ติดด้วยหรอ : 11 แข้งจากทีมแห่งปี PFA ที่ถูกลืมในพรีเมียร์ลีก

ติดด้วยหรอ : 11 แข้งจากทีมแห่งปี PFA ที่ถูกลืมในพรีเมียร์ลีก

นับตั้งแต่ สมาคมนักฟุตบอลอาชีพ หรือ PFA มีการจัดตั้งรางวัลทีมยอดเยี่ยมแห่งปี ตั้งแต่ปี 1974 รางวัลนี้ก็ถูกพูดถึงอยู่บ่อยครั้งไม่แพ้รางวัลหลักอย่างนักฟุตบอลแห่งปีเลย

โดยรางวัลนี้ก็เป็นรวบรวม 11 ผู้เล่นที่ทำผลงานได้โดดเด่นที่สุดในฤดูกาลนั้น มาติดทีมยอดเยี่ยมจากคะแนนโหวตของผู้เล่นในดิวิชั่นนั้นๆ ซึ่งจะมีการประกาศผลช่วงท้ายซีซั่นหรือจบฤดูกาลไปแล้ว และแน่นอนว่าลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษอย่าง พรีเมียร์ลีก คือลีกที่ผู้คนให้ความสนใจมากที่สุด 

นอกเหนือจากดาวเตะฟอร์มดีแล้ว ยังมีหลายครั้งที่แข้งนอกสายตามีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมในแต่ละฤดูกาลด้วย ซึ่งสร้างประเด็นถกเถียงให้แฟนบอลในปีนั้นด้วย

 เพื่อเตือนความทรงจำในเรื่องดังกล่าว UFA ARENA จะพาไปพบกับ 11 ผู้เล่นที่คุณอาจลืมว่าครั้งหนึ่งพวกเขาก็เคยติดทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกประจำปีของ PFA มาแล้วเช่นกัน

 

ผู้รักษาประตู | แบรด ฟรีเดล (แบล็คเบิร์น)

อดีตนายทวารทีมชาติอเมริกาที่ยืนเฝ้าเสาในพรีเมียร์ลีกยาวนานเกือบ 20 ปี และเป็นหนึ่งในนักเตะไม่กี่คนจากแดนลุงแซมที่ประสบความสำเร็จในฟุตบอลอังกฤษ

ตลอดหลายปีในแดนผู้ดี ฟรีเดล ทำผลงานได้ดี แต่ก็ยังพูดว่าเขาเป็นนายทวารระดับโลกได้ไม่เต็มปาก และการที่เขาติดทีมยอดเยี่ยมในฤดูกาล 2002-03 ก็สร้างความประหลาดใจให้แฟนบอลไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่า แบล็คเบิร์นของเขาจบในอันดับ 6 และ นิวคาสเซิล จบอันดับ 3 โดยที่ เชย์ กิฟเว่น โชว์ฟอร์มเซฟได้สุดติ่ง 

 

วิงแบ็คขวา | สตีเฟ่น คาร์ (สเปอร์ส)

 ในปี 2001 สเปอร์ส จบฤดูกาลด้วยอันดับครึ่งล่างของตาราง จอร์จ แกรแฮม ถูกปลดหลังทำผลงานได้น่าผิดหวัง อีกทั้งยังถูก อาร์เซน่อล ทีมอริร่วมเมืองเขี่ยตกรอบตัดเชือกในเอฟเอ คัพ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีนักเตะคนนึงของเขาติดทีมยอดเยี่ยมประจำปีอยู่ดี

คนๆนั้นก็คือ สตีเฟ่น คาร์ แต่ถ้ามองฟอร์มส่วนตัวก็ถือว่าเหมาะสมไม่น้อย เมื่อแข้งชาวไอริชเป็นแบ็คที่เติมเกมบุกได้เร้าใจสุดๆ ณ เวลานั้น แต่ทว่าโชคกลับไม่เข้าข้างในฤดูกาล 2001-02 เมื่อโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานจนพลาดลงเล่นทั้งซีซั่น และไม่สามารถกลับมาโชว์ฟอร์มเก่งได้อีกเลย

 

กองหลัง | ปาสคาล ชิมบงด้า (วีแกน)

ปาสคาล ชิมบงด้า โดดเด่นอย่างมากกับฤดูกาลแรกของวีแกนในพรีเมียร์ลีก และคว้าอันดับ 10 ในฤดูกาล 2005-06 ภายใต้การคุมทีมของ พอล จีเวลล์ พร้อมทั้งเอาชนะ แกรี่ เนวิลล์, สตีฟ ฟินแน่น และ เปาโล เฟร์เรย์ร่า คว้าตำแหน่งแบ็คขวายอดเยี่ยมของฤดูกาลไปครอง

นอกจาก ‘เดอะ ลาติกส์’ แข้งชาวฝรั่งเศส ได้ค้าแข้งกับ สเปอร์ส, ซันเดอร์แลนด์ กับ แบล็คเบิร์น และจริงๆแล้ว เขาเล่นแบ็คขวาเป็นตำแหน่งหลัก แต่ก็ถูกโยกไปเล่นเป็นเซ็นเตอร์แบ็คตลอดอาชีพค้าแข้งจนหลายคนคิดว่าเป็นตำแหน่งที่แท้จริงของเขา

 

กองหลัง | ริชาร์ด ดันน์ (แอสตัน วิลล่า)

ดันน์ อาจครองตำแหน่งนักเตะที่ยิงเข้าประตูตัวเองมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก (10 ลูก) แต่กองหลังชาวไอริชก็เคยเป็นหัวใจสำคัญในแนวรับที่ แอสตัน วิลล่า ขาดไม่ได้ในฤดูกาล 2009-10 ด้วย

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณากองหลังคู่แข่งในตอนนั้นอย่าง จอห์น เทอร์รี่ และ เนมานย่า วิดิช ที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมกับต้นสังกัด มันจึงน่าแปลกไปหน่อยที่ ดันน์ ถูกเลือกให้เป็นกองหลังของทีมประจำฤดูกาลร่วมกับ โธมัส แฟร์มาเล่น ปรากาหลังกระดูกยุงจาก อาร์เซน่อล

 

กองหลัง | ฟาบริซิโอ โคลอชชินี่ (นิวคาสเซิล)

ฟาบริซิโอ โคลอชชินี่ ถือเป็นตำนานแข้งของ นิวคาสเซิล ในยุคใหม่ และโดดเด่นมากที่สุดในฤดูกาล 2011-12 ร่วมกับ ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา, โยฮัน กาบาย, เดมบ้า บา โดยมี อลัน พาร์ดิว กุมบังเหียนอยู่เบื้องหลัง

หลายคนทราบดีว่า กองหลังชาวอาร์เจนไตน์ เป็นหัวใจสำคัญในเกมรับของ ‘สาลิกาดง’ แต่การที่เขาเข้าไปอยู่ร่วมกับนักเตะอย่าง แวงซองต์ กอมปานี, ดาบิด ซิลบา, แกเร็ธ เบล และ เวย์น รูนี่ย์ ในทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลก็เป็นอะไรที่ดูแปลกตาไม่น้อย

 

วิงแบ็คซ้าย | เวย์น บริดจ์ (เซาแธมป์ตัน)

มีนักเตะหลายคนในตำแหน่งวิงแบ็คซ้ายที่เข้าข่ายติดทีมชุดนี้ ทั้ง ซิลวินโญ่ หรือ ไรอัน เบอร์ทรานด์ แต่เราขอเลือก เวย์น บริดจ์ ผู้ที่ไม่สามารถทำผลงานระดับท็อปได้อีกเลยหลังลา เซาแธมป์ตัน

ซิลวินโญ่ และ เบอร์ทรานด์ ต่างเคยสัมผัสถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาแล้ว ขณะที่ บริดจ์ ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่กับ เชลซี และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ เวสต์แฮมชุดที่ อัฟราม แกรนท์ ทำทีมตกชั้น

 

ตัวริมเส้นฝั่งขวา | สตีฟ สโตน (น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์)

อีกหนี่งแข้งที่เล่นให้กับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ นานนับ 10 ปี และอยู่ในชุดที่ แฟรงค์ คล้าร์ก คุมทีมเจ้าป่าจบอันดับ 9 ในฤดูกาล 1995-96

มากกว่าไปนั้น สโตน ยังเบียดเอาชนะแข้งฝีเท้าระดับโลกในลีกอังกฤษมากมาย ด้วยการติดทีมยอดเยี่ยมของฤดูกาลนั้นที่มีทั้ง เอริค คันโตน่า, เดวิด เบ็คแฮม หรือ สตีฟ แม็คมานามาน ด้วย

 

กองกลาง | แจ็ค วิลเชียร์ (อาร์เซน่อล)

หลังไต่เต้าขึ้นมาจากทีมเยาวชนจนขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ของ อาร์เซน่อล แจ็ค วิลเชียร์ ได้รับการยกย่องว่าจะกลายเป็นความหวังใหม่ของฟุตบอลอังกฤษ และแสดงให้เห็นถึงด้วยการติดทีมยอดเยี่ยมประจำปี 2010-11 ขณะที่เขามีอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น

ทว่า กองกลางพรสวรร์คสูงกลับต้องเจอกับอาการบาดเจ็บที่เล่นงานรบกวนตลอดในแต่ละฤดูกาลจนใช้เวลาส่วนใหญ่ในการรักษาฟื้นตัวมากกว่าลงเล่นในสนาม และส่งผลต่ออาชีพค้าแข้งของเขาอย่างมาก ซึ่งกลายเป็นแข้งไร้สังกัดนานหลายเดือน ก่อน วิลเชียร์ จะย้ายซบ เอจีเอฟ อาร์ฮุส สโมสรในเดนมาร์ก ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

 

กองกลาง | ดาวิด แบ็ตตี้ (นิวคาสเซิล)

ถ้าย้อนกลับไปในฤดูกาล 1996-97 ดาวิด แบ็ตตี้ ทำผลงานได้โดดเด่นแบบไม่มีใครคาดคิด จนติดทีมยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีกในซีซั่นนั้น แม้จะพานิวคาสเซิลจบที่  13 ในตาราง อีกทั้งยังกลายเป็นตัวหลักทีมชาติอังกฤษในช่วงเวลาหนึ่งด้วย

และฟอร์มเก่งได้หายวับไปกับตาในฤดูกาลต่อมา ส่งผลให้ เคนนี่ ดัลกลิช ถูกปลดหลังคุมทีมแค่ 2 เกม และ รุด กุลลิต ที่เข้ามารับช่วงต่อก็ทำการปฏิวัติ ‘สาลิกาดง’ ยกชุด และ แบ็ตตี้ ก็ถูกขายออกไปหลังจากกุนซือชาวดัตช์คุมทีมได้ 3 เดือน

 

ตัวริมเส้นฝั่งซ้าย | อาร์เยน ร็อบเบน (เชลซี)

แม้จะเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลก แต่ อาร์เยน ร็อบเบน ก็ถูกตั้งคำถามไม่น้อย หลังติดทีมยอดเยี่ยมในฤดูกาล 2004-05 แบบงงๆ ทั้งๆที่ลงเล่นเพียง 18 นัดในซีซั่นนั้น ไม่ถึงครึ่งของจำนวนเกมทั้งหมดในตอนนั้นด้วยซ้ำ เนื่องจากอาการบาดเจ็บ

แต่ฟอร์มการเล่นโดยรวมของปีกชาวดัตช์ ก็ไม่ได้แย่อะไรเลย แถมทำได้ดีด้วยซ้ำในบางเกม แต่หลายคนก็มองว่า การเลือกร็อบเบนติดทีมครั้งนี้ ก็เป็นการตัดโอกาสแข้งคนอื่นๆที่ผลงานเด่นและลงเล่นสม่ำเสมอเช่นกัน

 

กองหน้า | แอนดรูว์ จอห์นสัน (คริสตัล พาเลซ)

เธียร์รี่ อองรี, รุด ฟาน นิสเตลรอย, อลัน เชียเรอร์ และ แอนดรูว์ จอห์นสัน กองหน้าเหล่านี้คือคนที่ยิงประตูในลีกสูงสุดแดนผู้ดีเป็นว่าเล่นในระหว่างฤดูกาล 2000-01 ถึง 2004-05

3 คนแรกหลายคนคงทราบถึงความสามารถดี ขณะที่ จอห์นสัน เป็นนักเตะที่เข้าขั้นโนเนม กลับยิงไปถึง 21 ประตูในฤดูกาล 2004-05 และแจ้งเกิดอย่างรวดเร็วจนติดทีมชาติอังกฤษ พร้อมกับติดทีมยอดเยี่ยมประจำปีด้วย

อย่างไรก็ตาม ประตูเหล่านั้นไม่สามารถช่วยให้ คริสตัล พาเลซ ต้นสังกัดอยู่รอดปลอดภัยในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนั้นได้ และต้องหล่นไปเล่นแชมเปี้ยนส์ชิพอีกครั้งในปีต่อมา

 

แผน 5-4-1 : ฟรีเดล – คาร์, ชิมบงด้า, ดันน์, โคลอชชินี่, บริดจ์ – สโตน, วิลเชียร์ แบ็ตตี้, ร็อบเบน – จอห์นสัน 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

จุดต่ำสุด : 6 บิ๊กทีมกับฤดูกาลเก็บแต้มน้อยสุดยุคพรีเมียร์ลีก
จุดต่ำสุด : 6 บิ๊กทีมกับฤดูกาลเก็บแต้มน้อยสุดยุคพรีเมียร์ลีก