ดาบิด เด เคอา ได้รับการยกย่องจากแฟนบอลทั่วทุกสารทิศให้เป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในโลก แต่ในปัจจุบันคำเสริญสรรเยินยอเหล่านั้นกลับไม่ใช่สิ่งที่เราๆได้ยินอยู่บ่อยครั้งดั่งเช่นเมื่อก่อน
ในช่วง 2-3 ฤดูกาลที่ผ่านมา นายทวารชาวสแปนิชแสดงความผิดพลาดออกมาให้อยู่บ้าง แม้จะไม่มากมาย แต่ก็อดไม่ได้ที่แฟนบอลจะหยิบยกเรื่องนี้มาพูดถึงในวงสนทนาลูกหนังอยู่ไม่น้อย
ล่าสุดความเก่งกาจของนายทวารมือหนึ่งทีมปีศาจแดงถูกตั้งข้อสงสัยอีกครั้ง เมื่อตัวเขาพลาดเซพลูกยิง แพทริค ฟาน อัลโฮทต์ พลาดจนกระฉอกเข้าประตูในช่วงทดเวลา ส่งผลให้ทีมของเขาพลาดท่าพ่าย คริสตัล พาเลซไป 2-1 ในเกมพรีเมียร์ลีก เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทำให้ในตอนนี้มีแนวโน้มไม่น้อยว่าเขาจะเสียตำแหน่งทั้งในทีมชาติสเปนและสโมสรอยู่เหมือนกัน แน่นอนว่าการเซฟแบบหวิดๆของ เด เคอา ที่เห็นในล่าสุดอาจโผล่ขึ้นมาให้เห็นเป็นครั้งคราวเท่านั้น แต่คำถามก็คือ เขาจะกลับขึ้นไปเป็นยอดนายทวารฟอร์มหนึบอีกครั้ง หรือยังคงฟอร์มตกต่อไป
เด เคอา เป็นนักเตะชุดที่แมนยูไนเต็ดคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งนับตั้งแต่นั้นเขาก็กลายเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำสโมสรถึง 4 ครั้ง ซึ่งบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขาเป็นคนสำคัญในทีมแค่ไหน และช่วงที่เขาโชว์ฟอร์มเทพที่สุด คงหนีไม่พ้นปีที่ โชเซ่ มูรินโญ่ คุมทีมปีศาจแดงเป็นปีที่ 2 ซึ่งเป็นฤดูกาล 2017-18
และนั่นกลับเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ฟอร์มของเขาค่อยๆตกลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ
เดฟจอมเซฟ
ไม่มีนักฟุตบอลคนไหนไม่เคยทำพลาด แม้แต่แข้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกก็ยังมีวันที่ฟ้าไม่เป็นใจ แต่ไม่ใช่กับ เด เคอา ในฤดูกาล 2017-18 แม้แมนยูไนเต็ดทำแต้มตามหลัง แมนซิตี้ของเป็ป กวาร์ดิโอล่า แชมป์พรีเมียร์ลีกในปีนั้นถึง 19 คะแนนก็ตาม (ซิตี้ 100 แต้ม, ยูไนเต็ด 81 แต้ม)
มูรินโญ่ พยายามอย่างสุดความสามารถจนทำให้ผลงานรองแชมป์ลีกของเขาในปีนั้น ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่หลายคนก็อดสังสัยไม่ได้ว่าสิ่งที่เขาทำกับปอร์โต้ และ อินเตอร์ มิลาน จะเกิดขึ้นกับทีมปีศาจแดงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม สิ่งทีหลายคนคาดหวังจากกุนซือชาวโปรตุกีส กลับไม่มีท่าทีว่าจะเกิดขึ้นเลย และกำลังจะเผยให้เห็นอย่างช้าๆในปีต่อมา
ทุกความสำเร็จและชัยชนะของทีมในช่วงนั้นขึ้นอยู่ มือกาวแดนกระทิง ซึ่งโชว์ฟอร์มได้โดดเด่นกว่าเพื่อนร่วมทีม และเหล่านายทวารคู่แข่งด้วย ยูไนเต็ดอาจยิงได้แค่ 68 ประตูน้อยที่สุดในบรรดาทีมท็อปโฟร์ แต่กลับเสียประตูแค่ 28 ลูก เป็นรองแค่เรือใบสีฟ้าเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หากเทียบฟอร์มแบบตัวต่อตัว เด เคอาเสียประตูไป 28 ลูก (ลงเล่น 37 นัด) ขณะที่ เอแดร์สันเสียแค่ 26 ประตู (ลงเล่น 36 เกม)
ด้วยจำนวนการลงสนามเหล่านั้นกว่า 30 นัด ทำให้เด เคอา เสียประตูหนึ่งลูกในทุกๆ 119 นาที เป็นรองมือกาวชาวบราซิลเลี่ยนที่เสียประตูทุกๆลูกใน 123 นาที แต่ด้วยแนวรับของปีศาจแดงที่ไม่มีความน่าไว้ใจเลย ทำให้เป็นเรื่องน่าประหลาดใจพอสมควรที่ เดฟ ไม่เสียประตูเพิ่มมากกว่านี้
และด้วยสถิติการเซฟประตู 115 ครั้ง จากการลงเล่น 37นัด (เฉลี่ย 3.1 ครั้งต่อเกม) ทำให้ฉายา ‘เดฟ จอมเซฟ’ ถูกเรียกขึ้นมาโดยสาวกเร้ดอาร์มี่ และทำให้เขาคว้ารางวัลถุงมือทองคำในพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรก (และครั้งเดียว) มาได้ด้วยคลีนชีท 18 นัด เอาชนะ เอแดร์สันที่ทำได้แค่ 16 คลีนชีทเท่านั้น
ในปีเดียวกันนี้ อดีตนายทวารแอตเลติโก มาดริด ไม่เคยแสดงควาามผิดพลาดจนทำให้ทีมเสียประตูเลยแม้แต่ครั้งเดียว ช่างปีที่ยอดเยี่ยมสำหรับ เด เคอา อย่างแท้จริง
ฟอร์มดิ่งในบอลโลก
เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่เกิดขึ้นในฤดูกาลนั้น น่าจะช่วยให้เขามีผลงานที่ยอดเยี่ยมต่อไปได้ ทว่าในเวิล์ดคัพฉบับหมีขาวเมื่อปี 2018 กลับกลายฝันร้ายของ เด เคอา หลังได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงให้ทีมสเปนครบทุกนัดรวมรอบน็อกเอ้าท์ (4 นัด) เสียประตูไปถึง 6 ลูกจาก 390 นาที (ทุกๆ 65 นาที) แถมตกรอบในรายการนั้นหลังพ่ายจุดโทษแก่ รัสเซีย ทีมเจ้าภาพ โดยที่ไม่สามารถเซฟลูกโทษได้ในช่วงนั้นได้ซักลูก (4 ลูก)
ช่างเป็นฟอร์มการเล่นที่ห่างไกลกับตอนที่เขาเฝ้าเสาให้ทีมปีศาจแดงในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด จริงๆ
แต่ถึงอย่างนั้นก็มีเรื่องที่พออธิบายได้อยู่ เมื่อทีมกระทิงดุมีแผนการเล่นที่เน้นครองบอลเป้นหลัก นั่นหมายความว่า ผู้รักษาประตูจะไม่ถูกล่อเป้าอยู่ตลอด แตกต่างจากในทีมปีศาจแดงที่ เด เคอา ต้องคอยระแวดระวังและตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
ทฤษฏีนี้อาจจะโน้มน้ามให้คนเชื่อแบบนั้นไม่ได้ทั้งหมด แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นายทวารมือหนึ่งของปีศ่าจแดงคือนักเตะที่จำเป็นต้องได้รับการกระตุ้นให้ตื่นตัวเพื่อทดสอบฝีมืออยู่บ่อยครั้ง ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้เขามีความมั่นใจในการเล่นเพิ่มมากขึ้น
แต่เงามือยังตามมาราวี เด เคอา ถึงแมนเชสเตอร์ ในฤดูกาล 2018-19 และยิ่งทำให้เขาหมดความมั่นใจเข้าไปใหญ่ หลังทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐาน เก็บคลีนชีทได้แค่ 7 เกมเท่านั้น ซึ่งเป็นสถิติที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่เขาย้ายจากตราหมีมาอยู่กับทีมในปี 2011 (ค่าเฉลี่ยต่อฤดดูกาลคือ 13 คลีนชีท)
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเสียประตูไปมากกว่า 54 ลูก เฉลี่ย 1 ลูกต่อ 63 นาที ซึ่งแย่กว่าฤดูกาล 2013-14 หรือหลังยุคเฟอร์กี้ปีแรกที่เสียไป 43 ประตู และดาวเด่นในพรีเมียร์ลีกก็ไม่แค่ เด เคอา อีกต่อไปในฤดูกาลดังกล่าว
นายทวารเบอร์หนึ่งในฤดูกาล 2018-19 คือ อลิสซอน เบ็คเกอร์ จากลิเวอร์พูลที่เก็บคลีนชีทไป 21 นัด พร้อมคว้ารางวัลถุงมือทองคำไปครอง ตามมาด้วย เอแดร์สัน จาก แมนซิตี้ (20 คลีนชีท) รวมไปถึง เกปา อาร์ริซาบาลาก้า นายทวารของเชลซีและมือสองต่อจาก เด เคอา ในทีมชาติสเปน ก็ทำได้มากกว่าเขา (14 คลีนชีท)
นั่นจึงเป็นเรื่องยากมากๆที่มือหนึ่งของยูไนเต็ดจะขึ้นไปเทียบชั้นได้ ยกเว้นเขาเรียกฟอร์มการเล่นแบบในฤดูกาล 2017-18 กลับมาได้อีกครั้ง
สัญญาสุดคาราคาซัง
อีกสิ่งหนึ่งที่ส่งผลให้นายด่านวัย 28 ปี ฟอร์มตกจากเดิมไปพอสมควร คือเรื่องสัญญาของเขากับสโมสรที่ค้างคาและกวนใจบรรดาสาวกปีศาจแดงมานานเกือบปีนับตั้งแต่เดือนพฤจิกายนปีที่แล้ว
เดิมทีสัญญาฉบับปัจจุบันของเขาจะหมดลงหลังจบฤดูกาล 2018-19 แต่บอร์ดบริหารของปีศาจแดงจึงตัดสินใจใช้อ็อปชันนั้นขยายสัญญาอีก 1 ปีทันที เพื่อกันท่าย้ายจะเสียนายทวารคนเก่งไปแบบฟรีๆ หลังจบฤดูกาลนั้น
และที่สำคัญการใช้เงื่อนไขนี้ก็พื่อยื้อให้พวกเขาสามารถตกลงโน้มน้าวให้ เด เคอา ต่อสัญญากับทีมระยะยาวต่อไปได้
แต่ดูเหมือนว่ายิ่งยื้อต่อไป ยิ่งส่งผลต่อฟอร์มการเล่นของเขา ต่อให้เปลี่ยนเก้าอี้กุนซือจาก โชเซ่ มูรินโญ่ เป็น โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ก็ตาม อีกทั้งความคืบหน้าในการเจราสัญญาใหม่ก็ยังไม่มีอยู่เหมือนเดิม
ทว่าในเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา สื่อต่างๆพร้อมใจกันรายงานว่ามือกาวทีมชาติสเปนตกลงสัญญาใหม่กับต้นสังกัดได้แล้ว โดยมีระยะเวลาของสัญญา 6 ปี พร้อมกับได้ค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้นจาก 200,000 ปอนด์เป็น375,000 ปอนด์ ต่อสัปดาห์
ด้วยค่าเหนื่อยขนาดนี้จะทำให้เขากลายเป็นนายทวารที่ได้รับค่าเหนื่อยมากที่สุดในโลกไปโดยปริยาย และถ้าอยู่จนครบสัญญา เขาจะได้ค่าเหนื่อยรวม 117 ล้านปอนด์เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามทุกอย่างดูไม่ราบรื่นอย่างที่ควรจะเป็น เมื่อ เดอะ ซัน สื่อจอมแฉได้เผยว่า เด เคอา จะรอไปจนกว่าเดือนมกราคมปีหน้าและจะพิจารณาอีกครั้งว่าจะต่อสัญญากับทีมออกไป หรือจะไปเจราจากับทีมอื่น เนื่องจากในช่วงเวลานั้นเขาจะกลายเป็นผู้เล่นฟรีเอเยนต์
แฟนผีทั่วโลกคงได้แต่หวังและภาวนาให้เรื่องนี้จากเดอะ ซัน เป็นแค่ข่าวที่เต้าขึ้นมา และไม่เคยเกิดขึ้นเท่านั้น
จุดแก้ไขที่ไม่ใช่แค่ เด เคอา
แต่จากผลงานโดยรวมทั้งหมดก็ยังถือว่ามือกาววัย 28 ปี ยังยอดเยี่ยมอยู่ ซึ่งอธิบายได้ดีว่าทำไมเรอัล มาดริด ถึงจับตามองเขาไม่ห่างในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และแฟนผีก็ได้แต่หวังว่าสัญญาใหม่ที่เขาเพิ่งตกลงกับสโมสรได้ จะช่วยให้ เด เคอาทำหน้าที่เฝ้าเสาในโรงละครแห่งความฝันต่อไปอีกยาวๆ (แม้จะยังไม่เซ็นอย่างเป็นทางการก็ตาม)
แม้เพิ่งพลาดท่าในนัดล่าสุด แต่ด้วยผลงานที่เป็นดั่งหัวใจสำคัญในแนวรับและความสามารถที่เขาแสดงให้เห็นตลอด 8 ปีในสโมสร ฟอร์มการเล่นของ เด เคอา น่าจะเป็นปัญหาที่กวนใจ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา น้อยที่สุดในฤดูกาลนี้
แมนยูไนเต็ดใช้เงินไปมากมายเพื่อเสริมแนวรับให้แข็งแกร่งขึ้นในซัมเมอร์นี้ ทั้ง แฮร์รี่ แม็คไกวร์ และ อารอน วาน-บิสซาก้า ซึ่งมีแนวโน้มในทางที่ดี อย่างไรก็ตาม จากความพ่ายแพ้แก่ คริสตัล พาเลซ 2-1 คารังเหย้าของตัวเอง แสดงให้เห็นว่าทีมยังมีจุดที่ต้องปรับปรุงแก้ไขอีกมากโข และไม่ใช่แค่ตัวของ เด เคอา ที่ต้องเค่นฟอร์มเก่งกลับมาให้ได้อีกครั้ง
แต่หมายถึงนักเตะทุกคนในทีมนี้ด้วยเช่นกันที่ต้องปรับปรุงและพัฒนาไปพร้อมกับนายทวารชาวสแปนิชผู้นี้เช่นกัน