พร้อมบวกคู่แข่ง : 9 คู่หูคู่โหดแห่งวงการลูกหนัง

 

ในโลกฟุตบอล การรับมือกับนักเตะที่เล่ห์เหลี่ยมจัด กลยุทธ์แพรวพราว หรือมีสไตล์การเล่นสุดป่าเถื่อน เพียงแค่คนเดียวก็เป็นเรื่องลำบากมากพอแล้ว แต่คุณอาจจะปวดหัวหนักเมื่อต้องเผชิญหน้ากับแข้งประเภทนี้แบบแพ็คคู่

 

ซึ่งล่าสุด วงการลูกหนังก็ได้คู่หูสุดแสบที่จะเข้ามาสร้างความวุ่นวายให้กับฝั่งตรงข้ามอีกคู่ นั่นก็คือ หลุยส์ ซัวเรซ และ ดีเอโก้ คอสต้า 2 กองหน้าตัวเก๋าจากแอตเลติโก้ มาดริด หลังหัวหอกชาวสเปนมั่นใจว่าการจับคู่ของเขากับคู่หูคนใหม่ จะทำให้แนวรับคู่แข่งขวัญผวาแน่นอน

 

ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จึงขอพาทุกท่านไปพบกับ 9 คู่หูคู่โหดแห่งโลกลูกหนังที่สร้างความโกลาหลไปทั่ววงการผ่านบทความชิ้นนี้กัน

 

 

หลุยส์ ซัวเรซ – ดีเอโก้ คอสต้า | แอตเลติโก้ มาดริด

 

 

ไม่มีใครคาดคิดนักเตะจอมกัดอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ จะได้มีโอกาสล่าตาข่ายร่วมกับ ดีเอโก้ คอสต้า ดาวเตะจอมเถื่อนใน แอตเลติโก้ มาดริด ซึ่งเราคงไม่คงบรรยายสรรพคุณความโหดของทั้งคู่ เนื่องจากวีรกรรมต่างๆของพวกขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลายคนน่าจะจดจำได้ดี

 

เชื่อว่า คอสต้า รู้อยู่แล้วว่าตนเองและเพื่อนร่วมทีมตราหมีคนใหม่มีชื่อเสีย(ง)ออกไปในทิศทางไหน เขาจึงทำการแซวตัวเองหลังเกมชนะ กรานาด้า 6-1 ว่า “ซัวเรซ เป็นนักเตะที่ดีมาก เราคนหนึ่งสามารถต่อยได้ อีกคนสามารถกัดได้ เราโชคดีมากที่ได้เขามาร่วมทีม”

 

เพราะฉะนั้นบรรดาแนวรับในลาลีก้าเตรียมผวาได้เลย

 

 

เปเป้ – เซร์คิโอ้ รามอส | เรอัล มาดริด

 

 

ข้ามไปอีกฝากหนึ่งของเมืองหลวงแดนกระทิงอย่าง เรอัล มาดริด พวกเขาก็เคยมีคู่หูสุดโหดในแนวรับอย่าง เปเป้ และ เซร์คิโอ้ รามอส ที่จับคู่ไล่หวดกองหน้าคู่แข่งจนอ่วมอรทัยไปแล้วหลายราย

 

ช่วงที่ทั้งคู่ได้กับการกล่าวขวัญมากที่สุดในด้านความโหดร้ายคงหนีไม่พ้น ตอนที่ โชเซ่ มูรินโญ่ รับงานคุมทีมในถิ่น ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว เพราะฉะนั้น การโดนใบเหลือง ใบแดง ของพวกเขากลายเป็นเรื่องปกติในสายตาแฟนบอลอยู่พักใหญ่เลย

 

แต่ยุคของ ซีเนดีน ซีดาน เปเป้ ก็ถูกแทนที่ด้วย ราฟาเอล วาราน กองหลังหนุ่มชาวฝรั่งเศส ขณะที่ รามอส ก็ครองสถานะตัวจริงต่อไป ก่อนแข้งชาวโปรตุเกสจะย้ายไป เบซิคตัส ในปี 2017 

 

 

ปาทริซ วิเอเร่า – มาร์ติน คีโอว์น | อาร์เซน่อล

 

 

อาร์เซน่อลในชุดปัจจุบันไม่มีนักเตะประเภทดุดันไว้คอยเล่นงานหรือตัดเกมคู่แข่งได้อยู่หมัดเท่าไหร่ แตกต่างจากเมื่อเกือบ 20 ปีก่อนที่ในยุคที่พวกเขายังมีลุ้นคว้าแชมป์ลีกที่มี ปาทริซ วิเอร่า คอยดูแลเกมในแดนกลาง และ มาร์ติน คีโอว์น ที่ดูแลความปลอดภัยในแผงหลัง

 

ด้วยสรีระอันขายาวสูงใหญ่ทำให้แข้งชาวฝรั่งเศสได้เปรียบในการเข้าสกัด หรือการเข้าบอลอย่างถึงลูกถึงคน แต่ก็มีเซ้นส์บอลที่ยอดเยี่ยมเหนือกว่านักเตะฮาร์ดแมนทั่วไป ขณะที่ กองหลังชาวอังกฤษ มีสไตล์การเล่นที่ดุดัน กัดไม่ปล่อย และด้วยบุคลิกที่แข็งกร้าวสร้างความหวาดหวั่นให้กับตัวรุกคู่แข่งไม่น้อย

 

การเล่นของทั้งคู่ยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ ปืนใหญ่ ประสบความสำเร็จทั้ง แชมป์พรีเมียร์ลีก กับ เอฟเอ คัพ อย่างละ 3 สมัย และยิ่งใหญ่สุดๆในช่วงที่คว้าแชมป์ลีกแบบไร้พ่ายในฤดูกาล 2003-04

 

 

รอย คีน – ยาป สตัม | แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 

 

 

เรื่องความโหดในสมัยก่อน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็มีพอตัวเช่นกัน โดยเฉพาะในยุคที่พวกเขามีนักเตะอย่าง รอย คีน และ ยาป สตัม อยู่ไล่ล่าความสำเร็จในทีม

 

แม้ไม่ได้เล่นในตำแหน่งเดียวกัน แต่ความดุดัน ไล่อัดคู่แข่งแบบถึงลูกถึงคนต้องบอกว่า คีโน่ และ สตัม ก็ไม่เป็นรองใครทั้งนั้น แม้บางครั้งจะเข้าบอลได้โหดเกินไปในหลายต่อหลายครั้งก็ตาม

 

แต่จุดจบของทั้งคู่ในทีมปีศาจแดงก็ไม่สวยนัก โดยกองหลังชาวดัตช์ถูก เฟอร์กี้ เขี่ยพ้นทีมหลังเขียนหนังสืออัตชีวประวัติที่พูดถึงเรื่องไม่ควรพูดในปี 2001 ขณะที่แข้งฮาร์ดแมนชาวไอร์แลนด์ โดนปล่อยออกจากทีมในปี 2005 หลังพูดวิจารณ์แข้งรุ่นน้องออกสื่อ พร้อมความสัมพันธ์กับ เฟอร์กี้ ที่ไม่ดีนัก

 

 

โอลิเวอร์ คาห์น – สเตฟาน เอฟเฟ่นแบร์ก | บาเยิร์น มิวนิค 

 

 

ทั้ง โอลิเวอร์ คาห์น และ สเตฟาน เอฟเฟ่นแบร์ก เป็น 2 แข้งตำนานของ บาเยิร์น มิวนิค ที่พาทีมประสบความสำเร็จในทุกรายการที่ลงเล่นทั้ง บุนเดสลีก้า, เดเอฟเบ โพคาล หรือบอลยุโรปอย่างยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 

 

นอกจากนี้ บุคลิกในการเป็นผู้นำสูง ไม่เกรงกลัวใคร ยังสามารถเห็นได้ยามที่ทั้ง 2 คนค้าแข้งอยู่ โดยนายด่านฉายา ‘คิง คาห์น’ มักจะตะโกนด่าเพื่อนแนวรับแบบไม่เกรงใจ หากคนไหนทำผิดพลาด ขณะที่ เอฟเฟ่ มีคาแรคเตอร์ ดุดัน ดูทรงพลัง รวมถึงการเข้าสกัดที่ดุเด็ดเร้าใจ จนสามารถเรียกใบเหลืองได้ถึง 109 ใบตลอดอาชีพการค้าแข้ง

 

แต่ เอฟเฟ่นแบร์ก กลับมีงพฤติกรรมทั้งในและนอกสนามที่สุดโต่งชวนปวดมากกว่า คาห์น หลายเท่า เช่นตอนที่ชูนิ้วกลางให้แฟนบอลช่วงฟุตบอลโลกปี 1994 จนถูก แบร์ตี้ โฟ้กส์ ขับพ้นทีมชาติเยอรมัน และไม่ได้เล่นให้กับทัพอินทรีเหล็กเลยนับตั้งแต่นั้น

 

 

เบน แธ็ตเชอร์ – โจอี้ บาร์ตัน | แมนเชสเตอร์ ซิตี้

 

 

ในสมัยที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังไม่ได้กลายเป็นยอดทีมในเกาะอังกฤษอย่างเช่นตอนนี้ พวกเขาเคยมีนักเตะเจ้าปัญหาอยู่ในทีมถึง 2 รายด้วยกัน นั่นก็คือ โจอี้ บาร์ตัน ลูกหม้อจอมแสบ และ เบน แธตเชอร์ แบ็คซ้ายอารมณ์ร้อน

 

ถ้าต้องสาธยายความโหดของ บาร์ตัน ต้องใช้เป็นหน้ากระดาน เพราะเขากัดไม่เลือกหน้าทั้งในและนอกสนาม รวมถึงเพื่อนร่วมค่าย แถมเคยติดคุกมาแล้ว และเหตุการณ์ที่บวกใส่ อุสมัน ดาโบ เพื่อนร่วมทีมเรือใบจนหน้าปูด ก็ยังเป็นที่จดจำของแฟนไม่รู้ลืม

 

ส่วน แธ็ตเชอร์ อดีตแข้งวิมเบิลดัน ทีมสุดเถื่อนในแดนผู้ดี และโหดสมกับลูกหม้อของวิมเบิลดัน เมื่อปี 2006 เขาที่เล่นให้ ซิตี้ ในตอนนั้น เคยจงใจศอกใส่ เปโดร เมนเดส กลางโปรตุเกสที่เล่นให้ ปอร์ทสมัธ จนเกือบสลบคาสนามและต้องปฐมพยาบาลชนิดขอหน้ากากออกซิเจนช่วยหายใจเลย

 

 

วินนี่ โจนส์ – เดนนิส ไวส์ | วิมเบิลดัน

 

 

วิมเบิลดัน ในยุคเครซี่ แก็งค์ ที่มี เดฟ บาสเซ็ตต์ เป็นกุนซือ เต็มไปด้วยผู้เล่นสุดโหดที่พร้อมจะอัดคู่แข่งให้น่วมเพื่อคว้าชัยชนะให้ได้ และถูกยกให้เป็นทีมจอมโหดที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษ  

 

คนที่โหดและโดดเด่นที่สุดในชุดนั้นคงหนีไม่พ้น วินนี่ โจนส์ แข้งฉายา ‘ไอ้โรคจิต’ ที่ไล่หวดคู่แข่งแทนลูกบอล และโด่งดังเป็นพลุแตกในเกมที่ไล่อัดบีบกล่องดวงใจของ พอล แกสคอยน์ รวมช็อตที่ แกรี สตีเวน โดน โจนส์เล่นที่หัวเข่าจนแขวนสตั๊ดไปเลย

 

ขณะที่ เดนนิส ไวส์ เป็นกองกลางอีกคนที่เลือดร้อนไม่แพ้กันในชุดนั้น พร้อมกับพาทีมเอาชนะ ลิเวอร์พูล ในนัดชิงเอฟเอ คัพ ปี 1988 ได้อย่างเหลือเชื่อ ก่อนจะย้ายไปประสบความสำเร็จอีกระดับกับ เชลซี ในเวลาต่อมา

 

 

เดวิด แบ็ตตี้ – ลี โบวเยอร์ | ลีดส์ ยูไนเต็ด

 

 

ย้อนกลับไปในช่วงที่ ลีดส์ ยูไนเต็ด ยังรุ่งโรจน์ได้เข้าไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2000-01 พวกเขามีกองกลางฮาร์ดแมนจอมเดือดอยู่ในทีมถึง 2 คน นั่นก็คือ เดวิด แบ็ตตี้ กับ ลี โบวเยอร์

 

รายแรกนั้นเป็น ผลลิตอะเคเดมี่นกยูงทอง โดยย้ายมาอยู่กับทีม 2 ครั้งคราในปี 1986-1993 และปี 1998-2004 ขณะที่ โบวเยอร์ เป็นเด็กปั้นของชาร์ลตัน ก่อนจะย้ายมาสร้างชื่อในถิ่น เอลแลนด์ โร้ด ในปี 1996

 

วีรกรรมของทั้งคู่ก็ดุเดือดไม่แพ้กัน อย่างกรณีของ แบ็ตตี้ เคยโดนแบนถึง 6 นัดในสมัยที่อยู่นิวคาสเซิล หลังไปผลัก เดวิด เอลเลอเรย์ ผู้ตัดสินใจเกม หรือแลกหมัดกลางสนามกับ แกรม เลอ โซ เพื่อนร่วมทีมแบล็คเบิร์น ส่วนกรณีของ โบวเยอร์ ต้องยกให้ช็อตที่ตะบันหมัดกับ คีรอน ดายเออร์ เพื่อนร่วมทีมในสมัยเล่นให้ นิวคาสเซิล จนโดนใบแดงพร้อมโทษแบนอีก 6 นัดในปี 2005

 

 

จอห์น เทอร์รี่ – ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ | เชลซี

 

 

จอห์น เทอร์รี่ กับ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ อาจไม่ได้เป็นแข้งจุดเดือดต่ำ หรือ ชอบไล่อัดคู่แข่งเป็นนิสัยมากเท่ากับ นักเตะคู่อื่นๆในลิสต์นี้ แต่ทั้ง 2 คนก็ไม่เคยอ่อนข้อให้ใคร และเป็นส่วนผสมที่ลงตัวจนช่วยให้ เชลซี ก้าวขึ้นมาเป็นยอดทีมในพรีเมียรลีกได้

 

โชเซ่ มูรินโญ่ เป็นคนดึงกองหลังชาวโปรตุเกส จากปอร์โต้ มาร่วมทีมในปี 2004 แม้จะมีปัญหาการปรับในแดนผู้ดีช่วงแรกๆ แต่ในเวลาไม่นานนัก เขาก็ค่อยทำผลงานได้ดีขึ้น เช่นเดียวกับความสัมพันธ์กับ เทอร์รี่ ที่ดีขึ้นทั้งในและนอกสนาม และช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จในเวลาต่อมา

 

สำหรับ คาร์วัลโญ่ ที่ไม่ได้มีร่างกายสูงใหญ่นักเมื่อเทียบกับ เทอร์รี่ คู่หูในแผงหลัง แต่ก็เล่นเกมรับได้อย่างเหนี่ยวแน่นและเข้าปะทะได้หนักหน่วง และทางด้าน เทอร์รี่ นอกจากการเล่นเกมรับที่ไว้ใจได้แล้ว ก็แสดงให้ถึงความเป็นผู้นำยามที่เขาลงสนามด้วย