พร้อมทุกชาติ! 6 ตัวเต็งรับบทเจ้าภาพบอลโลก 2022 แทน กาตาร์

 

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเราคงได้เห็นข่าวกันแล้วว่า มิเชล พลาตินี่ อดีตประธานสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป เพิ่งถูกตำรวจในกรุงปารีส รวบตัว หลังถูกตั้งข้อหาว่าอาจมีส่วนร่วมช่วยให้ กาตาร์ ได้สิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดฟุตบอลโลก 2022 แบบไม่โปร่งใส ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรก โดยก่อนหน้านี้เกิดเรื่องทำนองนี้มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง

 

นั่นทำให้หลายคนเริ่มสงสัยเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลของเจ้าภาพศึก “เวิลด์คัพ” ครั้งนี้ นอกจากเรื่องของความไม่โปร่งใสแล้ว ยังไม่อีกหลายเรื่องที่ยังขัดแย้งกันไม่ว่าจะเป็นสภาพภูมิอากาศที่ร้อนระอุตามแบบฉบับประเทศย่านทะเลทราย จนส่งผลให้ทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ ถึงขั้นอาจจะต้องเปลี่ยนช่วงเวลาการแข่งขันจากเดิมที่จะเล่นกันช่วงกลางปี มาเป็นช่วงปลายปีแทนเลยทีเดียว ซึ่งมันส่งผลกับทบโดยตรงกับบรรดาลีกยุโรปที่เป็นช่วงระหว่างทำการแข่งขันพอดิบพอดี

 

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดกระแสข่าวลือว่า กาตาร์ มีโอกาสที่จะโดนยึดบทบาทการรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2022 ก็เป็นได้ โดยในวันนี้ Ufa Arena จะขอพาไปดูกันว่า หากจำเป็นที่จะต้องหาชาติอื่นมารับหน้าที่แทน ประเทศไหนบ้างที่สมควรจะดับได้รับเกียรตินี้ไปครอง

 

 

 

อังกฤษ

 

แน่นอนว่าถ้าหากจะมองหาชาติที่เพียบพร้อมสำหรับรับบทเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย หลายคนคงต้องนึกถึงชื่อของประเทศอังกฤษ เป็นอันดับต้นๆ เพราะที่นี่ถือเป็นจุดกำเนิด และสถานที่ซึ่งมีประวัติศาสตร์เกี่ยวกับวงกาลลูกหนังมาอย่างยาวนาน

 

นอกจากนี้ในเรื่องความพร้อมด้านการจัดการแข่งขัน พวกเขาแทบจะไม่ต้องลงทุนต่อเติมอะไรเพิ่มมากมาย เพราะบรรดาสนามแข่ง หรือสิ่งอำนวยความะดวกต่างๆ ถือว่าค่อนข้างมีอยู่สมบูรณ์แบบอยู่แล้วซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากที่พวกเขาได้รับบทเป็นเจ้าภาพศึก โอลิมปิก เกมส์ เมื่อปี 2012

 

โดยเฉพาะในเรื่องสนามที่จะใช้สำหรับจัดการแข่งขัน อังกฤษ ถือเป็นหนึ่งในชาติที่มีสังเวียนฟาดแข้งขึ้นชื่อและเป็นที่รู้จักของแฟนบอลอยู่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น เวมบลีย์ สเตเดี้ยม, โอลแทรฟฟอร์ด, แอนฟิลด์, เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม รวมไปถึง สแตมฟอร์ด บริดจ์ นอกจากนั้นยังมีบรรดาสนามใหม่ที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นมาไม่นานนี้อย่าง ลอนดอน สเตเดี้ยม และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม ซึ่งถือว่าเพียงพอสำหรับใช้ในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายแน่นอน นั้นจึงทำให้พวกเขาเป็นอีกหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว

 

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ อังกฤษ เคยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อปี 1966 โดยในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว ทัพ “สิงโตคำราม” ภายใต้การทำทีมของ เซอร์ อัลฟ์ แรมซีย์ และมีสุดยอดนักเตะทั้ง กอร์ดอน แบงค์ส, เซอร์ บ็อบบี้ มัวร์, เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน และ เจฟฟ์ เฮิร์สต์ เป็นกำลังสำคัญสามารถพาทีมผงาดคว้าถ้วย “จูลส์ ริเมต์” มาครองได้สำเร็จ และเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งเดียวของพวกเขาจนถึงปัจจุบัน

 

 

สเปน

 

อีกหนึ่งชาติที่เราคงมองข้ามพวกเขาไปไม่เลยนั้นก็คือ สเปน อดีตเจ้าภาพศึก “เวิลด์คัพ” ปี 1982 เช่นเดียวกับ อังกฤษ แฟนบอลหลายคนคงรู้ดีว่าแดนกระทิงดุถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ และเหมาะสมที่จะได้รับโอกาสเป็นเจ้าบ้านจัดศึกชิงถ้วยลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ

 

ความพร้อมของพวกเขาเรียกว่าไม่ได้เป็นรองมหาอำนาจลูกหนังชาติอื่นๆเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นทางด้านของสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ หรือในเรื่องของสนามที่จะใช้สำหรับจัดการแข่งขัน เพราะพวกเขามีสังเวียนฟาดแข้งที่ยิ่งใหญ่อลังการอยู่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว, คัมป์นู และ ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสนามที่เป็นชื่อคุ้นหูแฟนบอลอย่างดี

 

โดยหากย้อนหลับไปในฟุตบอลโลก 1982 ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพ รังเหย้าของ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด อย่าง ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว ได้ถูกเลือกให้ใช้เป็นสนามในเกมนั้นชิง คู่ระหว่าง ทีมชาติอิตาลี พบกับ ทีมชาติเยอรมัน มาแล้วด้วย โดยในแมตช์ดังกล่าวมีแฟนบอลตีตั๋วเข้าไปร่วมฉลองแชมป์กับ ทัพ “อัซซูรี่” ถึง 90,000 คน เยอะที่สุดเป็นอันดับที่ 6 ของจำนวนผู้ชมในเกมตัดสินแชมป์บอลโลกจนถึงปัจจุบัน

 

 

เนเธอร์แลนด์

 

ต่อกันด้วยอีกชาติในยุโรปที่สมควรได้รับโอกาสเป็นเจ้าภาพมหกรรมศึกชิงถ้วยลูกหนังโลกนั้นก็คือ เนเธอร์แลนด์ ดินแดนกังหันลมที่มีเรื่องราวเชื่อมโยงเกี่ยวกับฟุตบอลมาอย่างยาวนาน แต่อย่างที่เรารู้กันดีว่าพวกเขายังไม่เคยได้จัดการแข่งขันฟุตบอลโลกเลยสักครั้ง ส่วนรายการระดับเมเจอร์ครั้งเดียวก่อนหน้านี้ที่เคยมีส่วนร่วม คือการจับมือกับ เบลเยียม รับหน้าที่เป็นเจ้าบ้านฟุตบอลยูโร ปี 2000

 

สำหรับ เนเธอร์แลนด์ ความพร้อมของพวกเขาอาจจะไม่โดดเด่นเท่ากับสองชาติเพื่อนบ้านก่อนหน้านี้ทั้ง สเปน และ อังกฤษ แต่นี่คือหนึ่งในประเทศที่คลั่งไคล้กีฬาฟุตบอลมากที่สุดในโลก ซึ่งหากพวกเขาได้รับโอกาสครั้งสำคัญนี้  เชื่อว่ายาม ขุนพล “อัศวินสีส้ม” ลงสนาม เราคงจะได้เห็นภาพคุ้นตาของพลังแฟนบอลชาวดัตช์ที่เตรียมเดินทางเข้ามาส่งเสียงเชียร์ทีมรักของตัวเอง พร้อมสร้างสีสรรค์ให้กับการแข่งขันเหมือนที่ผ่านๆ มาแน่นอน

 

อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าอุปสรรคของพวกเขามีค่อนข้างเยอะพอสมควร ทั้งในเรื่องของความพร้อมเกี่ยวกับสนามการแข่งขันซึ่งมีให้เลือกใช้น้อยมาก โดยสนามที่จุผู้ชมได้มากที่สุดของพวกเขาอย่าง โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า สามารถรองรับแฟนบอลได้แค่เพียง 54,990 ที่นั้งเท่านั้น ส่วนอีกหนึ่งเรื่องที่ทุกชาติในยุโรปจะต้องเผชิญคือนโยบายการสลับสับเปลี่ยนเจ้าภาพฟุตบอลโลกไปยังทวีปต่างๆ ของทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หลังจากที่ปี 2018 รัสเซีย อีกหนึ่งตัวแทนจากยุโรปเพิ่งได้รับหน้าที่นี้ไปก่อนแล้ว

 

 

อาเจนติน่า

 

อาเจนติน่า หนึ่งในดินแดนที่มีผู้คนคลั่งไคล้ฟุตบอลมากที่สุดไม่แพ้ชาติใดในโลก และมีประวิศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ในวงกาลลูกหนังมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ ซึ่งมันคงจะเป็นเรื่องที่พิเศษไม่น้อยถ้าพวกเขาได้รับโอกาสเป็นเจ้าภาพบอลโลกอีกครั้งในรอบ 44 ปี และอาจจะเป็นการลงเล่นในนามทีมชาติครั้งสุดท้ายของสุดยอดนักเตะอย่าง ลิโอเนล เมสซี่

 

ทางด้านความพร้อมสำหรับจัดการแข่งขัน อาเจนติน่า พวกเขาเป็นหนึ่งในประเทศที่ถูกคาดหวังว่าจะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่อาจจะได้รับโอกาสจัดฟุตบอลโลก 2022 แทนที่ของ กาตาร์ หากโดนตัดสิทธิ์จริง ต้องยอมรับว่าพวกเขามีความพร้อมในหลายด้านๆดีเยี่ยม และเหมาะสมกับการรับหน้าที่ดังกล่าวไม่แพ้ชาติอื่นๆ

 

โดยก่อนหน้านี้ อาเจนติน่า เคยเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้วหนึ่งครั้งในปี 1978 ทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวจบลงด้วยการคว้าแชมป์ของ ทัพ “ฟ้าขาว” และครั้งล่าสุดที่พวกเขาเกือบจะได้รับหน้าที่นี้อีกครั้ง นั้นก็คือในปี 2014 ที่พวกเขาเสนอตัวกับทาง “ฟีฟ่า” ก่อนท้ายที่สุดพวกเขาพ่ายแพ้ และเสียสิทธิ์ให้กับเพื่อนบ้านอย่าง บราซิล

 

 

ออสเตรเลีย

 

ถัดจาก อาเจนติน่า ตัวแทนจากทวีปอเมริกาใต้คราวนี้เราขอขยับมากันที่ตัวแทนจากเอเชียเพื่อนบ้านเรากันบ้าง ซึ่งประเทศที่มีโอกาสได้รับหน้าที่นี้มากที่สุดคงหนีไม่พ้นประเทศออสเตรเลีย หนึ่งในชาติที่เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่มีอยู่อย่างสมบูรณ์แบบ เต็มไปด้วยบรรดาสังเวียดฟาดแข้งที่ทั้งอลังการและทันสมัย ไม่ว่าจะเป็น บริสเบน สเตเดี้ยม, นิวคาสเซิ่ล สเตเดี้ยม และ เมลเบิร์น เรคแทงกูลาร์ สเตเดี้ยม ซึ่งส่วนใหญ่เคยผ่านการใช้งานในศึก เอเชี่ยนคัพ 2015 ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพมาแล้วแทบทั้งสิ้น โดยอีกหนึ่งสนามที่เป็นไฮไลท์คือ ซิดนีย์ สเตเดี้ยม ที่สามารถจุแฟนบอลได้สูงถึง 84,000 คน และนับว่าเป็นสนามที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆของเอเชียเลยทีเดียว

 

อย่างก็ตามถึงแม้ว่าฟุตบอลอาจจะไม่ใช่กีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในแดน “จิงโจ้” แต่ถ้าหากพวกเขาได้รับโอกาสครั้งสำคัญเชื่อได้เลย ออสเตรเลีย จะสามารถเนรมิตรการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายให้ออกมายิ่งใหญ่ได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้มันจะยังเป็นการบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ด้วยว่า พวกเขาจะกลายเป็นตัวแทนจากโซนโอเชียเนียชาติแรกที่ได้รับหน้าที่จัดทัวร์นาเมนต์นี้อีกด้วย

 

 

จีน

 

ชาติสุดท้ายที่เราจะขอพูดถึง และเป็นตัวเต็งที่น่าสดใจมากที่สุดนั่นก็คือประเทศจีน ชาติมหาอำนาจโลกยุคใหม่ ที่กำลังพยายามสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับวงการฟุตบอลในประเทศ โดยเริ่มต้นจากการวางระบบรากฐานของฟุตบอลลีกอาชีพให้แข็งแกร่ง บวกกับเม็ดเงินก้อนโตที่สามารถชักจูงเอาบรรดานักเตะระดับโลกหลายคนตบเท้าเขามาถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับเหล่าแข้งแดนมังกรให้พัฒนาศักยภาพของตัวเองจนก้าวขึ้นมาเป็นทีมระดับท็อปของเอเชียได้สำเร็จ

 

ส่วนในเรื่องของโอกาสการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกของพวกเขาในตอนนี้ มันคงไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป อย่างที่เราเห็นกันว่า จีน เคยผ่านการจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลกอย่าง โอลิมปิก เกมส์ รวมไปถึง เอเชี่ยน เกมส์ มาแล้ว เพราะฉะนั้นความพร้อมของพวกเขาถือว่าสมบูรณ์แบบสุดๆ

 

นั้นทำให้โอกาสที่พวกเขาอาจจะได้รับสิทธิ์เป็นเจ้าภาพบอลโลก 2022 ก็มีสูงพอสมควร และถือเป็นตัวแทนที่เหมาะสมหาก กาตาร์ โดนตัดสิทธิ์จริง เพราะพวกเขาก็คือตัวแทนจากทวีปเอเชีย เช่นเดียวกัน