ฟุตบอลคือเพื่อน : ตามหากัปตันซึบาสะในชีวิตจริง

 

หากพูดถึงการ์ตูนฟุตบอลที่รับความนิยมมากที่สุดในโลก เชื่อว่าหลายคนต้องนึก กัปตันซึบาสะ ที่กำเนิดจากปลายปากกาของอาจารย์ โยอิชิ ทาคาฮาชิ ในปี 1980 เป็นอันดับต้นๆแน่นอน

 

โดยการ์ตูนสัญชาติญี่ปุ่นนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ โอโซระ ซึบาสะ เด็กหนุ่มผู้มีฟุตบอลเป็นเสมือนเพื่อนคู่ใจ และพาทีมโรงเรียนนันคัตสึชิงชัยฟุตบอลแห่งชาติตั้งแต่ระดับประถมยันมัธยม รวมถึงได้เป็นตัวแทนทีมชาติญี่ปุ่นลงเล่นในศึกเยาวชนโลก อีกทั้งยังย้ายไปค้าแข้งต่างแดนกับสโมสรระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น เซา เปาโล ในบราซิล หรือ บาร์เซโลน่า ในสเปน

 

ถึงแม้ในสมัยนั้นหลายคนอาจหลายคนมองว่านี่คือสิ่งเพ้อฝัน และไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ คาซูโยชิ มิอูระ ก็เป็นคนแรกๆในแดนอาทิตย์ที่มีเส้นทางคล้ายๆกับ ซึบาสะ ตรงที่เคยไปเล่นในบราซิลกับ ซานโต๊ส ตั้งแต่อายุยังน้อย แม้จะไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ในยุโรปก็ตาม

 

อย่างไรก็ดี นักเตะเลือดซามูไรในรุ่นๆต่อมากลับพัฒนาทักษะลูกหนังแบบก้าวกระโดด จนการย้ายไปค้าแข้งกับสโมสรดังๆในยุโรปกลายเป็นเรื่องปกติและสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในปัจจุบัน

 

ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จึงพอพาทุกท่านไปวิเคราะห์หาคำตอบว่าในชีวิตจริงมีนักเตะชาวญี่ปุ่นคนไหนบ้างที่มีฝีเท้าใกล้เคียงกับ ซึบาสะ มากที่สุด ผ่านบทความชิ้นนี้กัน

 

 

ทาคูมิ มินามิโนะ 

 

 

เร้ดบลู ซัลซ์บวร์ก ถือเป็นทีมที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมเกินคาดในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2019-20 ที่มีดาวเด่นอย่าง เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์ เป็นตัวชูโรง แต่ชื่อของ ทาคูมิ มินามิโนะ ก็ได้รับการพูดถึงไม่น้อยเช่นกัน

 

กองกลางวัย 25 ปี โชว์ฟอร์มได้ประทับใจยามดวลกับ ลิเวอร์พูล ในรอบแบ่งกลุ่มทั้ง 2 นัด ทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินคว้าตัวเขามาร่วมทีมในเดือนมกราคมปี 2020 ด้วยค่าตัว 7.25 ล้านปอนด์

 

แม้ฝีเท้าจะดูดีใช้ได้ แต่ก็ไม่ได้มีออร่าโดดเด่นหรือความสามารถที่แบกทีมได้เหมือน ซึบาสะ นัก แต่ถ้าเปรียบกับ มิซากิ ทาโร่ คงจะมีความคล้ายคลึงมากกว่า ทั้งเป็นคนที่ค่อนข้างเงียบ มีความสุภาพกับเพื่อนร่วมทีม แต่ก็มองโลกในแง่ดี ยินดีจะเผชิญความท้าทายใหม่ที่เข้ามา และเป็นตัวรุกที่เน้นการแอสซิสต์ในคนอื่นมากกว่ายิงประตูเอง

 

ตัดเกรด : ยังห่างไกล และดูคล้ายกับ มิซากิ มากกว่า

 

 

ชินจิ คากาวะ

 

 

การที่นักเตะจากญี่ปุ่นย้ายมาประสบความสำเร็จกับฟุตบอลอาชีพในยุโรปตั้งแต่อายุยังน้อยถือเป็นยากและเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่ ชินจิ คากาวะ คือหนึ่งในไม่กี่คนที่ทำแบบนั้นได้

 

หลังทำผลงานกับ เซเรโซ โอซาก้า ได้ยอดเยี่ยม ทำให้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คว้าตัวชินจังไปร่วมทีมในปี 2010 และกลายเป็นตัวหลักของเสือเหลือง พร้อมพาทีมคว้าบุนเดสลีก้าได้ 2 สมัยติด ก่อนจะย้ายมาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่าเสียดายที่นับตั้งแต่นั้น ฟอร์มการเล่นของเขาก็ไม่โดดเด่นเหมือนตอนอยู่ ดอร์ทมุนด์ อีกต่อไป

 

ถ้าให้เปรียบเรื่องฝีเท้ากับ ซึบาสะ ก็พอถูไถได้เล็กน้อย แต่ในถ้าจะให้เทียบจริงๆน่าจะเหมือนกับ มิซูกิ จุน เกือบ 100 เปอร์เซนต์ ทั้งความมุ่งมั่นทุ่มเทในสนาม การอ่านเกมรุกที่เฉียบขาด จะแตกต่างตรงที่ คากาวะ ไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจเหมือนกองกลาง เอฟซี โตเกียว เท่านั้น

 

ตัดเกรด : ใกล้เคียงเล็กน้อย แต่เหมือนกับ มิซูกิ มากกว่า

 

เคสุเกะ ฮอนดะ

 

 

ในช่วงต้นยุค 2010 เคสุเกะ ฮอนดะ คือนักเตะญี่ปุ่นที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุด เนื่องจากทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในระดับสโมสรกับ ซีเอสเคเอ มอสโก อีกทั้งเป็นตัวหลักทัพซามูไรบลูเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลกปี 2010 ด้วย

 

แข้งวัย 34 ปีเล่นได้ทังตำแหน่ง กองกลางตัวรุก, ตัวริมเส้น หรือแม้กระทั่ง ฟอลส์ ไนน์ เป็นนักเตะที่แข็งแกร่ง เลี้ยงบอลได้คล่องแคล่ว และเท้าซ้ายทรงพลังที่ทำประตูจากการยิงไกลนอกกรอบมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง

 

แต่ช่วงพีกๆของ ฮอนดะ ก็อยู่แค่ 2-3 ปีเท่านั้น จากนั้นฟอร์มการเล่นตกลงและกลายเป็นแข้งพเนจรหลังลาเอซี มิลานในปี 2017 โดยเล่นทั้งใน เม็กซิโก, ออสเตรเลีย, ฮอลแลนด์ และ บราซิล แค่นี้ก็น่าจะชัดเจนแล้วว่า ฮอนดะ ยังห่างไกลกับ ซึบาสะ มากแค่ไหน 

 

ตัดเกรด : ยังห่างไกล

 

 

คาซูโยชิ มิอูระ

 

 

เจ้าของฉายา ‘คิงคาซู’ น่าจะนักเตะญี่ปุ่นคนแรกๆที่มีเส้นทางคล้ายกับ ซึบาสะ มากที่สุด นั่นก็คือการย้ายไปเล่นฟุตบอลกับเยาวชนที่ บราซิล และได้ลุยอาชีพค้าแข้งแบบเต็มตัว ณ แดนแซมบ้า แม้จะอยู่กับ ซานโต๊ส ก็ตาม

 

หลังจากผจญภัยในลีกบราซิลนาน 8 ปี ก็ย้ายกลับมาค้าแข้งในบ้านเกิดกับ เวอร์ดี้ คาวาซากิ (ปัจจุบันใช้ชื่อ โตเกียว เวอร์ดี้) ในปี 1990 และกลายเป็นช่วงเวลาที่ มิอูระ โชว์ฟอร์เก่งที่สุดในชีวิตค้าแข้งทั้ง แชมป์ลีก 4 สมัย รวมถึงพาทีมชาติญี่ปุ่นคว้าแชมป์ เอเชี่ยน คัพ สมัยแรกในปี 1992 ด้วย

 

ช่วงเวลานั้น เขาได้ย้ายไปค้าแข้งในยุโรป กับ เจนัว ในอิตาลี และ โครเอเชีย ซาเกร็บ ในโครเอเชีย แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนต้องย้ายกลับมาญี่ปุ่นอีกครั้ง ปัจจุบัน มิอูระในวัย 53 ปีก็ยังเล่นฟุตบอลกับ โยโกฮาม่า เอฟซี พร้อมจารึกสถิติเป็นนักฟุตบอลอายุมากที่สุดในโลกยังเล่นค้าแข้งระดับอาชีพอยู่

 

ตัดเกรด : ยังห่างไกลและดูคล้ายแค่ตอนไปบราซิลเท่านั้น

 

 

ฮิเดโตชิ นากาตะ

 

 

ไม่ผิดนักหากจะบอกว่า ฮิเคโตชิ นากาตะ คือกองกลางทีมชาติญี่ปุ่นที่ดีที่สุดตลอดกาล หลังเขาสร้างชื่อให้แฟนบอลทั่วโลกรู้จักว่านักเตะเลือดซามูไรก็มีฝีเท้าที่ดีไม่แพ้แข้งดังในยุโรป โดยได้แรงบัลดาลใจจาก กัปตันซึบาสะ การ์ตูนเรื่องโปรดในวัยเด็ก

 

เขาย้ายไปร่วมทีม เปรูจา ในปี 1998 หลังทำผลงานได้โดดเด่นในฟุตบอลโลกที่ฝรั่งเศส จากนั้นจึงไปเล่นทีมที่ใหญ่กว่าอย่าง โรม่า ในปี 2000 แม้จะตกเป็นตัวสำรองของ ฟรานเชสโก ต็อตติ แต่นากาตะ ก็มีส่วนช่วยให้ หมาป่ากรุงโรมคว้าแชมป์ เซเรียอา ในปี 2001

 

น่าเสียดายไม่น้อยที่ นากาตะ ตัดสินแขวนสตั๊ดด้วยวัยเพียง 29 ปี โดยให้เหตุผลหลักๆว่าฟุตบอลกลายเป็นธุรกิจมากขึ้น และลงเล่นเพื่อมุ่งทำเงินมากกว่าความสนุกสนาน แต่อย่างน้อยเขาก็เป็นคนแรกๆที่แฟนบอลมองว่ามีความคล้ายคลึงกับ ซึบาสะ ในชีวิตจริงมากที่สุด

 

ตัดเกรด : ค่อนข้างใกล้เคียง

 

 

จูนิจิ อินาโมโตะ

 

 

จูนิจิ อินาโมโตะ ถือเป็นนักเตะรุ่นไล่เลี่ยกับ ฮิเดโทชิ นากาตะ และได้ย้ายมาค้าแข้งในยุโรป ตามหลัง นากาตะ ไม่นาน หลังทำผลงานโดดเด่นในสีเสื้อกัมบะ โอซาก้า

 

กองกลางหัวทองย้ายไปเล่นกับ อาร์เซน่อล แบบยืมตัวในปี 2001 แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ลงเล่นซักเกมเดียว จากนั้นจึงย้ายไป ฟูแล่มในปี 2002 ซึ่งเป็นที่ที่เขาทำผลงานได้ดีที่สุดในอังกฤษ แต่โชคร้ายที่อาการบาดเจ็บขาหักทำให้เขาฟอร์มตกลง และไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้ ไม่ว่าตอนที่อยู่กับ เวสต์บรอม, คาร์ดิฟฟ์ หรือ สโมสรอื่นๆในยุโรป จนต้องย้ายกลับบ้านเกิดในปี 2010

 

ปัจจุบัน อินาโมโตะ ก็ยังค้าแข้งกับ ซากามิฮาระ สโมสรระดับเจลีก 3 ในวัย 40 ปี 

 

ตัดเกรด : ไม่ใช่และไม่ใกล้เคียงเลย

 

 

ชุนซูเกะ นากามูระ

 

 

ในยุคหนึ่งทีมชาติญี่ปุ่นเคยสร้างจอมสังหารฟรีคิกมาประดับวงการลูกหนังโลกด้วย นั่นก็คือ ชุนซูเกะ นากามูระ ที่เคยเล่นให้ทัพซามูไรบลูในระหว่างปี 2000-2010 พร้อมกับเท้าซ้ายที่ยิงหรือจ่ายได้ราวกับจับวาง แต่ไม่ได้เว่อร์เหมือนกับ ไดรฟ์ชู้ตของ ซึบาสะ หรอกนะ

 

หลังสร้างชื่อกับ โยโกฮาม่า มารินอส และคว้าแชมป์เอเชี่ยนคัพกับทีมชาติในปี 2000 นากามูระก็ย้ายมาเล่นในยุโรปครั้งแรกกับ เรจจิน่า ในปี 2002 ก่อนจะย้ายไป กลาสโกว เซลติก ในปี 2005 ซึ่งเป็นสโมสรที่เขาประสบความสำเร็จในอาชีพค้าแข้งด้วยการคว้าแชมป์ลีกสก็อตแลนด์ 4 สมัย, สก็อตติช คัพ 1 สมัย และลีก คัพอีก 3 สมัย ตลอด 4 ปีในถิ่นเซลติก ปาร์ค

 

อีกทั้ง นากามูระ ยังโดดเด่นสุดตอนที่ ซิโก้ ตำนานแข้งบราซิลคุมทีมชาติญี่ปุ่น และคว้าแชมป์ทวีปมาครองในปี 2004 พร้อมคว้ารางวัลแข้งยอดเยี่ยมประจำทัวร์เม้นต์มาครอง และปัจจุบัน นากามูระในวัย 43 ปีก็ยังค้าแข้งกับ โยโกฮาม่า เอฟซี ที่มี คาซูโยชิ มิอูระ อยู่ในทีม

 

 

ตัดเกรด : ยังไม่ใช่เท่าไหร่

 

ฮิโรกิ อาเบะ

 

 

นอกเหนือจาก คุโบะ แล้ว ฮิโรกิ อาเบะ ก็เป็นอีกหนึ่งดาวรุ่งที่หลายคนจับตามองว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักในกับทีมชาติญี่ปุ่นได้ในอนาคตเช่นกัน

 

อาเบะได้รับการยกย่องในเรื่องความมั่นใจที่เต็มเปี่ยม เป็นปีกที่มีลูกเล่นแพรวพราว จับทางได้ยาก แถมมีความรวดเร็วไม่แพ้ใครอีกต่างหาก พร้อมกับผลงานพา คาชิม่า แอนท์เลอร์ส คว้าถ้วย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ไม่แปลกที่ บาร์เซโลน่า จะเห็นแววและคว้ามาร่วมทีมในปี 2019

 

ณ ตอนนี้ อาเบะ ยังวนเวียนเล่นให้กับ อาซูลกราน่า ชุดบี อยู่ นั่นทำให้เขาต้องพิสูจน์ตัวเองต่อไปในแง่ของการเป็น โอซาระ ซึบาสะ ในชีวิตจริง แม้อยู่ทีมเดียวกันแล้วก็ตาม

 

ตัดเกรด : มีศักยภาพแต่ตอนนี้ยังห่างไกล

 

ชินจิ โอกาซากิ

 

 

กองหน้าจอมขยันที่อยู่ใน เลสเตอร์ ซิตี้ ชุดปาฏิหารย์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2015-16 อย่าง ชินจิ โอกาซากิ ก็เป็นนักเตะญี่ปุ่นอีกคนได้รับการพูดถึงไม่น้อยในปัจจุบัน

 

แน่นอนว่าด้วยสไตล์การเล่นที่เน้นการขยันวิ่งไล่บอลทุ่มเท่เพื่อทีม ย่อมแตกต่างกับ ซึบาสะ แบบชัดเจนอยู่แล้ว อีกทั้งการทำประตูก็ไม่ใช่จุดแข็งของ โอกาซากิ ทั้งๆที่เล่นในตำแหน่งกองหน้าแท้ๆ 

 

แต่อย่างน้อยการที่เขารั้งอันดับ 3 ของดาวซัลโวสูงสุดในทัพซามูไรบลูที่ 50 ประตู ก็ทำให้ โอกาซากิ พอเทียบเคียงกับ เฮียวงะ โคจิโร่ คู่ปรับของซึบาสะในภาคแรกได้อยู่บ้าง แม้ว่าเขาจะไม่ได้อารมณ์ร้อนเหมือนกับ เจ้าของลูกยิง ‘ไทเกอร์ ช็อต’ ก็ตาม

 

ตัดเกรด : เทียบกับ เฮียวงะ น่าจะเหมาะกว่า

 

 

ทาเคฟุสะ คุโบะ 

 

 

ทาเคฟูสะ คุโบะ เป็นหนึ่งในนักเตะดาวรุ่งที่มีฝีเท้าโดดเด่นจนถูกนำไปเปรียบเทียบว่าเป็น ลิโอเนล เมสซี่ คนต่อไป ซึ่งถูกจับตามองอย่างมากในตอนที่ย้ายมาร่วมทีมเยาวชนของงบาร์เซโลน่า ก่อนจะกลับไปญี่ปุ่นบ้านเกิด และตอนนี้เขาก็กลายเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง หลังกลับมาโชว์ฝีเท้าในลาลีก้าด้วยการเซ็นสัญญากับ เรอัล มาดริด ทีมอริตลอดกาลของบาร์ซ่า

 

แม้จะถูกปล่อยให้ มายอร์ก้า ยืมตัวไปใช้งานในฤดูกาลก่อน และไม่สามารถช่วยให้ทีมหนีรอดตกชั้นได้ แต่ แข้งวัย 19 ปี เป็นนักเตะไม่กี่คนที่โชว์ได้โดดเด่นเกินใครในทีมชาวเกาะ และถึงแม้จะปล่อยให้ บียาร์เรอัล ยืมตัวไปใช้งานอีกครั้งในฤดูกาลหน้า แต่ด้วยศักยภาพและความสามารถที่มี เชื่อว่า คุโบะ จะสามารถก้าวขึ้นไปเป็นตัวหลักของโลส บลังโกส ในอนาคตอันใกล้ได้แน่นอน

 

ซึ่งดูๆไปแล้ว คูโบะ น่าจะเป็นนักเตะที่มีฝีเท้าใกล้เคียงกับ ซึบาสะ มากที่สุดเท่าที่ญี่ปุ่นเคยมีมา ทั้งทักษะความสามารถ, ประสบการณ์ที่เหลือล้นในวัยแค่นี้ และการอยู่กับสโมสรระดับโลกตั้งอายุยังน้อย แม้จะไม่ใช่ อาซูลกราน่า เหมือนที่กัปตันทีมนันคัตซึอยู่ก็ตาม

 

ตัดเกรด : ใกล้เคียงมากที่สุด