มีสถิติสุดน่าทึ่งมากมายที่ถูกจารึกไว้ในพรีเมียร์ลีก ตลอด 29 ปีที่ผ่านมา แต่มันก็มีโอกาสถูกทำลายได้เช่นกันในฤดูกาลล่าสุดกับฟุตบอลยุคโควิดระบาดแบบนี้
“นักวิทยาศาสตร์ได้คำนวณว่าโอกาสของบางสิ่งบางอย่างที่ไร้เหตุผลอย่างแท้จริงนั้นมีอยู่หนึ่งในล้าน แต่ผู้มีเวทมนตร์ได้คำนวณว่าโอกาสหนึ่งในล้านนั้นจะเพิ่มขึ้นเก้าจากสิบเลย” เทอร์รี่ แพรตเชตต์ นักเขียนนิยายชาวอังกฤษผู้ล่วงลับเคยกล่าวเอาไว้
นั่นถือเป็นประโยคที่สมเหตุสมผลมากสำหรับ พรีเมียร์ลีก เนื่องจากนี่เป็นลีกที่เต็มไปด้วยเรื่องแปลกประหลาดที่มักเกิดขึ้นจนเป็นสิ่งปกติ และมีแนวโน้มว่าเรื่องราวน่าเหลือเชื่อเหล่านั้นจะไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้ เหตุเพราะทุก ๆ ปี กับทุก ๆ ฤดูกาล มักจะมีการทุบสถิติใหม่อยู่เสมอไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ในฤดูกาลนี้ก็คงไม่ต่างกัน ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จึงขอพาไปพบกับ 5 สถิติใหม่ ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2020-21
6 สโมสรแดนผู้ดีในยูซีแอลฤดูกาลหน้า
การที่พรีเมียร์ลีก มี 6 สโมสร ร่วมแข่งขันในฤดูกาลหน้า จำเป็นต้องมี 3 สิ่งนี้เกิดขึ้น อย่างแรก สโมสรจากอังกฤษต้องคว้าแชมป์ ยูโรป้า ลีก จากนั้นหนึ่งในตัวแทนแดนผู้ดีต้องถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก และ ตัวแปรอย่างที่ 3 ที่สัมพันธ์กับ 2 ข้อแรกคือ แชมปยุโรปทั้ง 2 รายการต้องไม่ติดท็อปโฟร์
พรีเมียร์ลีก เคยมีสโมสรเช้าไปแข้งในบอลยุโรปถ้วยใหญ่มากที่สุด 5 ทีมด้วยกัน ซึ่งเกิดขึ้น 2 หน โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในฤดูกาล 2005-06 ที่ ลิเวอร์พูล คว้าถ้วยบิ๊กเอียร์ในปี 2005 แต่ไม่ติดท็อปโฟร์ และเกิดขึ้นอีกครั้งในฤดูกาล 2017-18 เมื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ ยูโรป้า ลีก ในปี 2017 แต่จบอันดับ 6 ในลีก เมื่อพิจารณาจากการไล่ล่าแชมป์ในฤดูกาลล่าสุด นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่แฟนบอลจะได้เห็นทีมจากอังกฤษ 6 ทีมในฤดูกาลหน้า
อาร์เซน่อล และ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ คือทีมมีโอกาสไม่ติดท็อปโฟร์ แต่เป็นตัวเต็งเบอร์ต้น ๆ ในการคว้าแชมป์ยูโรป้า ลีก ขณะที่ เชลซี กับ ลิเวอร์พูล ก็ไม่ต่างกันกับกรณีของ แชมเปี้ยนส์ลีก เพียงแต่อาจจะยากหน่อย เมื่อต้องเจอกับเสือ สิงห์ กระทิง แรด ในเวทียุโรปถ้วยใหญ่
ทีมลอนดอนหลุดท็อปโฟร์ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1996
ในฤดูกาล 1995-96 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ลีก โดยมี นิวคาสเซิล, ลิเวอร์พูล กับ แอสตัน วิลล่า ที่จบอันดับท็อปโฟร์ รองลงมา ส่วนอาร์เซน่อล หลุดอันดับที่ 5 ซึ่งนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ ปืนใหญ่ จบฤดูกาลนอก 4 อันดับแรกจนกระทั่งปี 2016
แม้ กันเนอร์ส จะหลุดท็อปโฟร์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แต่ สเปอร์ส และ เชลซี 2 ตัวแทนจากลอนดอนก็ยังติด 4 อันดับแรกในลีกอยู่ จนกระทั่งตอนนี้ ทั้ง เชลซี, สเปอร์ส และ อาร์เซน่อล ที่รั้งอันดับ 5, 8 และ 9 ในฤดูกาลนี้ตามลำดับ นั่นทำให้โอกาสที่สโมสรจากเมืองหลวงแดนผู้ดี จะหลุดอันดับไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลนี้มีสูง
ทั้ง เลสเตอร์ ก็กำลังทำผลงานได้ดี เช่นเดียวกับ แมนยูไนเต็ด, แมนซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ที่กำลังยึด 4 อันดับแรกอย่างเหนียวแน่น และหากเป็นเช่นนี้จบฤดูกาล จะทำให้สถิติมีทีมจากลอนดอนติดท็อปโฟร์นี้จบลงที่ 24 ปี ทันที
เคนทุบสถิติแอสซิสต์เหนืออองรี
ฤดูกาล 2002-03 เธียร์รี่ อองรี กดไป 20 แอสซิสต์ พา อาร์เซน่อล จบอันดับ 2 รองจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซึ่งสถิติดังกล่าวก็ยังคงอยู่ แม้ เควิน เดอ บรอยน์ เพลย์เมกเกอร์ จาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะทำได้เทียบเท่าในฤดูกาลก่อน แต่ก็ไม่ก้าวข้ามผ่านไปอยู่ดี
และในฤดูกาลนี้ กลับกลายเป็น แฮร์รี่ เคน กองหน้าเบอร์หนึ่งของ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ที่มีโอกาสทำลายสถิตินี้มากกว่าใคร หลังทำไปแล้ว 11 แอสซิสต์ และเขาต้องการอย่างน้อย 11 แอสซิสต์ จาก 16 เกมที่เหลือ เพื่อทำลายสถิตินี้ของ ตำนานดาวยิงปืนใหญ่ เพียงแต่ เคน ต้องหวังว่าเขาจะฟิตเต็มถัง แบบไม่มีอาการบาดเจ็บรบกวนอีกเช่นกัน
สิงห์บลู แซง ปืนใหญ่ ในตารางตลอดกาลพรีเมียร์ลีก
เมื่อเรานึกถึงประวัติศาสตร์ต่าง ๆ ในพรีเมียร์ลีก ย่อมมีเรื่องราวของ เฟอร์กี้ และ อาร์เซน เวนเกอร์ ที่ห่ำหั่นแย่งแชมป์ลีกกัน หรือการเบียดแชมป์ที่สุดแสนตื่นเต้นเร้าใจในแต่ละปี แต่ตอนนี้ เชลซี กำลังจะแซงหน้าทำอันดับเหนือ เชลซี ในสถิติตลอดกาลของลีกผู้ดียุคใหม่
เชลซี คว้าแชมป์ลีก 4 ครั้ง นับตั้งแต่ฤดูกาล 1992 มากกว่าสโมสรจากลอนดอนทุกทีม แต่พวกเขามีแต้มรวม 1,997 แต้ม เป็นรอง อาร์เซน่อล ที่มีอยู่ 2,011 ทว่าก็ตามหลังเพียง 6 แต้มเท่านั้น
มิเกล อาร์เตต้า หวังว่าจะรักษาระยะห่างนี้ได้อีกฤดูกาลเป็นอย่างน้อย แต่เมื่อพิจารณาถึงอาร์เซนอล ที่ฟอร์มแกว่งไปมา ทำให้มีแนวโน้มว่าอาจโดนแซงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยในฤดูกาลนี้ ‘กันเนอร์ส’ มี 8 แต้มตามหลัง ‘สิงห์บลูส์’ จาก 15 เกมที่เหลือ แถมต้องบุกไปเยือนใน สแตมฟอร์ด บริดจ์ อีก
โบลตัน อาจกลายเป็นทีมแรกในพรีเมียร์ลีกที่ร่วงไปเล่นนอกลีก
มี 7 สโมสรที่เคยโลดแล่นในพรีเมียร์ลีก ต้องหล่นไปเล่นในลีกดิวิชั่น 4 นับตั้งแต่ปี 1992 ซึ่ง วิมเบิลดัน กลายเป็นอดีตไปแล้ว ขณะที่ แบรดฟอร์ด ซิตี้ และ โอลด์แฮม แอธเลติก ก็ยังเล่นอยู่ในลีกทู ส่วน สวินดอน ทาวน์, แบล็คพูล กับ พอร์ทสมัธ อยู่ในลีกวัน และ โคเวนทรี่ เป็นทีมเดียวที่หล่นไปลีกร่างแล้วกลับมาเล่นใน แชมเปี้ยนส์ชิพ ได้
โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส เป็นทีมสุดท้าย ซึ่งเคยเล่นในลีกสูงสุดยุคใหม่ถึง 13 ฤดูกาล ถึงขนาดเคยไปเล่นในฟุตบอลยุโรปด้วยซ้ำ และยังคงอยู่ในอันดับที่ 18 ของตารางพรีเมียร์ลีกตลอดกาล ทว่าในปัจจุบัน เดอะ ทร็อตเตอร์ส ตกชั้นไปเล่นในลีกทู และกำลังวนเวียนอยู่โซนอันตราย แต่ก็มีโอกาสรอดพ้นสถิติสุดเลวร้ายนี้เหมือนกัน หลังมีแต้มเหนืออันดับตกชั้น 10 คะแนน กับ 20 ที่เหลือในฤดูกาลนี้ และถ้า โบลตัน ไม่ฟอร์มห่วยจริง ๆ ก็คงอยู่ในลีกทูต่อไปอย่างน้อยอีกฤดูกาล
