แผ่วปลาย : 7 ทีมเคยนำโด่งแต่ชวดแชมป์พรีเมียร์ลีก

แผ่วปลาย : 7 ทีมเคยนำโด่งแต่ชวดแชมป์พรีเมียร์ลีก

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2022-23 ถือเป็นอีกปีที่มีการลุ้นแชมป์ตื่นเต้น และน่าจดจำไม่น้อย ระหว่าง อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

‘ปืนใหญ่’ ของ มิเกล อาร์เตต้า ทะยานขึ้นไปรั้งจ่าฝูงตั้งแต่เดือนสิงหาคม แต่พวกเขาดันปล่อยให้ ‘เรือใบสีฟ้า’ ไล่จี้มาทัน หลังเสมอ 3 เกมติด ในนัดที่พบกับ ลิเวอร์พูล, เวสต์แฮม และ เซาแธมป์ตัน

ต่อด้วยการพ่ายแพ้ต่อ ซิตี้ และ ไบรท์ตัน ทำให้ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทะยานขึ้นไปเป็นจ่าฝูงแทน พร้อมเข้าป้ายคว้าแชมป์ไปครอง ในเกมนัดที่ 36 ของฤดูกาล หลัง ‘เดอะ กันเนอร์ส’ ปราชัย น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 0-1 และไม่มีทางทำแต้มไล่ทันแล้ว

ถือเป็นเรื่องน่าเจ็บใจไม่น้อย เพราะก่อนหน้านี้ อาร์เซน่อล มีแต้มนำ ซิตี้ ถึง 5 แต้ม โดยที่โอกาสลุ้นแชมป์อยู่ในมือพวกเขาเอง แต่ดันมาแผ่วปลายเสียเอง ทว่าถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ไม่ใช่ทีมแรกที่พลาดแชมป์ลีก ทั้งที่เคยมีแต้มนำห่างคู่แข่งพอสมควร

ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จะพาไปพบกับ 7 ทีมเคยนำโด่ง แต่สุดท้ายก็ชวดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก หลังทำแต้มหลุดมือบ่อยๆ ในช่วงโค้งสุดท้ายของซีซั่น

 

อาร์เซน่อล ฤดูกาล 2007-08 (5 แต้ม)

Arsenal 2007-08: Wengerball at its best - Football Pink

ก่อนหน้าฤดูกาล 2022-23 ในซีซั่น 2007-08 น่าจะเป็นปีที่ อาร์เซน่อล มีโอกาสเข้าใกล้แชมป์พรีเมียร์ลีก มากที่สุด หลังยุคย้ายจากรังเหย้า ไฮบิวรี่ มาเป็น เอมิเรสต์ สเตเดี้ยม

ทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ แพ้แค่นัดเดียวจาก 26 เกมแรก และยังร้อนแรงต่อเนื่องในเดือนกุมภาพันธ์ เมื่อนำเป็นจ่าฝูง โดยทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 2 ถึง 5 คะแนน

ทว่าในเกมที่พบ เบอร์มิ่งแฮม ณ สนาม เซนต์ แอนดรูว์ ทีแม้ทีม “ลูกโลก” จะเหลือผู้เล่น 10 คน หลัง มาร์ติน เทย์เลอร์ เข้าหนักจน เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา ขาหัก จะโดนใบแดง แต่ดูเหมือนว่าจิตใจของแข้ง ‘ปืนใหญ่’ ดูสั่นคลอนไม่น้อย เพราะสุดท้ายเกมจบลงด้วยสกอร์ 2-2

นั่นกลายเป็นจุดเปลี่ยนของ ‘เดอะ กันเนอร์ส’ ในการลุ้นแชมป์ลีก เพราะอีก 7 เกมต่อมา พวกเขาทำได้แค่ 7 แต้ม เท่านั้น และเกมที่พ่าย ‘ปีศาจแดง’ 1-2 ก็ทำให้พวกเขาหมดลุ้นแชมป์ไปโดยปริยาย แถมต้องหล่นไปจบที่อันดับ 3 ด้วย

 

นอริช ซิตี้ ฤดูกาล 1992-93 (8 แต้ม)

A Season to Remember - Norwich City 1992/93 - Far Post Header

ปีแรกที่ ดิวิชั่น 1 เปลี่ยนชื่อมาเป็น พรีเมียร์ลีก เต็มไปด้วยเรื่องราวน่าจดจำมากมาย ทั้ง ลีดส์ ยูไนเต็ด ผู้เป็นแชมป์เก่า กลับต้องดิ้นรนหนีตกชั้น ขณะที่ อาร์เซน่อล และ เชลซี จบที่อันดับ 10 และ 11 ตามลำดับ

แอสตัน วิลล่า จบอันดับ 2 ในปีนั้น ตามมาด้วย นอริช ซิตี้, แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส และ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส โดยที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การดูแลของชายที่ชื่อ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คว้าแชมป์ลีกมาครองครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 1967

ในปีนั้น ทีมของ เฟอร์กี้ ทิ้งห่างอันดับ 2 ถึง 10 แต้ม แต่หากย้อนมาดูช่วงต้นซีซั่น ‘ปีศาจแดง’ อยู่แค่อันดับที่ 10 เท่านั้นในเดือนพฤศจิกายน หลังไม่ชนะใครมา 7 นัด และเป็น ‘นกขมิ้นเหลืองอ่อน’ ที่ขึ้นไปนั่งแท่นจ่าฝูงแบบเหลือเชื่อ พร้อมมีแต้มนำโด่งถึง 8 คะแนน ก่อนที่ช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลนั้น พวกเขาจะตกลง หลังรักษามาตรฐานไว้ระยะยาวไม่ได้

 

อาร์เซน่อล ฤดูกาล 2002-03 (8 แต้ม)

Arsenal 2002/03 (Home) – Boutique Soccer

อาร์แซน เวนเกอร์ ไม่เคยพา อาร์เซน่อล ป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เลย และโอกาสที่ใกล้เคียงที่สุดเกิดขึ้นในฤดูกาล 2002-03 

ในเดือนมีนาคม ปี 2003 ‘ปืนใหญ่’ มีแต้มนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมอริลุ้นแชมป์ ห่างถึง 8 แต้ม และดูเหมือนจะเข้าป้ายคว้าแชมป์ลีกได้อีกปี ทว่าทุกอย่างก็ค่อยๆ พังลงหลังจากนั้น เมื่อพวกเขาเอาชนะได้เพียง 4 จาก 9 เกมสุดท้าย และการพลิกล็อคพ่ายต่อ ลีดส์ ยูไนเต็ด 3-2 ก็ส่งผลร้ายแรงต่อทีม

กลับกัน ‘ปีศาจแดง’ ของ เฟอร์กี้ คว้าชัยได้ถึง 15 จาก 18 เกมสุดท้าย และคว้าแชมป์ลีกไปครอง โดยมีแต้มทิ้งห่าง 5 คะแนน

 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฤดูกาล 2011-12 (8 แต้ม)

แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดรองแชมป์พรีเมียร์ลีก 2011/12 ตอนนี้อยู่ที่ไหน? | Goal.com  ภาษาไทย

ใครว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่เคยทำพลาดหรือแผ่วปลายในพรีเมียร์ลีก แม้จะไม่มากก็ตาม และในหนึ่งนั้นก็เกิดขึ้นในฤดูกาล 2011-12 

หลังโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมเพื่อนบ้านที่ยกระดับขึ้นมาลุ้นแชมป์ ถล่มไป 6-1 คา โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ทีม ปีศาจแดง ก็ยังกลับมาได้ด้วยการชนะไป 20 จาก 24 เกมต่อมา จนทำแต้มนำโด่งเหนือ ทีมของ โรแบร์โต้ มันชินี่ 8 คะแนน

ทว่าการพลาดท่าพ่ายให้กับ วีแกน 0-1 ในเดือนเมษายน ได้เปิดช่องว่างให้ ‘เรือใบสีฟ้า’ เข้ามาทำแต้มไล้จี้เบียดแชมป์อีกครั้ง และเกมที่ไปเสมอกับ เอฟเวอร์ตัน ของ เดวิด มอยส์ ด้วยสกอร์มโหฬาร 4-4 ทำให้การลุ้นแชมป์กลับไปอยู่ในมือ ซิตี้ 

สุดท้าย ทีมของ มันโช่ ก็ปิดจ็อบได้ตามต้องการเมื่อเอาชนะได้ใน 6 เกมสุดท้าย ซึ่งมีทั้งเกมที่เฉือน ยูไนเต็ด 1-0 ที่ เอติฮัด หรือ การคัมแบ็คสุดดราม่าในเกมนัดสุดท้ายที่พบ คิวพีอาร์ ด้วย

 

ลิเวอร์พูล ฤดูกาล 2018-19 (9 แต้ม)

Liverpool F.C's 2018-19 Premier League Mid-Season Review: Part 2 - The  Liverpool Offside

ถ้าจะพูดให้ถูก ลิเวอร์พูล ในฤดูกาล 2018-19 ไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดเลย เพราะพวกเขาเก็บได้ถึง 97 แต้ม เพียงแต่ในปีนั้น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาตรฐานสูงเกินคาดด้วยการเก็บไป 98 คะแนน

หากไม่พลาดพ่ายต่อ ซิตี้ 1-2 ในเดือนมกราคมปี 2019 ‘หงส์แดง’ อาจเข้าป้ายคว้าแชมป์ลีกไปครอง ด้วยสถานะทีมไร้พ่ายต่อจากที่ ลิเวอร์พูล เคยทำได้ หรือต่อให้แพ้ในเกมนั้นก็อาจได้ชูถ้วยพรีเมียร์ลีกเป็นหนแรกในตอนนั้นแล้ว หากพวกเขาไม่สะดุดเสมอในเกมพบ เลสเตอร์, เวสต์แฮม, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เอฟเวอร์ตัน ช่วงเดือนมกราคม และ กุมภาพันธ์ ตามลำดับ

นี่เป็นอีกหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า หากต้องการเอาชนะ แมนฯซิตี้ ในยุคของ เป๊ป ทีมๆ นั้นต้องแข็งแกร่งและมาตรฐานสูงเป็นพิเศษจริงๆ

 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฤดูกาล 1997-98 (11 แต้ม)

Season 1997/98

หากไม่นับ แชมป์ แชริตี้ ชิลด์ ฤดูกาล 1997-98 ถือเป็นอีกปีที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่จบซีซั่นแบบมือเปล่า และคงไม่มีใครคิดว่าจะเป็นแบบนี้ไปได้ เพราะในช่วง มีนาคม พวกเขายังทำห่าง อาร์เซน่อล ถึง 11 คะแนนอยู่เลย

แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องให้เครดิตของทีม อาร์แซน เวนเกอร์ ด้วย ที่คว้าผลการแข่งขันที่ต้องการได้ทั้งหมด หนึ่งในนั้นคือเกมที่บุกไปชนะ ‘ปีศาจแดง’ ถึง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 1-0 จากประตูโทนของ มาร์ค โอเวอร์มาร์ส และเมื่ออีกฝั่งเพลี่ยงพล้ำ ก็สบโอกาสที่ ‘ปืนใหญ่’ จะเร่งเครื่องในช่วงโค้งสุดท้าย และการันตีแชมป์ลีก หลังเกมถล่ม เอฟเวอร์ตัน 4-0 ในนัดที่ 36

 

นิวคาสเซิ่ล ฤดูกาล 1995-96 (12 แต้ม)

Where are they now? Newcastle's 1995/96 Premier League title chasers

นิวคาสเซิ่ล ของ เควิน คีแกน ได้รับการจดจำในฐานะทีมสุดเอนเตอร์เทนที่สุดในพรีเมียร์ลีก ยุค 90 แต่น่าเสียดายที่ไร้ความสำเร็จให้พูดถึง

ในฤดูกาล 1995-96 ถือช่วงเวลาที่ ‘สาลิกดง’ ใกล้เคียงถึงแชมป์ลีกมากที่สุด เมื่อทำห่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 12 แต้ม ก่อนที่การพ่ายถึง 5 จาก 8 เกมในระหว่างช่วงปลายกุมภาพันธ์ถึงต้นเมษายน จะทำให้ระยะห่างระหว่างพวกเขาและ ปีศาจแดง ลดลง

อีกทั้งการที่ คีแกน ต้องเจอกับสงครามจิตวิทยา ที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางไว้ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผลงานของ นิวคาสเซิ่ล ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป และจบลงด้วยการเป็นรองแชมป์ โดยที่มีแต้มตามหลัง 4 คะแนน

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

หนักกว่าปืน : หงส์แดงกับการคว้ารองแชมป์ลีกแบบสุดช้ำปี 2019
หนักกว่าปืน : หงส์แดงกับการคว้ารองแชมป์ลีกแบบสุดช้ำปี 2019