มองตาก็รู้ใจ : 10 อันดับคู่ปราการหลังจอมแกร่งในทีมชาติยุคปัจจุบัน

 

การที่แฟนบอลได้เห็นคู่กองหลังประสานงานกันได้อย่างเข้าในสโมสรถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่เพลินตา และมีโอกาสที่ทั้งคู่จะพัฒนาความเป็นคู่หูด้วยกันในสโมสรนั้น แต่สิ่งที่สุดยอดมากว่านั้นคือ การเข้าขากันของกองหลังในทีมชาติ เพราะพวกเขามีโอกาสเจอกันในทุกๆ 2-3 เดือนเท่านั้น แต่กลับโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้นี่เป็นสิ่งที่พิเศษกว่าในสโมสรมากๆ

 

และเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศช่วงพักเบรกทีมชาติ ทาง UFA ARENA จึงทำการคัดเลือกและจัด อันดับ 10 กองหลังคู่หูในทีมชาติที่ดีที่สุดในตอนนี้ โดยคือปัจจัยในการเลือกมีทั้งความสำเร็จและคุณภาพของผู้เล่น แต่ฟอร์มการเล่นและความสม่ำเสมอก็คืออีกปัจจัยที่สำคัญกว่าปัจจัยสองอันแรก ซึ่งจะมีใครกันบ้างนั้น ร่วมกันหาคำตอบได้ในบทความนี้เลย

 

 

10.เปเป้ และ รูเบน ดิอาส (โปรตุเกส)
ลงเล่นทีมชาติรวมกัน 110 นัด
คลีนชีท 2 จาก 6 นัด ยามเล่นด้วยกัน

 

เปเป้คือหนึ่งในกองหลังอันดับต้นของยุคนี้ที่มักจะถูกมองข้ามถึงความสามารถและไม่ค่อยได้รับการยกย่องเท่าที่ควร ฟอร์มในทีมชาติที่ดีที่สุดของเขาในทีมชาติโปรตุเกสคือการเป็นแนวรับคนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ยูโร 2018 ซึ่งในตอนนั้นเขายังจับคู่กับ โจเซ่ ฟอนเต้ ในแดนหลัง แต่ทว่าในตอนนี้ คู่หูของเขาคือกองหลังดาวรุ่งอย่าง รูเบน ดิอาซ แทน

 

ปราการหลังจากเบนฟิก้าอายุอาจจะน้อยไปก็จริงกับการเล่นในตำแหน่งนี้ แต่ทว่าเขาก็มีความสามารถมากพอในการเล่นรวมกับกองหลังรุ่นพี่ที่มีอายุมากกว่าเขาถึง 15 ปี และช่วยทดแทนความสามารถที่แต่ละคนต่างขาดหายไปได้ ทำให้คู่แข่งต้องลำบากหน่อยหากต้องการจะทำประตูจากคู่หูต่างวัยคู่นี้

 

 

9.ดาวิดสัน ซานเชซ และ เยอร์รี่ มีน่า (โคลอมเบีย)

ลงเล่นทีมชาติรวมกัน 32 นัด
คลีนชีท 5 นัด จาก 7 นัด ยามเล่นด้วยกัน

 

ซานเชซ และ มีน่า คือสองเพื่อนซี้แผงหลังที่มีศักยภาพมากพอกับการเป็นปราการระดับโลกในอนาคต ซึ่งเต็มไปด้วยความสามารถทั้งที่อายุยังน้อย แน่นอนว่าในตอนนี้ทั้งคู่ยังไม่ได้ยอดเยี่ยมขนาดนั้น แต่หากพัฒนาทักษะที่มีอยู่ต่อไปเรื่อยๆ โอกาสที่จะเกิดขึ้นจริงก็มีสูงมากเช่นกัน

 

ปัจจุบันทั้งคู่ค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก โดยซานเชซก้าวขึ้นเป็นไปตัวหลักของสเปอร์ได้อย่างเหลือเชื่อในปีนี้ ขณะที่มีน่าอยู่กับเอฟเวอร์ตัน แต่ยังไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวหลักได้อย่างถาวร อย่างไรก็ตาม ยามเล่นให้ โลส คาเฟเตรอส ทั้งคู่ต่างทำผลงานได้อย่างเข้าขารู้ใจ ด้วยฟอร์มที่คงเส้นคงวาบวกกับการเล่นลูกกลางอากาศที่แข็งแกร่งไม่เป็นสองรองใคร เชื่อว่าบรรดากองหน้าจะต้องหวาดหวั่นกับคู่กองหลังดาวรุ่งอย่างแน่นอน

 

 

8.โจนาธาน ทาห์ และ นิคลาส ซูเล่อ (เยอรมัน)

ลงเล่นทีมชาติรวมกัน 20 นัด
คลีนชีท 1 นัด จาก 2 นัด ยามเล่นด้วยกัน

 

ในที่สุดแผงหลังทีมอินทรีก็ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงซักที เมื่อ มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ และ เจโรม บัวเต็ง ที่ครองตำแหน่งกองหลังมาอย่างยาวนานหลายปี ถูกโยอาคิม เลิฟ บุนเดสเทรนเนอร์ดร็อปจากทีมชาติ แม้จะเป็นตัวหลักที่พาทีมคว้าแชมป์โลกก็ตาม และในตอนนี้ถึงเวลาของอนาคตใหม่อย่าง โจนาธาน ทาห์ และ นิคลาส ซูเล่อ แล้ว

 

คู่กองหลังเมืองเบียร์เป็นนักเตะที่สูงใหญ่ แต่ก็มีความคล่องแคล่วอยู่พอตัว และทักษะการเล่นกับบอลก็อยู่ในระดับที่ดีเยี่ยมเลย และถึงแม้พวกเขาจะเล่นให้กับสโมสรที่ต่างกัน ไม่เหมือนกับคู่ปราการหลังเก่าอย่าง ฮุมเมิ่ลส์ และ บัวเต็ง ที่เล่นกับบาเยิร์น มิวนิคด้วยกัน แต่พวกเขาทั้งคู่ต่างทำหน้าที่ได้ดีและดูเข้าขากันอย่างเหลือเชื่อ ทั้งๆที่เริ่มเล่นด้วยกันไม่นาน

 

7.มาควินญอส และ เจา มิรันด้า (บราซิล)

 

 

ลงเล่นทีมชาติรวมกัน 87 นัด
คลีนชีท 12 จาก 15 นัด ยามเล่นด้วยกัน

 

ทัพเซเลเซาขึ้นชื่อเรื่องการเล่นเกมรุกที่สนุกและสร้างสรรค์มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ว่าในยุคนี้พวกเขากลับสร้างแนวรับที่แข็งแกร่งออกมาอยู่บ่อยครั้ง และนักเตะอย่าง มาควินญอส และ เจา มิรันด้า ก็เป็นสิ่งที่การันตีได้ดีว่าทำไมพวกเขาถึงเป็นเช่นนั้น

 

ในแผงหลังของทีมบราซิลตอนนี้ พวกเขามีทั้ง มาควินญอส ที่หนุ่มแน่นแต่เต็มไปด้วยความสามารถ และ เจา มิรันด้า ที่มากประสบการณ์ยืนเป็นคู่กองหลังตัวหลัก โดยมี ติอาโก้ ซิลวา แข้งวัยเก๋าและเพื่อนร่วมสโมสรของมาควินญอสในเปแอชเช เข้ามาป็นอีกตัวเลือกพิเศษในแดนหลัง ส่งผลให้แนวรับของทีมแซมบ้าดูแข็งแกร่งขึ้นเป็นกองเลยล่ะ

 

6.ซาลีฟ ซาเน่ และ คาลิดู คูลิบาลี่ (เซเนกัล)

 

 

ลงเล่นทีมชาติรวมกัน 58 นัด
คลีนชีท 7 จาก 12 นัด ยามเล่นด้วยกัน

 

ด้วยความสามารถของ คาลิดู คูลิบาลี่  ทำให้เขาสามารถเล่นคู่กับใครก็ได้ในตำแหน่งกองหลัง แต่มองกันให้ดีแล้ว ซาลีฟ ซาเน่ กองหลังเพื่อนร่วมชาติเซเนกัลจากชาลเก้ 04 คือคนที่เข้าขากับสไตล์การเล่นของปราการหลังนาโปลีอย่างแท้จริง

 

จริงอยู่ที่ซาเน่วัย 28 ปีกำลังเค่นฟอร์มอย่างหนักหลังราชันสีน้ำเงินกำลังตกที่นั่งลำบากในฤดูกาลนี้ แต่เมื่อใดที่เขาได้เล่นเคียงข้างกับคูลิบาลี่ ฟอร์มการเล่นของเขาดูมั่นคงมากๆ ขณะเดียวกันกองหลังจากอัซซูร่าจะคอยอ่านเกมการเล่นของคู่แข่งและเคลียร์จังหวะอันตรายได้อย่างทันท่วงทีเสมอ

 

5.โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ และ แยน แฟร์ตองเก้น (เบลเยี่ยม)

ลงเล่นทีมชาติรวมกัน 198 นัด  
คลีนชีท 24 จาก 73 นัด ยามเล่นด้วยกัน

 

หนึ่งในคู่กองหลังที่ลงเล่นร่วมกันมาอย่างยาวนานทั้งในสโมสรและทีม โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ และ แยน แฟร์ตองเก้น ต่างประสานงานกันได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นสมัยค้าแข้งกับอาแจ็กซ์ตอนเป็นดาวรุ่ง, ยุคปัจจุบันอย่างสเปอร์ หรือในทัพปีศาจแดงแห่งยุโรปก็ตาม  

 

อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าทั้งคู่ลงเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เป็นดาวรุ่งแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่พวกเขาจะรู้จักหน้าที่ของกันและกันเป็นอย่างดี อัลเดอร์ไวเรลด์เป็นกองหลังที่สูงใหญ่แต่สามารถอ่านเกมและวางบอลได้ดี ขณะที่แฟร์ตองเก้นจะมีความรวดเร็วและคล่องแคล่วกว่าแถมยังพาบอลขึ้นได้ดีกว่ากองหลังทั่วไป บวกกับความสามารถในการเล่นกับบอลได้ดีมากๆทั้งคู่ ผลงานพาทีมชาติเบลเยี่ยมคว้าอันดับสามในฟุตบอลโลกคงพิสูจน์ความยอดเยี่ยมของแผงหลังคู้นี้ได้เป็นอย่างดี

4.ราฟาเอล วาราน และ ซามูเอล อุมติตี้ (ฝรั่งเศส)

 

 

ลงเล่นทีมชาติรวมกัน 81 นัด   
คลีนชีท 5 จาก 12 นัด ยามเล่นด้วยกัน

 

จริงๆแล้ว คู่กองหลังแชมป์โลกอย่าง ราฟาเอล วาราน และ ซามูเอล อุมติตี้ ควรจะรั้งอันดับหนึ่งในลิสต์นี้ด้วยซ้ำ ถ้าพวกเขาไม่นัดกันฟอร์มตกซะก่อนนับตั้งแต่โชว์ฟอร์มเด่นที่รัสเซีย วารานเล่นได้ย่ำแย่พอสมควรกับเรอัล มาดริดฤดูกาลนี้ รวมถึง อุมติตี้ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวนจนหายตาไปพักนึงเลยกับบาร์เซโลน่า

 

แต่ถึงกระนั้นทั้งคู่ก็ยังเป็นกองหลังดีกรีแชมป์โลกและมีคุณภาพในระดับยอดเยี่ยมอยู่ ซึ่งในตอนนี้ฟอร์มของทั้งคู่กับกลับมาเข้ารูปเข้ารอยอีกครั้ง ด้วยความสามารถของทั้งวารานและอุมติตี้ ไม่มีสิ่งใดที่เขาไม่สามารถจัดการได้ในเกมรับ และเชื่อว่าพวกเขาจะเป็นหัวใจสำคัญในเกมรับของทีมตราไก่ไปอีกหลายปีเลย

 

 

3.เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ และ จอร์โจ้ คิเอลินี่ (อิตาลี)

 

 

ลงเล่นทีมชาติรวมกัน 185 นัด
คลีนชีท 23 จาก 49 นัด ยามเล่นด้วยกัน

 

ทีมอัซซูรี่กลับมาในเกมระดับชาติอีกครั้ง หลังจากหายหน้าหน้าตาไปในช่วงฟุตบอลโลกปีที่ผ่านมา และทันทีที่พวกเขากลับมา เกมรับที่เป็นของขึ้นชื่อของทีมชาติอิตาลีก็ถูกพูดถึงในทันที หลังนำกองหลังอย่าง เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ และ จอร์โจ้ คิเอลินี่ มายืนคู่กันในแผงหลัง

 

โบนุชชี่ และ คิเอลินี่ คือกองหลังที่มีร่างกายสูงใหญ่ตามแบบฉบับมาตรฐานโลก แต่หลายคนอาจจะมองในแง่ลบว่า กองหลังวัยขนาดนี้จะเล่นในเกมใหญ่ๆระดับชาติไหวหรือ แต่ก็อย่าลืมเช่นกันว่ากองหลังแดนรองเท้าบู้ตคู่นี้เล่นด้วยกันทั้งในทีมชาติและสโมสร่วมกันถึง 10 ปีแล้วทำให้ทั้งคู่ไม่ต้องพูดก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร รวมถึงประสบการณ์ในเกมระดับสูงที่ผู้เล่นอายุน้อยๆไม่มีทางรับรู้ ทำให้พวกเขาสามารถรับมือกับกองหน้าหรือเนวรุกจากทีมตรงข้ามได้ถูกประเภท

2.โฮเซ่ มาเรีย กิเมเนซ และ ดิเอโก้ โกดิน (อุรุกวัย)

 

 

ลงเล่นทีมชาติรวมกัน 172 นัด
คลีนชีท 20 จาก 41 นัด ยามเล่นด้วยกัน

 

ทีมชาติอุรกวัยมีความคล้ายคลึงกับทีมชาติโปรตุเกสพอสมควรในแผงหลัง เพราะทั้งสองชาติต่างใช้คู่กองหลังต่างวัยด้วยกันทั้งคู่ เพียงแต่ว่าทีมจากทวีปอเมริกาใต้ดูจะเหนือกว่า เนื่องจากกิเมเนซ และ โกดิน เป็นคู่กองหลังที่ดูสมบูรณ์แบบทั้งในสโมสรแอตเลติโก้ มาดริด และทีมจอมโหดด้วย แม้ในบ้างครั้งเขาจะใช้ลูกตุกติกเล่นงานคู่แข่งบ้างก็ตาม

 

กิเมเนซในวัย 24 ปีเป็นแข้งที่มีความสามารถ แต่ยังมีปัญหาในเรื่องการควมคุมอารมณ์ในเกมอยู่ โชคดีมากที่เขามีกองหลังวัยเก๋าอย่าง โกดิน คอยช่วยเหลือพร้อมกับถ่ายทอดเคล็ดลับในการยืนแผงหลังให้ ซึ่งตัวกิเมเนซเองก็ตอบแทนโกดินด้วยความเร็วและพลังอันล้นเหลือที่แข้งวัย 33 ปีได้ขาดหายไปเมื่อหลายปีก่อน ทำให้การเล่นแผงหลังของทั้งคู่สมดุลกันอย่างมาก

 

 

1.มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ และ เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ก (ฮอลแลนด์)

 

 

ลงเล่นทีมชาติรวมกัน 37 นัด
คลีนชีท 5 จาก 10 นัด ยามเล่นด้วยกัน

 

นี่คือคู่กองหลังที่สมบูรณ์แบบที่สุด ณ เวลานี้ มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ ปราการหลังดาวรุ่ง และ เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ก หนึ่งในกองหลังฝีเท้าระดับโลก ที่แม้อายุของพวกเขาจะต่างกันถึง 6 ปี (เดอ ลิกต์ 19, ฟาน ไดจ์ก 25) แต่ทว่าลูกหม้อจากอาแจ็กซ์กลับมีภาพลักษณ์ที่โตและนิ่งเกินวัย ซึ่งเมื่อเทียบกับนักเตะวัยเดียวกัน น้อยคนนักที่จะทำได้แบบเขา ส่วน ฟาน ไดจ์ก คงไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ หลังเข้ามาสร้างให้แนวรับของลิเวอร์พูลที่เคยปวกเปียกให้แข็งแกร่งขึ้นได้ภายในเวลาไม่นาน และกำลังพาทีมลุ้นแชมป์ลีกอยู่ในฤดูกาลนี้

 

พวกเขาทั้งคู่คือหนึ่งในนักเตะหลายๆคนที่จะนำทัพอัศวินสีส้มเข้าสู่ยุคใหม่ หลังย้ำอยู่กับที่มาอยู่หลายปีก่อน และหลายคนคงจะเห็นการประสานของคู่นี้มาพอสมควรแล้วในทีมฮอลแลนด์ แต่ในอนาคต เราอาจจะได้เห็น เดอ ลิกต์ ลงเล่นรวมสโมสรเดียวกับ ฟาน ไดจ์ก ก็เป็นได้ หลังหงส์แดงมีข่าวว่าคอยจับตาดูอยู่อย่างใกล้ชิด ซึ่งพวกเขาก็ต้องระวังทีมอย่าง บาร์เซโลน่า หรือ ยูเวนตุส ที่มีโอกาสตัดหน้าคว้าตัวกองหลังดาวรุ่งคนนี้ไปเช่นกัน