่ผ่านเข้ามาเล่นในรอบสุดท้ายด้วยการชนะรวดทั้ง 10 นัด (อีกทีมคืออิตาลี) โดยยิงได้ถึง 40 ประตู และเสียแค่ 3 ลูกเท่านั้น

 

ชัดเจนว่าความอันตรายของปีศาจแดงอยู่ที่ขุมกำลังในเกมรุก ที่มีตัวสร้างสรรค์เกมอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ , เอเดน อาซาร์ , ธอร์ก็อง อาซาร์ , ดรีส์ เมอร์เท่นส์ และ ยูริ ตีเลอม็องส์ รวมถึงมีตัวปิดบัญชีอย่าง โรเมลู ลูกากู ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติ (59 ประตู)

 

ในทางกลับกัน จุดที่น่าเป็นห่วงของเร้ด เดวิลส์อาจอยู่ที่เกมรับ เพราะนักเตะอย่าง โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ และ แยน แฟร์ตองเก้น เริ่มโรยราแล้ว ส่วน เจสัน เดนาเยอร์ ก็ยังไม่สามารถเติมเต็มช่องว่างของ แวงซ็องต์ กอมปานี ได้ ขณะที่กองกลางตัวรับอย่าง อักเซล วิตเซล ก็เพิ่งกลับมาจากเจ็บยาว คงมีเพียง ธิโบต์ กูร์กตัวส์ เท่านั้นที่ยังไว้ใจได้

 

อีกหนึ่งปัญหาสำคัญอยู่ที่สองตัวปั้นเกมที่ดีที่สุดของทีมอย่าง เดอ บรอยน์ และ อาซาร์ เพราะรายแรกยังไม่รู้เลยว่าจะกลับมาฟิตนัดไหน หลังจากได้รับบาดเจ็บในเกมยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ ส่วนรายหลังก็เดี้ยงจนฟอร์มรูดกับ เรอัล มาดริด และต้องมาลุ้นว่าอดีตสตาร์เชลซีจะคืนร่างเทพได้ไหมในทัวร์นาเมนต์นี้

 

ดาวเด่น : โรเมลู ลูกากู

ฤดูกาลที่ผ่านมา ลูกากู พาต้นสังกัด อินเตอร์ มิลาน คว้าสคูเด็ตโต้ด้วยการยิงไป 24 ประตู และตัวเขาเองก็คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของกัลโช่ เซเรียอามาครอง นอกจากนี้ หัวหอกวัย 28 ปียังซัดไป 7 ประตูในรอบคัดเลือก รวมถึงกดไป 42 ประตู จาก 40 นัดหลังสุดกับทีมชาติด้วย

 

แข้งน่าจับตา : ยูริ ตีเลอม็องส์

ตีเลอม็องส์ ถือเป็นหัวใจในแดนกลางของทั้ง เลสเตอร์ ซิตี้ และเบลเยี่ยมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และในซีซั่นล่าสุด เจ้าตัวก็เพิ่งช่วยให้จิ้งจอกสยามก้าวขึ้นไปซิวแชมป์เอฟเอ คัพได้สำเร็จ พร้อมฝากผลงานส่วนตัวไว้ที่ 9 ประตู 6 แอสซิสต์

 

ทีมชาติเดนมาร์ก

ฟีฟ่า แรงกิ้ง : 10

ผลงานที่ดีที่สุดในยูโร : แชมป์ (1992)

 

 

เดนมาร์กผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายของศึกยูโร 2020 ในฐานะรองแชมป์กลุ่ม โดยมีแต้มน้อยกว่าแชมป์กลุ่มอย่างสวิตเซอร์แลนด์แค่คะแนนเดียว แต่ที่น่าสนใจก็คือพวกเขาจบรอบคัดเลือกแบบไร้พ่าย ซึ่งมีแค่ 5 ทีมเท่านั้นที่ทำได้

 

เมื่อดูจากรายชื่อนักเตะ แน่นอนว่าจุดแข็งของทีมโคนมอยู่ที่แนวรับ ผู้รักษาประตูเป็น แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล , คู่เซนเตอร์แบ็คใช้ ซิมง เคียร์ จับคู่กับ อันเดรส คริสเตนเซ่น ส่วนตัวสกรีนก่อนถึงแดนหลังก็มีทั้ง ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก และ โธมัส เดลานี่ย์

 

อย่างไรก็ตาม ปัญหาของเดนมาร์กอาจอยู่ที่ตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า เพราะผู้เล่นที่มีชื่ออย่าง มาร์ติน เบรธเวต , ยุสซุฟ โพลเซ่น หรือ แคสเปอร์ โดลเบิร์ก ต่างก็ไม่ได้มีสถิติการส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายที่น่าประทับใจนัก โดยเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา เบรธเวต ยิงให้กับ บาร์เซโลน่า ไป 8 ประตู จาก 42 นัด , โพลเซ่น ยิงให้กับ แอร์เบ ไลป์ซิก ไป 11 ประตู จาก 41 นัด และ โดลเบิร์ก ยิงให้กับ นีซ ไป 6 ประตู จาก 29 นัด

 

ดาวเด่น : คริสเตียน อิริคเซ่น

จากที่ดูเหมือนจะเป็นส่วนเกินของ อินเตอร์ มิลาน ฤดูกาลล่าสุด อิริคเซ่น สามารถพาตัวเองกลับมาเกิดใหม่ได้อีกครั้งในช่วงครึ่งซีซั่นหลัง และเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยให้ทีมงูใหญ่จบฤดูกาลด้วยตำแหน่งแชมป์ลีก ขณะที่บทบาทกับทีมชาติยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะเขาคือตัวแบกเกมรุกของทีม และเป็นดาวซัลโวของทัพโคนมในรอบคัดเลือกด้วย (5 ประตู)

 

แข้งน่าจับตา : โจนาส ไวนด์

หากจุดอ่อนของเดนมาร์กอยู่ที่ตำแหน่งหมายเลข 9 ไวนด์ ก็อาจเป็นคำตอบที่จะช่วยแก้ปัญหานั้นได้ เพราะแม้กองหน้าวัย 22 ปีจะยังไม่เคยลุยลีกใหญ่ของยุโรป แต่ตัวเลข 11 ประตู จาก 18 นัดกับ โคเปนเฮเก้น ในฤดูกาลล่าสุดก็จัดว่าเป็นอะไรที่ไม่ควรมองข้าม และไม่แน่เหมือนกันว่านี่อาจจะเป็นเวทีแจ้งเกิดของเจ้าตัวก็ได้

 

ทีมชาติฟินแลนด์

ฟีฟ่า แรงกิ้ง : 54

ผลงานที่ดีที่สุดในยูโร : ผ่านเข้ามาเล่นครั้งแรก

 

 

ฟินแลนด์สร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้ามาเล่นในทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์เป็นครั้งแรกได้สำเร็จ แม้จะปราชัยในรอบคัดเลือกไปถึง 4 นัดก็ตาม โดยพวกเขาจบในอันดับ 2 ของกลุ่ม เป็นรองเพียงอิตาลีที่คว้าชัยได้ 10 นัดรวด

 

แน่นอนว่าปัญหาของฟินแลนด์คงหนีไม่พ้นเรื่องการขาดประสบการณ์บนเวทีระดับนี้ รวมถึงเรื่องคุณภาพของนักเตะ เพราะนอกจาก ตีมู ปุ๊กกี้ กองหน้าจากนอริช ซิตี้ , ลูคัส ราเด็คกี้ นายทวารจากไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น และ เกล็นน์ กามาร่า กองกลางจากกลาสโกว เรนเจอร์ส คนอื่นที่เหลือนั้นแทบจะโนเนมในหมู่แฟนบอล

 

อย่างไรก็ตาม จุดแข็งของฟินแลนด์ก็อาจจะซ่อนอยู่ในจุดอ่อน เพราะด้วยความที่มาแบบไม่มีใครคาดหวัง ทั้งยังเป็นเต็งจ๋าที่จะตกรอบก่อนเพื่อน ทำให้พวกเขาเล่นโดยปราศจากความกดดัน นอกจากนี้ ทีมจากสแกนดิเนเวียยังถือว่ามีเกมรับที่ไม่เลวเมื่อเทียบกับระดับทีม หลังจากเสียไปเพียง 10 ประตูในรอบคัดเลือก

 

ดาวเด่น : ตีมู ปุ๊กกี้

ปุ๊กกี้ ยังคงเป็นความหวังสูงสุดของฟินแลนด์อยู่เช่นเดิมในเวลานี้ โดยจำนวน 16 ประตูของพวกเขาในรอบคัดเลือก มาจากฝีเท้าของกองหน้าวัย 31 ปีถึง 10 ประตู นอกจากนี้ หัวหอกนกขมิ้นเหลืองอ่อนยังยิงไปถึง 18 ประตู จาก 24 นัดหลังสุดกับทีมชาติด้วย

 

แข้งน่าจับตา : มาร์คัส ฟอร์สส์

การที่ เบรนท์ฟอร์ด เลื่อนชั้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร ส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับ ฟอร์สส์ ด้วย โดยเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา แนวรุกวัย 21 ปีลงบู๊ไปถึง 50 นัด และยิงได้ 10 ประตู ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการซัดประตูชัยพาผึ้งน้อยเอาชนะ บอร์นมัธ ไปด้วยสกอร์รวม 3-2 ในเกมเพลย์ออฟ รอบรองชนะเลิศ

 

ทีมชาติรัสเซีย

ฟีฟ่า แรงกิ้ง : 38

ผลงานที่ดีที่สุดในยูโร : แชมป์ (สหภาพโซเวียต 1960) , รอบรองชนะเลิศ (2008)

 

 

สำหรับผลงานในรอบคัดเลือก ถ้าไม่นับ 2 นัดที่เจอกับเบลเยี่ยม อีก 8 เกมที่เหลือรัสเซียสามารถเอาชนะได้หมด โดยพวกเขาทำได้ถึง 33 ประตู และ 5 จาก 8 นัดที่คว้าชัยก็เป็นการยิงคู่แข่งเกิน 4 ประตู

 

อาร์เต็ม ซูบ้า กัปตันทีมคนปัจจุบัน กองหน้าผู้มีส่วนสูงถึง 196 เซนติเมตร คืออาวุธที่ร้ายกาจที่สุดของทีมหมีขาวชุดนี้ โดยเจ้าตัวไม่ได้มีเพียงสถิติการยิงประตูที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น ทว่ายังสามารถสร้างโอกาสให้กับแนวรุกคนอื่นๆอย่าง อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน , เดนิส เชรีเชฟ หรือ อเล็กเซ มิรานชุค ได้เป็นอย่างดีด้วย

 

ขณะที่จุดอ่อนของรัสเซียอาจอยู่ที่แนวรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตำแหน่งแบ็คซ้ายที่ยังต้องใช้บริการ ยูริ เชียร์คอฟ ในวัย 37 ปีอยู่เลย รวมถึงในตำแหน่งนายทวารที่ผ่านมา 3 ปีก็ยังไม่สามารถหาผู้สืบทอดที่เหมาะสมของ อิกอร์ อคินเฟเยฟ ได้

 

ดาวเด่น : อาร์เต็ม ซูบ้า

อย่างที่กล่าวไป… ซูบ้า คือหมัดเด็ดของรัสเซียชุดนี้ โดยหัวหอกวัย 32 ปียิงให้กับทัพหมีขาวไป 9 ประตูในรอบคัดเลือก รวมถึงซัดให้กับทีมชาติได้ 15 ประตูนับตั้งแต่ฟุตบอลโลก 2018 และด้วยส่วนสูงเกือบ 2 เมตร เขาจะสร้างความปวดหัวให้กับแนวรับของทุกทีมที่มาเผชิญหน้าอย่างแน่นอน

 

แข้งน่าจับตา : อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน

ฤดูกาลที่ผ่านมากับ โมนาโก – โกโลวิน โชคร้ายเจออาการบาดเจ็บลักพาตัวไปนานถึงครึ่งซีซั่น แต่เมื่อกลับมาฟิตสมบูรณ์ ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะโชว์ฟอร์มได้แจ่มกว่าเดิมซะอีก หลังทำไป 5 ประตู 9 แอสซิสต์ จาก 21 นัดในลีกเอิง และในศึกยูโรหนนี้ แนวรุกวัย 25 ปีจะยังคงเป็นเพลย์เมคเกอร์คนสำคัญของทีมเหมือนกับตอนที่แจ้งเกิดขึ้นมาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว

 

ทำนายบทสรุป

 

แน่นอนว่าเบลเยี่ยมคือเต็งจ๋าที่จะคว้าแชมป์กลุ่มนี้ แม้สภาพทีมของพวกเขาจะดูมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ศักยภาพโดยรวมก็ยังเหนือกว่าเพื่อนร่วมกลุ่มพอสมควร ส่วนอันดับ 2 จะเป็นการวัดกันระหว่างเดนมาร์กและรัสเซีย ซึ่งถ้าต้องเลือก งานนี้ขอซื้อความเหนียวแน่นในเกมรับและสมดุลในแดนกลางของทีมโคนม พร้อมวางทีมหมีขาวที่มีทีเด็ดแค่แนวรุกไว้ในอันดับ 3 ขณะที่ฟินแลนด์ จริงอยู่ที่ทีมรองบ่อนทีมนี้อาจสร้างเซอร์ไพรส์แบบกรีซหรือไอซ์แลนด์ได้ แต่ถ้ามองตามหน้ากระดาษแล้ว หากไม่ให้พวกเขาจบบ๊วยของกลุ่มก็ดูจะเป็นการหลับหูหลับตาสวนกระแสจนเกินไป

 

บทความที่เกี่ยวกับ ยูโร 2020

พรีวิวยูโร 2020 กลุ่มซี : เนเธอร์แลนด์นอนมา(ไหม?) ออสเตรีย, ยูเครนเเย่งที่สอง, นอร์ธ มาซิโดเนียมาเก็บประสบการณ์