ภารกิจลุล่วง! 5 แข้งดังงัดข้อสโมสรจนได้ย้ายสมใจ

 

โดยทั่วไป การโยกย้ายซื้อขายตัวผู้เล่นในวงการลูกหนัง ต้องเกิดจากความยินยอมจากทั้งสามฝ่าย นั่นก็คือสองสโมสรคู่ค้า และตัวนักฟุตบอล ซึ่งในกรณีที่ไม่มีค่าฉีกสัญญา หากผู้ซื้อพร้อม ตัวนักเตะต้องการย้าย แต่ผู้ขายกลับไม่อยากที่จะปล่อย แน่นอนว่าดีลดังกล่าวย่อมไม่เกิดขึ้น

 

แต่บางครั้ง บรรดาพ่อค้าแข้งก็ตัดสินใจใช้วิธีการต่างๆ เพื่อบีบให้ต้นสังกัดของตัวเองต้องยอมปล่อยออกจากทีม โดยเคสดราม่าของ เนย์มาร์ หรือ อองตวน กรีซมันน์ ที่ไม่ยอมกลับมารายงานตัวกับทางสโมสร ก็ถือเป็นหนึ่งในแนวทางที่นิยมใช้กัน

 

แน่นอนว่าการกระทำดังกล่าว ย่อมไม่ได้สำเร็จไปซะทุกคน ทั้งยังมีโอกาสที่คุณจะเผชิญกับฝันร้ายหากการย้ายทีมไม่เกิดขึ้น แต่ก็มีผู้เล่นจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่เล่นงานสโมสรจนต้องยอมปล่อย และต่อไปนี้ คือ 5 นักเตะชื่อดังที่ได้เปลี่ยนสีเสื้อสมความตั้งใจจากการงัดข้อกับทีมตัวเอง

 

ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ (ลิเวอร์พูล ไป บาร์เซโลน่า)

 

 

ลิเวอร์พูล คว้าตัว คูตินโญ่ มาจาก อินเตอร์ มิลาน ในเดือนมกราคม ปี 2013 ด้วยค่าตัวสุดถูกเพียง 8.5 ล้านปอนด์ ก่อนที่ต่อมา เจ้าตัวจะสถาปนาตัวเองกลายเป็นสตาร์คนสำคัญบนถิ่น แอนฟิลด์ แต่ในขณะที่ฝีเท้าของ คูตี้ โดดเด่นขึ้นเรื่อยๆ ผลงานของต้นสังกัดในเวลานั้นกลับยังย่ำอยู่กับที่ และดูไม่มีโอกาสประสบความสำเร็จในสายตาของเขา

 

ทำให้เมื่อมีข่าวว่า บาร์เซโลน่า สนใจ เพลย์เมคเกอร์บราซิเลี่ยนจึงเริ่มออกอาการงอแงทันที โดยเจ้าตัวขอขึ้นบัญชีย้าย ทั้งยังปฏิเสธที่จะลงสนาม เดือดร้อนทางสโมสรต้องออกมาปิดข่าวด้วยการบอกว่าตัวนักเตะบาดเจ็บ จนท้ายที่สุด หงส์แดงก็ต้องจำใจขาย คูตินโญ่ ไปให้กับอาซูลกราน่าในเดือนมกราคม ปี 2018 แต่งานนี้ ลิเวอร์พูล อาจจะเสียใจน้อยหน่อย เมื่อได้เงินปลอบขวัญมาถึง 142 ล้านปอนด์

 

ธิโบต์ กูร์ตัวส์ (เชลซี ไป เรอัล มาดริด)

 

 

กูร์ตัวส์ เสร็จสิ้นภารกิจในศึกฟุตบอลโลก 2018 ด้วยฟอร์มการเซฟประตูอันยอดเยี่ยม พร้อมพาทีมม้ามืดอย่างเบลเยี่ยมไปได้ไกลถึงอันดับที่สาม แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องกลับมารายงานตัวกับ เชลซี จอมหนึบเจ้าของส่วนสูง 199 ซม. กลับเบี้ยวไม่มาตามนัด และยืนกรานจะย้ายกลับสเปนเพื่อไปเฝ้าเสาบนถิ่น ซานติอาโก้ เบร์นาบิว ให้ได้

 

ด้วยสัญญาที่เหลืออีกเพียงปีเดียว บวกกับเวลาปิดตลาดที่กระชั้นชิดเข้ามา สิงห์บลูส์จึงต้องรีบตัดใจขาย กูร์ตัวส์ ไปให้กับราชันชุดขาวด้วยค่าตัว 32 ล้านปอนด์ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียมือกาวรายนี้ไปแบบฟรีๆ และจะได้เอาเวลาไปหานายด่านคนใหม่มาแทนที่ ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ไปทุ่มฉีกสัญญาซิว เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า มาจาก แอธเลติก บิลเบา ด้วยราคาถึง 71 ล้านปอนด์

 

อังเคล ดิ มาเรีย (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไป ปารีส แซงต์-แชร์กแมง)

 

 

แมนฯ ยูไนเต็ด ยอมควักเงินให้กับ เรอัล มาดริด เป็นสถิติสโมสร (ในเวลานั้น) ถึง 59.7 ล้านปอนด์ เพื่อดึง ดิ มาเรีย มาลากเลื้อยในโรงละครแห่งความฝัน อย่างไรก็ตาม เขากลับเล่นได้ดีแค่ช่วงแรกเท่านั้น ก่อนที่สไตล์บอลพรีเมียร์ลีก และการใช้งานผิดประเภทของ หลุยส์ ฟานกัล จะลักพาความสามารถของเจ้าตัวหายไปจนหมดสิ้น

 

มิหนำซ้ำ ปีกชาวอาร์เจนไตน์ยังถูกโจรขึ้นบ้านจนกระทบต่อสภาพจิตใจอย่างรุนแรงอีก เมื่อประกอบกับการที่เขาไม่ได้อยากย้ายมาอยู่กับปีศาจแดงตั้งแต่แรกแล้ว ทำให้ในช่วงซัมเมอร์ปี 2015 หลังเสร็จสิ้นภารกิจรับใช้ทัพฟ้าขาวในศึก โคปา อเมริกา ดิ มาเรีย ก็ตัดสินใจหายหน้าไปดื้อๆ ไม่กลับมารายงานตัวกับทีม บีบให้ ยูไนเต็ด ต้องยอมขาดทุนถึง 16 ล้านปอนด์ เพื่อขายไปให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ทั้งที่เพิ่งใช้งานได้เพียงฤดูกาลเดียว

 

อเล็กซิส ซานเชซ (อาร์เซน่อล ไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

 

 

ในกรณีนี้อาจไม่ได้เป็นการงัดข้อกับสโมสรโดยตรง แต่มันก็ส่งผลเสียต่อทีมไม่น้อยเลยทีเดียว โดยในฤดูกาล 2017-18 อเล็กซิส ที่สัญญากับ อาร์เซน่อล เดินทางเข้าสู่ปีสุดท้าย แสดงออกชัดเจนว่าไม่ต้องการต่อสัญญากับทีมออกไป เนื่องจากต้องการประสบความสำเร็จมากขึ้นในวัยที่กำลังจะเข้าเลขสาม อย่างไรก็ตาม ปัญหาของสตาร์ทีมชาติชิลีไม่ได้มีแค่การปฏิเสธสัญญาใหม่

 

แม้ผลงานในสนามและความทุ่มเทของ อเล็กซิส จะยังไร้ที่ติเช่นเดิม แต่เขากลับก่อปัญหาในด้านอื่นๆแทน ทั้งการโวยวายใส่เพื่อนร่วมทีมเป็นประจำ แสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดบ่อยครั้ง และเริ่มไม่สุงสิงกับใคร ส่งผลให้สปิริตของทีมย่ำแย่ลงจนห้องแต่งตัวพังไม่เป็นท่า ก่อนที่ในเดือนมกราคม ปี 2018 เจ้าตัวจะเลือกย้ายไปอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่จนถึงตอนนี้ อดีตดาวเตะอูดิเนเซ่คงได้รับรู้แล้วว่าการตัดสินใจในครั้งนั้นมันทำให้ชีวิตแย่ลงกว่าเดิมซะอีก

 

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง (ลิเวอร์พูล ไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

 

 

เช่นเดียวกับเคสของ คูตินโญ่ ที่ในขณะนั้น สเตอร์ลิ่ง ถือเป็นดาวรุ่งที่กำลังได้รับการจับตามองอย่างมาก แต่ต้นสังกัดของเขาอย่าง ลิเวอร์พูล ไม่ใช่ทีมที่มีแววจะเป็นแชมป์ได้ในอนาคตอันใกล้ ผิดกับทาง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ทั้งยังพร้อมอัพค่าเหนื่อยให้แบบก้าวกระโดด ทำให้ในช่วงซัมเมอร์ปี 2015 เมื่อเจ้าตัวได้รับรู้ถึงความสนใจจากเรือใบสีฟ้า ปฏิบัติการบีบให้หงส์แดงยอมปล่อยออกจากทีมจึงได้เริ่มขึ้น

 

สเตอร์ลิ่ง ทำการโดดซ้อม และปฏิเสธที่จะไปทัวร์ปรีซีซั่นกับทีม จากนั้นไม่นาน แนวรุกเลือดผู้ดีจึงได้ย้ายไปค้าแข้งกับ แมนฯ ซิตี้ สมใจ แต่ดีลนี้จะเรียกว่า วิน-วิน ก็ได้ เพราะ ซิตี้ ได้นักเตะที่จะกลายเป็นกำลังสำคัญในวันข้างหน้า ส่วนหงส์แดงก็ฟันเงินไปถึง 49 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นค่าหัวที่ตั้งไว้แต่แรก