ร่วงหรือรุ่ง! คุยกับ “โค้ชณัฐ” กุนซือดาวรุ่งวงการโต๊ะเล็กวิเคราะห์การเปลี่ยนเเปลงของฟุตซอลไทย
การเเข่งขันฟุตซอลชิงเเชมป์โลกกำลังดุเดือนทีมชาติไทยผ่านเข้ารอบน็อคเอ้าท์ตามคาด เเต่ก่อนที่จะเริ่มรายการวงการฟุตซอลไทยเรามีการเปลี่ยนเเปลงครั้งใหญ่นั้นคือการเปลี่ยนตัวกุนซือจาก โฆเซ่ มาเรีย ปาซอส เมนเดส “ปูลปิส” ก่อนให้ “โค้ชหมี” รักษ์พล สายเนตรงาม ทำหน้าที่เเทน เเต่การปลดเเม่ทัพก่อนออกศึกถือเป็นเรื่องที่ใครไม่ค่อยจะทำกัน จนถึงตอนนี้มีการเปลี่ยนเเปลงเเค่ไหน เเละไทยจะไปได้ดีขนาดไหน วันนี้ ufaarena จะพาไปคุยกับ “โค้ชณัฐ” นายศิวณัฐ เรืองศิลป์ประเสริฐ อดีตกุนซือทีมนนทบุรี ฟุตซอลคลับ
– ปูปิสทำงานมานานไหม,ทำไมอยู่ดีๆถึงเปลี่ยน ตั้งเเต่เปลี่ยนโค้ชอะไรเปลี่ยนไปบ้าง
ปูปิส คือโค้ชที่เรียกได้ว่าเป็นผู้วางรากฐานให้กับวงการฟุตซอลไทยตั้งแต่เข้ามารับหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตซอลทีมชาติไทยตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา ทั้งในเรื่องแท็กติกของเกมส์ซึ่งมีระบบที่ชัดเจนมากขึ้น เกมรุกมีมิติที่หลายหลายในการเข้าทำ เกมรับก็มีความเข้นข้นสูงในการป้องกันเพื่อไม่ให้ทีมเสียประตูง่ายๆ โดยให้ความสำคัญกับกรุ๊ปแท็กติกมากกว่าเรื่องของความสามารถเฉพาะตัวที่เป็นพื้นฐานของนักกีฬาฟุตซอลส่วนใหญ่ในช่วงนั้น ทำให้เกิดเอฟเฟคต่อวงการฟุตซอลในทุกระดับตั้งแต่บอลนักเรียนไปจนถึงลีกอาชีพ เพราะปูปิสได้เปิดคอร์สให้กับบรรดาโค้ชต่างๆเข้าไปศึกษาเรียนรู้วิธีการเล่นในรูปแบบฉบับของสเปนซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่สร้างจุดเปลี่ยนให้กับโค้ชและนักกีฬาของไทย รวมถึงเรื่องชุดความคิด ทัศนคติที่ต้องเป็นมืออาชีพทั้งในและนอกสนาม และการที่ปูปิสเป็นโค้ชที่เข้มงวดและมีระเบียบวินัยมากในการทำงาน จึงทำให้ทีมฟุตซอลไทยพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดด สามารถคว้ารองแชมป์ได้ในรายการชิงแชมป์ทวีปเอเชีย หรือพาทีมชาติไปแข่งขันในฟุตซอลโลกอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเคยพาทีมฟุตซอลไทยขึ้นไปอยู่ในอับดับ 9 ของโลกซึ่งถือว่าเป็นอันดับที่ดีที่สุดและคงเป็นเรื่องยากที่จะกลับไปอยู่จุดนั้นได้อีกเพราะตอนนี้หล่นไปที่อันดับ 17 ของโลกแล้ว ยิ่งในช่วงหลังหลายๆทีมเริ่มหันมาพัฒนากีฬาฟุตซอลมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นทีมจากอาเซียนหรือในเอเชียแม้กระทั่งทีมต่างๆทั่วโลกก็มีการศึกษาและพยายามสร้างบุคลากรและนักกีฬาให้สามารถสู้กับทีมที่เป็นมหาอำนาจฟุตซอลได้อย่าง บราซิล สเปน อิหร่าน เพราะกีฬาฟุตซอลเริ่มเป็นที่สนใจและได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ฟุตซอลไทยเริ่มมีสัญญาณไม่ค่อยดีหลายๆเรื่อง ตั้งแต่ฝ่ายบริหารที่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการทำงาน ระบบการจัดการที่ยังไม่ดูเรียบร้อยหรือเรื่องที่สำคัญอย่างเรื่องของงบประมาณที่ขาดการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง การจัดการแข่งขันลีกอาชีพไม่มีสปอนเซอร์บ้าง ค่าตอบแทนหรือโบนัสต่างๆไม่ออกตรงตามเวลาบ้าง ทำให้จุดนี้เป็นจุดที่โค้ชต่างชาติที่เขาค่อนข้างเป็นกังวลถึงความมั่นคงในอาชีพของเขา อย่างปูปิสก็เคยออกจากทีมชาติไทยไปคุมทีมสโมสรชลบุรี บลูเวฟจนได้แชมป์สโมสรเอเชียและตามด้วยโยกไปคุมทีมชาติอุสเบกิสถานซึ่งเกิดจากปัญหาภายในของสมาคมฯ ก่อนจะกลับมาคุมในรอบที่สองก็ยังไม่วายเกิดปัญหาเรื่องค่าตอบแทนที่เขาเองกัดฟันช่วยมาจนคิดว่าบางครั้งมันก็ไม่แฟร์สำหรับเขา เลยเกิดเหตุที่ทำให้อดคุมทีมชาติไทยในการแข่งขันฟุตซอลโลกครั้งล่าสุดอีก แต่ก็ถือว่าจากกันด้วยดีเพราะปูปิสเองก็เนื้อหอม มีทีมที่สนใจคว้าตัวเขาไปคุมทีมมากมาย แต่สุดท้ายเขาเลือกที่จะไปหาความท้ายทายใหม่กับสโมสรเบนฟิก้า ทีมดังในลีกโปรตุเกส ที่มีโปรเจคใหญ่ในการทวงบัลลังค์แชมป์จากสปอร์ติ้ง ลิสบอน เพื่อนร่วมลีกที่ล่าสุดคว้าแชมป์ในรายการยูฟ่าฟุตซอล แล้วตัวปูปิสเองก็อยู่ประเทศไทยมานาน รักและผูกพันกับทีมงานโค้ช นักกีฬาและกองเชียร์ของไทย เลยไม่ได้มีความรู้สึกที่ไม่ดีหรือติดใจอะไรมาก แถมยังบอกว่าจะขอเป็นกองเชียร์ฟุตซอลไทยตลอดไป
จึงเป็นที่มาของโค้ชหมี รักษ์พล สายเนตรงาม ที่เป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิของปูปิส เคยเป็นผู้ช่วยทั้งในทีมชาติและสโมสร มีความรู้ความสามารถ และได้รับการยอมรับจากทุกคนไม่ว่าจะเป็นสต๊าฟโค้ช นักกีฬาหรือกองเชียร์ เพราะว่าเคยพาทีมสโมสรชลบุรี บลูเวฟ คว้าแชมป์สโมสรเอเชียตามรอยของปูปิส หรือได้แชมป์ไทยลีก 6 สมัย ในระดับทีมชาติก็เคยพาทีมฟุตซอลหญิง คว้าเหรียญทองซีเกมส์ คว้าอันดับ 3 ชิงแชมป์เอชีย และล่าสุดก็ออกไปหาความท้าทายใหม่ในลีกอินโดนีเซีย ก็พาทีมสโมสรแบล็ค สตีล คว้าแชมป์ด้วยสถิติไร้พ่ายอีก คือเรียกได้ว่าไม่มีใครสงสัยในเรื่องของฝีมือในการทำงาน และรูปแบบการเล่นแท็กติกต่างๆ ก็แทบจะไม่แตกต่างจากปูปิสมากเพราะได้เรียนรู้และซึมซับมาตลอด โดยเฉพาะลูกสูตรต่างๆที่มองตาก็รู้ใจกับนักกีฬาแล้ว จึงแทบไม่เห็นรอยต่อที่เกิดขึ้นในช่วงเปลี่ยนถ่ายเลือดใหม่ในครั้งนี้เท่าไหร่ จะมีบ้างก็เรื่องเวลาที่กระชั้นชิดในการเตรียมทีมที่กะทันหัน ต้องมารับเผือกร้อนต่อปูปิส จึงมีเสียงวิจารณ์และความต้องแบกรับความกดดันต่างๆบ้าง เนื่องจากมาตราฐานที่ปูปิสสร้างเอาไว้ค่อนข้างสูง
– โค้ชไทยหรือต่างชาติดีกว่า
ถ้าถามผมคิดว่าเมื่อก่อนคงเป็นโค้ชต่างชาติ เพราะมีความคิดว่าเขาจะนำเอาองค์ความรู้ใหม่ๆ วิทยาการใหม่ๆ มาใช้พัฒนาบุคลากรและนักกีฬาของบ้านเราให้ตามทันเทรนด์ฟุตซอลที่ชาติต่างๆเขาพยายามจะหนีเราอยู่เสมอ โดยที่โค้ชต่างชาติเขามีความรู้ ความสามารถรวมถึงมีคอนเนคชั่นที่ดีอีกด้วย ทำให้คนไทยได้มีโอกาสมากขึ้น เช่น ไปฝึกร่วมซ้อมหรือเซ็นสัญญากับทีมในลีกยุโรป ซึ่งถือว่าตรงนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เราได้ประโยชน์เต็มๆ บางครั้งเขาจะมีข้อมูลการเล่นของทีมต่างๆที่กำลังปรับปรุง เปลี่ยนแปลง แก้ไขหรือพัฒนาในรูปแบบอื่นๆ ซึ่งจะทำให้เราสามารถลดช่องว่างกับทีมระดับโลกได้เยอะทีเดียว
แต่ถ้าถามผมชั่วโมงนี้ ผมอยากได้โค้ชที่เป็นคนไทยมากกว่า เพราะผมค่อนข้างมั่นใจว่าตอนนี้เรามีรากฐานที่แข็งแกร่งพอที่จะสร้างรูปแบบการเล่นที่เป็นสไตล์ของเราเอง มีการฝึกและพัฒนาขึ้นมาตั้งแต่ในระดับเยาวชนจนถึงทีมชาติ รวมถึงโค้ชหรือบุคลากรต่างๆก็มีความรู้ มีประสบการณ์ที่จะสามารถกำหนดเป้าหมายและทิศทางให้สอดคล้องกับธรรมชาติการเล่นของนักกีฬาไทย เข้าใจถึงวัฒนธรรมของบ้านเรา เพื่อที่วันนึงเราจะได้มีปรัชญาหรือแนวทางเป็นของเราเอง แบบที่เป็น DNA ของชาตินั้นๆ อย่าง บราซิลกับสเปนหรืออิหร่านกับญี่ปุ่น ที่ค่อนข้างจะมีคอนเซปต์ที่ชัดเจน พูดง่ายๆคือผมอยากเห็น ไทยแลนด์สไตล์ โดยที่เราไม่ต้องไปรอให้ใครมาถ่ายทอดอย่างเดียว เราสามารถคิดค้นและพัฒนาได้ด้วยตัวของเราเอง
– คิดว่าระบบพัฒนาในไทยจะดีขึ้นไหม มีการสนับสนุนมากกว่านี้ไหม
ก่อนอื่นต้องมาดูว่าตอนนี้อะไรที่ยังไม่พัฒนาบ้าง เช่น ระบบจัดการแข่งขันฟุตซอลลีก ที่ยังขาดความต่อเนื่อง แต่ละทีมยังไม่มีความเป็นมืออาชีพ เรื่องความพร้อมของสนามต่างๆที่ยังไม่ได้มาตรฐานตามที่เอเอฟซีกำหนด นักกีฬาหรือโค้ชก็ยังไม่เชื่อมั่นในมาตรฐานของผู้ตัดสิน นักกีฬายังต้องแข่งฟุตซอลเดินสายเพื่อหารายได้เสริมเพราะสถานะทางการเงินของแต่ละสโสมรยังไม่มีความมั่นคงหรือเพียงพอ หรือเรื่องของการพัฒนาระบบเยาวชนเรายังไม่มีอคาเดมี่ที่มีความพร้อมจริงๆ เน้นเพื่อการพัฒนามากกว่าการแข่งขัน สิ่งเหล่านี้คือปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นถามว่าจะมีการสนับสนุนเข้ามามากกว่านี้มั้ยคงตอบยาก เนื่องจากหน่วยงานหรือองค์การ บริษัทต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เขาก็ยังมองไม่เห็นมูลค่าของตัวทีมหรือนักกีฬาฟุตซอล ที่จะสร้างผลกำไรได้ ถึงแม้กีฬาฟุตซอลจะได้รับความนิยมอย่างมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ก็จริง แต่มันไม่แกรนด์เหมือนกับฟุตบอลที่มีมูลค่าค่อนข้างสูง รายได้ของนักกีฬาฟุตบอลกับฟุตซอลต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะเอาเข้าจริงๆ ตัวของทีมและนักกีฬาก็ไม่พยายามอัพเกรดหรือสร้างความเป็นมืออาชีพขึ้นมา ยังมีความเป็นมือสมัครเล่นและกึ่งอาชีพอยู่ ทำให้ไม่มีสปอนเซอร์รายใหญ่ๆเข้ามาลงทุนกับธุรกิจกีฬาฟุตซอลเท่าที่ควร ซึ่งมันกลับสวนทางกับผลงานของ ฟุตซอลในระดับทีมชาติมากๆ เพราะเราสามารถผ่านเข้าไปแข่งในฟุตซอลโลกรอบสุดท้ายมา 6 สมัยติดต่อกันแล้ว ในระดับอาเซียนไม่ต้องพูดถึงเราคือแชมป์ตลอด 15 สมัย พอดูภาพรวมแล้วต้องบอกว่าฟุตบอลถึงจะผลงานในช่วงหลังๆ อาจจะไม่ดีมากแต่ก็ยังไม่ได้ความนิยมและการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง จึงสรุปได้ว่าเรื่องการบริหารจัดการก็เป็นสิ่งสำคัญ แต่ตัวของทีมสโมสรต่างๆ บุคลากรและนักกีฬาเองก็ต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาไปพัฒนาไปพร้อมๆกันทั้งองคาพยพ
– เเล้วฟุตซอลโลกเปิดมาเเพ้ 1 เสมอ 1 เกมโดยเฉพาะกับโมร็อกโก เรากำลังถอยหลังไหม
ไม่ถอยหลังเลยครับ เพราะดูจากผลงานของทีมชาติไทยนั้นมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ปี 2012 ที่ไทยเราเป็นเจ้าภาพก็สร้างประวัติศาสตร์ เข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้เป็นครั้งแรก ก่อนจะแพ้สเปนรองแชมป์โลกต่อมาในปี 2016 ที่โคลัมเบียก็ยังรักษามาตรฐานได้เหมือนเดิมที่รอบ 16 ทีมสุดท้ายก่อนจะตกรอบไป
ส่วนครั้งนี้ที่ก่อนเริ่มการแข่งขันรอบสุดท้ายก็มีเรื่องที่ทำให้เราขาดความพร้อมไปค่อนข้างเยอะเลย ทั้งปัญหาในการเตรียมทีมเพราะการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่เราไม่สามารถซ้อมได้เต็มที่ มีการเปลี่ยนโค้ชกะทันหัน สภาพร่างกายและจิตใจของนักกีฬาไม่ถึง 100 % แน่นอน จนทำให้แพ้โปรตุเกสแบบนาเสียดายทั้งที่นำก่อนและมีโอกาสเก็บแต้ม แต่ไม่ได้สำคัญเท่ากับนัดที่สองที่เราสามารถแบ่งแต้มกับโมร็อกโกได้ เพราะเชื่อว่านัดสุดท้ายเราจะสามารถเอาชนะหมู่เกาะโซโลม่อนได้และถ้าประตูได้เสียเราดีกว่าอาจทำให้เราเข้าที่สองไปเจอกลุ่ม เอ ไม่ว่าจะเป็น ทีมชาติคาซัคสถานหรือเวเนซูเอล่า เราก็มีโอกาสสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้เป็นครั้งแรกเช่นกัน แต่ถ้าไม่ได้ที่สองของกลุ่ม ก็อาจจะเป็นทีมอันดับสามที่ดีที่สุดผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้อยู่ดี นั่นก็เท่ากับว่าเรายังคงรักษามาตราฐานของเราเอาไว้ได้อย่างดีในเวทีระดับโลก
แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงหลังจากฟุตซอลโลกครั้งนี้ต่างหากที่น่าเป็นห่วง เพราะผู้เล่นตัวหลักๆ อย่าง ศุภวุฒิ กฤษดาหรือจิรวัฒน์ และอีกหลายคนเข้าสู่ช่วงโรยในวัยสามสิบอัพกันหมดแล้ว ผู้เล่นชุดต่อไปที่จะขึ้นมาทดแทนนั้นยังมีน้อยและขาดประสบการณ์ในการแข่งขันระดับทวีปและระดับโลก จริงอยู่ที่หลายคนมีความสามารถอย่างมูฮัมหมัด รณชัย พีรพัฒน์ แต่นี่เพิ่งจะเป็นฟุตซอลโลกครั้งแรกของพวกเขาเอง เขายังต้องการชั่วโมงบินที่มากกว่านี้และต้องมีเด็กรุ่นใหม่ๆ ก้าวเข้ามาอีกเยอะๆ เพราะทีมชาติไทยใกล้ถึงยุคที่ต้องเปลี่ยนถ่ายสายเลือดใหม่ คงต้องใช้เวลาพอสมควรและอาศัยการทำงานที่หนักขึ้นอีกเท่าตัวถ้าหากเราต้องการจะประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ให้ได้ในระดับเอเชียหรือขยับเข้าไปให้ถึงรอบลึกๆและรักษามาตราฐานการเล่นในระดับสูงไว้ให้ได้ในเวทีโลก
– นัดต่อไปในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ไทยจะเจอกับใคร วิเคราห์และฟันธงสกอร์หน่อย
ทีมชาติไทยจะผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันในการแข่งขันฟุตซอลโลก ในครั้งนี้จะเป็นทีมอันดับสามที่ดีที่สุดและผ่านไปเข้าไปพบกับทีมชาติคาซัคสถาน ซึ่งเป็นแชมป์จากกลุ่ม เอ โดยตอนนี้อยู่ในอับดับที่ 7 ของฟีฟ่าแรงกิ้ง และเป็นทีมจากยุโรปที่แข็งแกร่งมากเพราะมีโครงสร้างทีมที่จากสโมสรไครัต อัลมาตี้ ดีกรีแชมป์ยุโรปที่ติดกับทีมมาในครั้งนี้กว่าครึ่งทีม และที่เป็นตัวแปรสำคัญให้ทีมชาติคาซัคสถานสามารถพัฒนาและมีผลงานที่ดีอย่างก้าวกระโดดคงหนีไม่พ้นเรื่องการใช้นักเตะโอนสัญชาติ ซึ่งในชุดนี้มีอยู่ 3 คนที่เป็นกำลังหลักนั่นก็คือนักเตะจากบราซิลที่โอนสัญชาติมาประกอบไปด้วยผู้รักษาประตู ลีโอ ฮิกุยตา ,ริมเส้น ดักลาส จูเนียร์ ,และหน้าเป้า เทย์นาน ดาซิลวา ผนึกกำลังกับเปาโล ริคาร์โด้ กาก้า กุนซือฝีมือดีโค้ชบราซิลที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในระดับสโมสรไครัต อัลมาตี้ ทำให้ทีมชุดนี้ของคาซัคสถานค่อนข้างเป็นต่อทีมชาติไทยอยู่หลายช่วงตัว
ด้วยสไตล์การเล่นที่แข็งแกร่งดุดันแบบยุโรป แต่ก็มีลูกเทคนิคแพรวพราวจากนักเตะตัวโอนสัญชาติจากบราซิลและสิ่งที่สร้างความแตกต่างได้อย่างชัดเจนคือเรื่องเกมรับที่หาจุดอ่อนยากมาก การจะได้ประตูแต่ละลูกไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะคนที่เป็นปราการด่านสุดท้ายอย่างฮิกุยตาคือผู้รักษาประตูที่ถือได้ว่าเก่งที่สุดในโลกคนนึง ณ เวลานี้ การันตีด้วยรางวัล Best Goalkeeper of the wolrd เจ้าของถุงมือทองคำถึง 4 สมัย เพราะไม่ใช่มีดีแค่เรื่องการเซฟเพียงอย่างเดียว แต่สามารถใช้เท้าคอนโทรลลูกบอลหรือยิงประตูได้เฉียบขาดซึ่งไม่ต่างจากผู้เล่นคนหนึ่งเลยหากทีมโดนเพลสซิ่งหนักเขาก็สามารถช่วยแกะบอลในพื้นที่แคบๆ หรือวางบอลยาวๆให้ตัวเป้าเก็บบอลแดนบนได้อีก จึงถือได้ว่าทีมชาติคาซัคสถานที่รูปแบบการเล่นที่หลายหลาย ในทางกลับกันทีมชาติไทยชุดนี้มีจุดอ่อนคือเรื่องเกมรับอย่างเห็นได้ชัด อย่างในนัดล่าสุดถึงจะยิงประตูทีมชาติหมู่เกาะโซโลม่อนได้ถึง 9 ประตู ที่แต่ก็เสียไปถึง 4 ประตู รวมทั้ง 3 นัด เสียไปแล้วกว่า 9 ประตูด้วยกัน นั่นจึงเป็นจุดที่เรารู้ทั้งรู้แต่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ แต่อย่างไรก็ดีเราเองก็ยังมีจุดแข็งและไม้เด็ดอย่างลูกเซทเพลย์และที่สำคัญคือการเล่นในรูปแบบเพาเวอร์เพลย์ซึ่งเปรียบเหมือนไพ่ใบสุดท้ายเมื่อถึงเวลาที่เราต้องการประตูในช่วงชี้ชะตาว่าจะอยู่หรือจะไป นั่นจึงทำให้แต่ละทีมที่เจอกับทีมชาติไทยจะไม่สามารถประมาทหรือมองข้ามเราได้
สุดท้ายนี้คิดว่าแม้ฟุตซอลทีมชาติไทยจะเป็นรองหลายขุมก็จริง แต่พอเดินทางมาถึงรอบน็อคเอาท์แล้วอะไรก็เกิดขึ้นได้ บอลนัดเดียวรู้เรื่อง ถ้าหากว่าทีมชาติไทยเล่นด้วยใจที่เกินร้อย คิดซะว่าเป็นเหมือนนัดชิงชนะเลิศ มีสมาธิกับเกมเกมส์ เล่นตามแทคติกของโค้ชหมีด้วยความอดทน คอยตั้งรับและรอสวนกลับดีๆ เล่นงานในจังหวะผิดพลาดของทีมชาติคาซัคสถานแล้วก็จบสกอร์ได้เฉียบคม แล้วค่อยตีหัวเข้าบ้าน ก็มีโอกาสที่จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการฟุตซอลไทยด้วยการผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งแรก และถ้าดูตามสายแล้วหากคู่แข่งของเราในรอบ 8 ทีมคือทีมเบอร์หนึ่งของเอเชียอย่างทีมชาติอิหร่านที่ฟุตซอลโลกครั้งก่อนที่โคลัมเบียหักปากกาเซียนด้วยการคว้าอันดับที่ 3 และที่เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงก็คือนัดที่พลิกล๊อคเอาชนะบราซิลแชมป์โลก 5 สมัยในรอบ 16 ทีม ก็ถือว่าการแข่งขันฟุตซอลโลกหนที่ 6 ของทีมชาติไทยในครั้งนี้ ไม่มีอะไรน่าผิดหวังหรือเสียใจเลย ไม่แน่อาจจะมีบิ๊กเซอร์ไพร์ก็เป็นได้เพราะเราเองก็เคยล้มอิหร่านมาได้แล้วก่อนหน้านี้
หากจะมีอยู่อย่างเดียวที่น่าเสียดายก็คือการที่แฟนฟุตซอลชาวไทยอาจจะได้เห็นนักฟุตซอลระดับตำนานหลายคน ในการแข่งขันฟุตซอลโลกครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายก็เป็นได้ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็รับใช้ชาติมาอย่างยาวนานและก็สร้างความสุขให้คนไทยมาตลอดหลายปี ซึ่งนักเตะเจนต่อไปที่กำลังจะขึ้นมาเป็นตัวตายตัวแทนก็ล้วนมีความสามารถสูง มีอนาคตที่ดีในเส้นทางทีมชาติ ทั้งนี้ทั้งนั้นผมคิดว่าการแข่งขันแมทต์นี้ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายเราต้องเล่นแบบทิ้งทวนและเล่นให้สนุก อย่ากดดันตัวเองมากเกินไปก็จะทำให้ได้ผลการแข่งขันที่เราต้องการอย่างแน่นอน
แม่ทัพคนใหม่! ส่องรายชื่อ 7 แคนดิเดตว่าที่กุนซือช้างศึก